จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 720 ในที่สุดก็รอจนเจ้ามาแล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 720 ในที่สุดก็รอจนเจ้ามาแล้ว

หยุนถิงมองดูหนอนในมือจวินเสี่ยวเหยียน นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยเห็นเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวเทียนเล่นอยู่ จึงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

“เสี่ยวเหยียน เจ้าหมายความว่า หนอนตัวนี้เจ้าเป็นคนให้เสี่ยวเทียนก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”

“ใช่ ใช่” จวินเสี่ยวเหยียนผงกหัว

“ดังนั้น ตอนนี้เสี่ยวเทียนยังปลอดภัยอยู่ เขาสามารถปล่อยหนอนพิษกู่น้อยออกมาขอความช่วยเหลือ แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ หยุนถิงตื่นเต้นอย่างมาก”

“ต้องเป็นแบบนี้แน่ ในเมื่อหนอนพิษกู่สามารถออกมาจากทางลับได้ แสดงว่าเสี่ยวเทียนจะต้องอยู่ข้างในแน่ อีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าเขาในทันที แสดงว่าจะต้องมีเป้าหมาย ดังนั้นเสี่ยวเทียนจึงยังไม่มีอันตราย” หัวใจที่เกร็งของจวินหย่วนโยวค่อยผ่อนคลายลง

“งั้นยังรออะไร รีบสั่งคนมาขุด” เฉินอ๋องโม่ฉือชิง รีบพูดเร่งเร้าขึ้นมา

จวินหย่วนโยวรีบสั่งพวกองครักษ์เงามังกร ไปเอาอุปกรณ์มาจากในค่ายมาขุด แต่ที่นั่นล้วนเป็นหินก้อนใหญ่ ไม่สามารถที่จะขุดได้

หลงยีเอาดินปืนออกมาอีกในจำนวนน้อย วางตรงตำแหน่งที่ไกลมาก กลัวจะส่งผลอันตรายต่อจวินเสี่ยวเทียน ทำได้เพียงระเบิดไปด้วย ขุดไปด้วย

แล้วก็ผ่านไปอีกสองวัน วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ก้อนหินก้อนใหญ่พวกนั้นถึงแม้จะถูกขุดออกมาแล้วมากมาย แต่ก็ยังตามหาทางรักไม่เจอ

หยุนถิงร้อนใจอย่างมาก สามวันแล้ว เสี่ยวเทียนไม่เคยห่างจากตนเองนานถึงสามวัน ไม่รู้ว่าเขามีของกินไหม มีน้ำดื่มหรือเปล่า ได้นอนหลับไหม……

“จวินหย่วนโยว หยุนถิง ในเมื่อสามวันแล้วก็ยังหาไม่เจอ บางทีพวกเราอาจจะใช้วิธีการถอยคือการเดินหน้า” โม่เหลิ่งเหยียนเดินมาพูดขึ้น

ล้วนพูดว่าคนที่อยู่ในสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง ตอนนี้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิง คิดแต่จะรีบตามหาจวินเสี่ยวเทียนให้เจอ คนเป็นพ่อแม่ล้วนเป็นเช่นนี้ จึงมองข้ามความเป็นไปได้ทางด้านอื่นไป

จวินหย่วนโยวเข้าใจขึ้นมาทันที เขาหันไปมองดูหยุนถิงพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่ซวนอ๋องพูด ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล”

เฉลียวฉลาดอย่างหยุนถิง เข้าใจขึ้นมาทันที ทั้งสามคนเข้าไปวางแผนกันอยู่ในป่าไม้ด้านข้าง เมื่อกลับมาอีกครั้ง หยุนถิงมองดูหินก้อนใหญ่พวกนั้นแวบหนึ่ง หันไปอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนแล้วเขาเดินจากไป

ไม่ได้ไปที่กระโจม แต่ไปจากค่ายทหาร กลับจวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนก็พาคนล่าถอยไป เหลือไว้เพียงหยุนไห่เทียน นำทีมกลุ่มเล็กตามหาอยู่ที่นั่นต่อ

ฮ่องเต้กลับวัง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป

วี่อู๋เสียที่กำลังดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชาภายในเมืองหลวง แกว่งพัดในมือ มองดูถนนด้านนอก แล้วก็เห็นรถม้าของจวนซื่อจื่อกลับมาพอดี

ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “หยุนถิงไม่เอาลูกชายของนางแล้วหรือ แค่สามวันเองก็กลับมาแล้ว?”

ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน ข้าน้อยสืบรู้มาว่าลูกสาวของจวินหย่วนโยวป่วยหนัก ภายในค่ายไม่มียาสมุนไพร หยุนถิงจึงจำต้องพาลูกกลับมา

ส่วนจวินหย่วนโยวกับซวนอ๋อง พวกเขาพาองครักษ์เงามังกร องครักษ์ลับ พร้อมกับทหารส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังเขตเฉิงเป่ย เห็นบอกว่ามีคนเห็นจวินเสี่ยวเทียนถูกพาไปปรากฏทางด้านนั้น”

วี่อู๋เสียกำพัดในมือไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เขตเฉิงเป่ย เป็นไปได้อย่างไร หรือหย่าผินพาจวินเสี่ยวเทียนออกมาจากทางลับ?”

ไม่น่าเป็นไปได้ ทางลับนั้นมีเพียงเขาที่สามารถเปิดได้อีกครั้ง

“แต่จวินซื่อจื่อกับซวนอ๋องล้วนพาคนไปแล้ว ไม่น่าจะเป็นความเท็จ” ลูกน้องพูดตอบ

หักหลายสิบคนหรือมากกว่าร้อยคน วี่อู๋เสียอาจจะสงสัย แต่ลูกชายที่จวินหย่วนโยวรักใคร่หวงแหนขนาดนั้น กลับพาคนล่าถอยไปทั้งหมด หรือจะเป็นความจริง

หรือเป็นเพราะว่า หย่าผินหักหลังตนเองแล้ว?

“เจ้ามั่นใจว่าเห็นจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนมุ่งหน้าไปทางเขตเฉิงเป่ย?” วี่อู๋เสียตามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ

“เรียนนายท่าน ข้าน้อยเห็นด้วยตาตนเอง มั่นใจอย่างที่สุด”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ส่งคนไปรั้งพวกจวินหย่วนโยวไว้ ข้าเองก็อยากจะเห็นความสามารถขององครักษ์เงามังกร เจ้าตามข้าไปยังค่ายทหาร” วี่อู๋เสียนั่งไม่ติดขึ้นมาแล้วในทันที

หากไม่มีจวินเสี่ยวเทียน เขาจะเอาอะไรไปต่อรองกับหยุนถิง

ค่ายทหาร ด้านนอกเมือง

หยุนไห่เทียนนำพาพวกทหารตามหาอยู่ในป่าต่อไป เคลื่อนไหวกันอยู่อย่างใหญ่โต เสียงก็ค่อนข้างดังมาก คนที่เฝ้าอยู่ตรงทางลับก็มีเยอะ

วี่อู๋เสียมาถึงแล้วก็แอบซุ่มมองอยู่ตลอด รอจนฟ้ามืดค่อยอาศัยเงามืดบังกาย แล้วก็รีบพาลูกน้องตรงไปยังทางลับ

มองดูทหารหลายสิบคนที่เฝ้าอยู่ตรงนั้น วี่อู๋เสียส่งสัญญาณมือ ลูกน้องรีบกระโดดไปในทิศทางทวนลม แล้วโปรยผงยาลงมา

ไม่นาน ทหารพวกนั้นก็หมดสติล้มลง วี่อู๋เสียรีบกระโดดลอยไป

บริเวณรอบทางลับถูกขุดก้อนหินก้อนใหญ่ไปแล้วอย่างมากมาย โชคดีที่เขาเฉลียวฉลาดตั้งแต่แรก ไม่ได้สร้างค่ายกลไว้ตรงทางออก ไม่อย่างนั้นแบบนี้จะถูกทำให้ค้นพบได้โดยง่าย

วี่อู๋เสียเดินออกไปประมาณยี่สิบเก้า ไปหยุดตรงด้านข้างใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกฟันหัก โชคดีที่ต้นไม้ใหญ่เพียงหักเป็นสองท่อน วี่อู๋เสียกดตรงตำแหน่งหนึ่งบนต้นไม้

เสียง “ตูม” ดังขึ้น หินก้อนใหญ่เปิดออก ปรากฏทางลับขึ้นมาทันที

“เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าาจะเข้าไปดู” วี่อู๋เสียพูดสั่ง แล้วก็รีบเข้าไป

หย่าผินที่อยู่ข้างในเมื่อเห็นนายท่านมา ก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ในที่สุดข้าก็รอจนท่านมาถึง”

วี่อู๋เสียมองเห็นเจ้าเด็กน้อยอ้วนท้วนน่ารัก ที่อยู่ด้านข้างของนางคนนั้นทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “จวินเสี่ยวเทียน เจ้ายังอยู่ที่นี่ หรือว่า แย่แล้ว หลงกลแล้ว รีบไป”

วี่อู๋เสียรีบอุ้มจวินเสี่ยวเทียนขึ้นมา พร้อมหันเดินออกไป หย่าผินรีบตามอยู่ข้างหลัง

แต่เมื่อพวกเขาออกมาจากทางรับ ก็ไม่เห็นคนของจวินหย่วนโยวปรากฏ แม้แต่พวกทหารก็ไม่มี

หรือว่าข้าคิดมากไป?

“นายท่าน ทุกอย่างปลอดภัย” ลูกน้องรีบวิ่งมา

“ดี ทุกคนรีบไปจากที่นี่”

จวินเสี่ยวเทียนกำลังจะร้องตะโกน อู๋เสียรีบสะกดจุดเขาไว้อย่างรวดเร็ว จวินเสี่ยวเทียนหมดสติไปทันที

พวกวี่อู๋เสียฉวยโอกาสตอนฟ้ามืดจากไปโดยเร็ว พวกเขาคิดว่าตนเองเคลื่อนไหวอย่างไม่มีใครรู้ กลับไม่รู้ว่าถูกอินทรีทองที่อยู่บินบนฟ้าจับตามองดูแต่แรกแล้ว

เขาไม่ได้กลับไปยังโรงเตี๊ยม แต่เดินทางกลับสำนักสิ้นรักโดยเร็ว เพราะยังไงก็มีเด็กอยู่ข้างกาย เป็นที่ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกชายของจวินหย่วนโยว

จนถึงหลังเที่ยงคืน วี่อู๋เสียค่อยกลับมาถึง เขายกจวินเสี่ยวเทียนให้กับลูกน้อง พร้อมพูดขึ้นว่า “เฝ้าเด็กคนนี้ไว้ให้ดี หากให้เขาหนีไปได้ หัวของเจ้าก็ไม่ต้องเก็บไว้แล้ว”

“ขอรับ” ลูกน้องรีบอุ้มเสี่ยวเทียนออกไป

เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน วี่อู๋เสียเหนื่อยอย่างมาก จึงตรงกับไปพักในห้องของตน

มักรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรผิดปกติ เหมือนคืนนี้ทุกอย่างจะค่อนข้างราบรื่นเกินไป

ส่วนด้านนอกสำนักสิ้นรัก ผู้คนหลายพันคนรีบมุ่งหน้ามาทางนี้ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ล้อมรอบสำนักสิ้นรักไว้ทั้งหมด

“คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่จับตัวลูกชายของเจ้ามาจะเป็นสำนักสิ้นรัก” ม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมา

นี่ก็คือแผนการระหว่างเขากับจวินหย่วนโยว แสร้งทำเป็นจากไป จากนั้นทำให้ศัตรูลดความระแวดระวังและคลายความสงสัย แบบนี้ถึงจะสามารถบังคับให้เขาพาเสี่ยวเทียนออกมา

ที่ไม่ได้รีบช่วยคนตั้งแต่แรก จวินหย่วนโยวอยากรู้ว่าใครกัน ที่ไม่กลัวตายกล้าลักพาตัวลูกชายของเขา

สำนักสิ้นรัก ทำได้ไม่เลว

รูม่านตาสีดำที่แหลมคมของจวินหย่วนโยว ฉายแววความกระหายเลือดและเคียดแค้น กำปั้นในแขนเสื้อแน่นจนส่งเสียงดัง

“องครักษ์เงามังกร ตามข้าเข้าไปช่วยคน คนอื่นรออยู่ที่เดิม เมื่อช่วยเสี่ยวเทียนออกมาได้แล้ว ทุกคนในสำนักสิ้นรัก จัดการให้หมด” จวินหย่วนโยวพูดสั่ง

“ขอรับ”

จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนพาองครักษ์เงามังกรลักลอบเข้าไป พวกคนที่เฝ้าเวรยามพวกนั้นยังไม่ทันรู้ตัว ก็ถูกพวกเขาบิดคอหัก

ต่อให้จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนรักความสะอาด แต่เพื่อจวินเสี่ยวเทียน ทั้งสองคนก็ยังคงเปลี่ยนสวมเสื้อผ้าของทหารยามพวกนั้น องครักษ์เงามังกรคนอื่นก็รีบทำตาม

“แยกย้ายกันไป หาเจอเสี่ยวเทียนแล้วส่งสัญญาณ” จวินหย่วนโยวพูดเสร็จ แล้วก็เดินไปทางด้านข้าง

“ได้” โม่เหลิ่งเหยียน พาคนจำนวนหนึ่งไปยังทิศทางตรงกันข้าม

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท