จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 727

จอมนางข้ามภิภพ

ผิดพลาดอะไรกันแน่ ทั้งที่เลือดมีปฏิกิริยาแล้ว หยุนถิงไม่เข้าใจ

จู่ๆ นางก็คิดขึ้นมาได้ว่า องค์หญิงใหญ่พูดว่า แม่ของนางรอให้นางมีลูกแล้วค่อยมอบให้งาน หรือว่าไม่ได้ต้องการเลือดของตนเอง แต่เป็นของลูก

หยุนถิงรีบสั่งให้ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์อุ้มจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียน พูดคุยกับลูกทั้งสอง ฉวยโอกาสตอนที่ลูกไม่ทันระวังแล้วแทงนิ้วมือของพวกเขา จากนั้นก็หยดเลือดของลูกทั้งสองลงบนกำไรกับบนหนังสือหนังแกะ

“แม่ เจ็บ” จวินเสี่ยวเทียนพูดขึ้นมา

จวินเสี่ยวเหยียนก็หน้าบูด น้ำตาร่วงไหลออกมา

“ขอโทษนะเสี่ยวเทียน เสี่ยวเหยียน แม่จะทำการทดลอง ทำให้พวกเจ้าต้องเจ็บแล้ว แม่เป่าให้พวกเจ้านะ เดี๋ยวแม่ทำของกินอร่อยๆให้พวกเจ้าดีไหม?” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างจริงใจ

ทันใดนั้นแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นบนกำไรสีดำ ส่องสว่างทั่วทั้งห้อง แสงจ้าจนลืมตาไม่ขึ้น

หยุนถิงปรับสายตาแปบหนึ่ง แล้วค่อยลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นภาพปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วก็อึ้งขึ้นมาทันที

แสงสีทองนั้นมีรูปร่างเป็นวงแหวน โอบล้อมด้วยขุนเขาในรัศมีสีทองขนาดใหญ่ มีหมอกหนาโอบล้อม เมืองที่เปล่งประกายด้วยแสงสีม่วงตั้งอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ล้อมรอบด้วยนกและสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน

เหนือมหาสมุทรมีแต่ภูเขา ป่าไม้สูงตระหง่าน ยังมีหมู่บ้านและเมืองมากมายนับไม่ถ้วน หากมองเข้าไปใกล้ๆ ยังสามารถมองเห็นนกและสัตว์ต่างๆ อยู่ภายในด้วย….

เปรียบเสมือนแผนที่สามมิติที่มีชีวิต หยุนถิงไม่เคยเห็นแผนที่แบบนี้มาก่อน เทียบได้กับแผนที่สามมิติในสมัยใหม่

“ซื่อจื่อเฟย นี่คือ?” ซูหลินไม่เข้าใจ

นัยน์ตาฟีนิกซ์ของหยุนถิงหรี่ลงเล็กน้อย กำลังดูแผนที่อย่างละเอียด สุดท้ายก็มองเห็นสัญลักษณ์บนเมืองหนึ่งในทะเล อย่างตื่นเต้นมาก

“นี่คือสัญลักษณ์ของเขตทะเลนิรนาม หลงเอ้อรีบสั่งให้องครักษ์เงามังกร ที่วาดรูปเป็นเข้ามาทั้งหมด ซูหลินเยว่เอ๋อร์ฝนหมึก” หยุนถิงพูดสั่ง

“ขอรับ” หลงเอ้อรีบไปทำตามคำสั่ง

ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาหลายสิบคน เมื่อมองเห็นแสงสีทองกลางอากาศ องครักษ์เงามังกรทั้งหมดต่างตกตะลึง

“แต่ละคนเลือกส่วนหนึ่งแล้ววาดออกมา ต้องรวดเร็ว ไม่รู้ว่าแสงสีทองนี้จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน ทุกคนต้องลงมือให้ไว เดี๋ยวข้าค่อยอธิบายให้พวกเจ้าฟัง” หยุนถิงพูดสั่ง

“ขอรับ” องครักษ์เงามังกรทุกคนรีบหยิบกระดาษมา แล้วลงมือวาด

หยุนถิงก็ลงมือวาด ทุกคนต่างตั้งใจวาด รวดเร็วว่องไวมาก แบ่งเขตกันอย่างชัดเจน บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างตึงเครียด

ไม่นาน แสงสีทองเริ่มจางลง สุดท้ายก็จางหายไป พวกหยุนถิงต่างได้วาดในส่วนของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ทุกคนรีบเอาภาพพวกนี้มาต่อไว้ด้วยกัน มองดูแผนที่ยาวบนพื้น ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมาก

“ข้ายังไม่เคยเห็นแผนที่ที่มีชีวิตแบบนี้มาก่อน น่าตกใจจริงๆ” หลงซานพูดขึ้นมา

“ใช่ ข้าก็ไม่เคยเห็น ที่นี่คือที่ไหนหรือ?” หลงซื่อถามขึ้นมา

“ซื่อจื่อเฟย รอบๆนี้ล้วนเป็นทะเล หรือว่านี่คือ?” หลงยีหันมามองอย่างตกใจ

หยุนถิงผงกหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่คือแผนที่เขตทะเลนิรนาม ไปตามทางในภาพวาด พวกเราน่าจะสามารถตามหาเจอเขตทะเลนิรนาม”

ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อเฟย แผนที่นี้ได้มาจากไหนหรือ ท่านมีครอบครองได้อย่างไร?”

“แม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า ตอนที่องค์หญิงใหญ่เรียกข้าไป ก็เพื่อเอาสิ่งของที่แม่ของข้าฝากไว้มอบให้ข้า ดังนั้นข้าคิดว่า แม่ของข้าน่าจะเป็นคนของเขตทะเลนิรนาม

ส่วนคนที่ลอบทำร้ายซื่อจื่อ จนซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็คือคนของเขตทะเลนิรนาม เดิมยังกังวลว่าจะตามหาพวกเขาไม่เจอ ไม่สามารถที่จะแก้แค้น คราวนี้ง่ายขึ้นแล้ว

แต่ว่าคนที่นั่นมีพลังแข็งแกร่ง พวกเราต้องฝึกฝนให้หนักขึ้น เปลี่ยนกลยุทธ์เดิม เตรียมตัวไว้ก่อน หากวันหนึ่งคนที่นั่นมาลอบทำร้ายอีก พวกเราก็จะได้มีกำลังสามารถปกป้องตนเองและรับมือได้” หยุนถิงพูดขึ้นมา

พวกองครักษ์เงามังกร ต่างก็เข้าใจสิ่งที่ซื่อจื่อเฟยเป็นกังวล หลายวันมานี้ พวกเขาก็ได้มีการคุยปรึกษากัน เกี่ยวกับเรื่องที่ซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บ คนที่สามารถทำร้ายซื่อจื่อบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ จะต้องเป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่ายอดฝีมืออย่างแน่นอน

“ล้วนฟังคำสั่งของซื่อจื่อเฟย”

แล้วหยุนถิงให้เยว่เอ๋อร์กับซูหลิน ไปเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู ตนเองกับพวกหลงยี หารือเกี่ยวกับกลยุทธ์แผนการรบอยู่ในห้อง จากนั้นก็นำแผนที่เข้าไปในมิติ แล้วก็ถ่ายเอกสารออกมาเป็นหลายฉบับ ให้องครักษ์เงามังกรทุกคน คนละหนึ่งฉบับ ให้พวกเขาจดจำขึ้นใจ แล้วหยุนถิงก็นำอาวุธที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ออกมาจากในมิติ สอนวิธีใช้ให้กับทุกคน

เมื่อคุยงานกันก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน เมื่อหยุนถิงออกมาอีกครั้ง ฟ้าก็มืดค่ำแล้ว พวกหลงยีรีบฉวยโอกาสตอนฟ้ามืด ขนอาวุธไปทั้งหมด คนที่ใช้เป็นแล้วก็สอนคนที่ใช้ไม่เป็น จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ใช้เวลาที่รวดเร็วที่สุดให้ทุกคนมีความชำนาญ

“พวกลูกๆล่ะ?” หยุนถิงถาม

“หยุนเฉิงเซี่ยงพาพวกเขาไปทานข้าว เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนรักเขามาก ซื่อจื่อก็อยู่ พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี” ซูหลินพูดตอบ

“หยุนถิง ข้ามีธุระกับเจ้า” บนกำแพง เสียงอันหยิ่งผยองเสียงหนึ่งดังขึ้น จ้าวเม่ยเอ๋อร์กระโดดลอยลงมา

“เรื่องอะไร?”

“มีสายรายงานมาว่า ทางด้านแคว้นเป่ยลี่ มีคนไม่รู้สถานะจำนวนหนึ่งเข้ามา จำนวนมากกว่าร้อยคน สืบไม่รู้ประวัติความเป็นมา แต่ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พูดตอบ

“เป่ยหมิงฉี่รู้เรื่องหรือยัง?” หยุนถิงหันไปมอง

“เจ้าคนนั้นน่าจะรู้เรื่อง เขามีสายไปทั่วสี่แคว้น ยิ่งไปกว่านั้นคนอื่นเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขา”

“พูดก็ถูก”

“หลงซานล่ะ เขาอยู่ที่ไหน?” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ถามขึ้นมา

หยุนถิงยังไม่ทันได้ตอบ จู่ๆบนกำแพงก็มีคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามเจ้าไปหาหลงซานอีก”

คนคนนั้นพูดเสร็จ แล้วก็กำลังจะกระโดดลงมา องครักษ์เงามังกรที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันที สะกดจุดของเขา พร้อมเอาดาบจ่อบนคอของเขา

“จวนซื่อจื่อ ไม่ใช่สถานที่ใครอยากเข้ามาก็ได้” หลงหวู่ส่งเสียงเมินพร้อมพูดขึ้น ดาบยาวในมือก็กำลังจะแทงลงไป

“อย่าฆ่าเขา” จ้าวเม่ยเอ๋อร์รีบร้องห้าม

หยุนถิงหันไปมองดูจ้าวเม่ยเอ๋อร์อย่างสงสัย นางเป็นคนไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด ทำไมจู่ๆถึงมีผู้ชายโผล่มา

จ้าวเม่ยเอ๋อร์เดินไปพูดขึ้นว่า “เจ้าตามมาทำไม?”

“ข้าไม่ให้เจ้าไปหาหลงซานอีก” กัวมู่ไป๋พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ข้าจะไปหาใคร แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

“เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า ข้าหมั้นหมายกับเจ้าไว้ตั้งแต่เด็ก แม่ของเจ้าเป็นคนหมั้นไว้เอง ดังนั้นชั่วชีวิตนี้ เจ้าจะปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาด” กัวมู่ไป๋พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ปัญญาอ่อน ข้าเคยบอกแล้ว เรื่องนั้นถือเป็นโมฆะ และข้าก็ไม่มีทางยอมรับ ข้าไม่มีทางอยู่กับเจ้า” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พูดปฏิเสธทันที

เห็นนางไม่กินทั้งไม้แข็งไม้อ่อน กัวมู่ไป๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าชอบเจ้า ชอบเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้น เจ้ามักชอบวิ่งไล่ตามหลังข้าแล้วเรียกข้าว่าพี่มู่ไป๋

เจ้าชอบกินบะจ่างหวาน ชอบกินของหวาน สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือดอกชบาที่อยู่ด้านหลังเรือนของเจ้าต้นนั้น กลัวความมืดเวลาหลับตอนกลางคืน มักจะต้องเหลือเทียนไว้หนึ่งเล่ม….

นับจากที่เจ้าหายตัวไป ข้าสั่งคนตามหาเจ้ามาตลอด เพราะตอนนั้นข้ายังเป็นเด็ก มีครั้งหนึ่งกลิ้งตกลงเขาเพราะไม่ทันระวัง จนขาหัก

ตอนนั้นข้าหิวแทบตาย กระหายแทบตาย เจ็บปวดแทบตาย มีสิ่งเดียวที่ทำให้ข้าอดทนมาได้ก็คือเจ้า ข้าสาบานในใจว่า หากจะต้องตามหาเจ้าไปตลอดชีวิต ข้าก็จะตามหาต่อไป

ต่อมาข้าถูกคนที่บ้านตามมาเจอแล้วก็รับกลับไป รักษาตัวอยู่สามเดือนจนขาหายดีแล้ว พ่อแม่ของข้าห้ามไหมข้าออกจากบ้าน ข้าจึงฉวยโอกาสทุกๆกลางคืนพวกเขาหลับแล้ว แอบกระโดดกำแพงออกมาตามหา

หนึ่งปี สามปี ห้าปี…. ข้าคิดว่าชั่วชีวิตนี้ คงจะผ่านพ้นไปกับการตามหา หากตามหาเจ้าไม่เจอ ข้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต

  

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท