จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 728 ชั่วชีวิตนี้ข้าเลือกเจ้าเพียงคนเดียว
พ่อกับแม่หาคู่ครองให้ข้า ถูกข้าปฏิเสธไปแล้ว หากไม่สามารถครองคู่กับเจ้า ข้าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต หรือออกไปบวชเป็นพระ
สองปีก่อน ข้าติดตามจ้าวอ๋องมายังแคว้นต้าเยียน จากนั้นจ้าวอ๋องถูกลอบฆ่า ด้วยนิสัยขี้สงสัยและพยาบาทของเขา กลับไม่ถือสาเอาความ
“ยังมีคุณชายใหญ่จ้าว หลังจากที่เขารู้ว่าจ้าวอ๋องถูกลอบฆ่าแล้ว ก็ไม่ตามสืบหาตัวคนร้าย ดังนั้นข้าจึงเริ่มสงสัย บางทีฆาตกรอาจจะเป็นคนที่จ้าวอ๋องรู้จัก”
จนภายหลังสืบรู้เบาะแสของเจ้า เห็นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ วินาทีนั้นข้าดีใจอย่างมาก ไม่กลัวเจ้าจะหัวเราะเย้ย ตอนนั้นข้าร้องไห้ทั้งคืน
ผ่านไปตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยได้ข่าวของเจ้ามาตลอด ข้านึกว่าเจ้าไม่อยู่แล้วจริงๆ ถึงแม้ข้าไม่เคยปล่อยวาง แต่ข้าก็สิ้นหวังแล้วจริงๆ
ต่อมาเห็นเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าข้าอย่างมีชีวิตชีวา ถึงแม้เจ้าจะจำข้าไม่ได้ แต่ข้าก็ดีใจมากจริงๆ เจ้ามีชีวิตอยู่คือสิ่งที่ดีที่สุด
ชั่วชีวิตนี้ข้าเลือกเจ้าแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยู่ต่อ สองปีนี้ติดตามอยู่ข้างกายเจ้ามาตลอด ถึงแม้เจ้าจะปฏิเสธข้ามาตลอด ไม่สนใจข้า กระทั่งลงมือทำร้ายข้า ล้วนไม่เป็นไร ขอเพียงได้เห็นเจ้าข้าก็พอใจแล้ว
แต่ทำไมเจ้าจะต้องหลงชอบหลงซาน ข้าสู้เขาไม่ได้ตรงไหน ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมให้โอกาสข้าสักครั้ง เราสองคนหมั้นหมายกันแล้วนะ” กัวมู่ไป๋พูดออกมาอย่างเจ็บปวด พูดความในใจที่เก็บซ่อนไว้ออกมาทั้งหมด
หยุนถิงตกตะลึง คิดไม่ถึงว่า จ้าวเม่ยเอ๋อร์จะมีคู่หมั้นตั้งแต่เด็ก ผู้ชายคนนี้ยังรักนางอย่างมาก
หลงซานที่อยู่บนกำแพง หมอบอยู่ดีๆก็ถูกยิงเสียจริงๆ เขาแสดงสีหน้าจนใจ
“หลงซาน นี่เจ้ามีศัตรูความรักแล้ว คนอื่นมาเปล่าประกาศถึงจวนซื่อจื่อแล้ว” หลงชีพูดล้อเล่นขึ้นมา
“อย่าพูดไปเรื่อย ข้ากับแม่นางจ้าวนั้นไม่มีอะไร แค่ประลองฝีมือกันเท่านั้น” หลงซานพูดเถียง
“งั้นก็ประลองจนศัตรูความรักออกมาเปิดเผยตัวแล้ว เจ้าแน่จริงๆ หากเจ้าหลงชอบแม่นางจ้าวจริงๆ พวกเราพี่น้องจะช่วยเจ้า” หลงปาพูดขึ้นมาอย่างสนุกสนาน
“หยุดเลย ข้าไม่ได้คิดอะไรกับนาง หากไม่ใช่เพราะนางคอยตามรังควานที่จะต่อสู้กับข้า ข้าไม่มีทางรับปาก” หลงซานพูดอธิบาย
“เจ้าไม่ได้คิดอะไรกับจ้าวเม่ยเอ๋อร์จริงๆหรือ?” หลงชีถามขึ้นมา
“ไม่ได้คิดจริงๆ ข้าเพียงอยากเฝ้าติดตามซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็ไปช่วยเขา ดูเขาค่อนข้างรักอย่างลึกซื้ง เจ้าไปช่วยเหลือเขาให้สมหวัง” หลงปาพูดยุ
“ข้จะช่วยอย่างไร?” หลงซานเพิ่งพูดเสร็จ ก็ถูกหลงชีกับหลงปา ร่วมมือกันโยนเขาออกไป
หลงซานรีบใช้วิชาตัวเบาหลบหลีก ลงมาเหยียบพื้นหรือยังมั่นคง เขาหันไปถลึงตาดุบนกำแพง หลงชีกับหลงปาหลบไปแล้วตั้งแต่แรก
เห็นหลงซานปรากฏตัวอย่างกะทันหัน สีหน้าจ้าวเม่ยเอ๋อร์แลดูทำตัวไม่ถูก
หลงซานก็พูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างเก้อเขินว่า “ข้าเดินผ่านมาพอดี งั้นข้าไปดูซื่อจื่อน้อย” พูดเสร็จแล้วก็กำลังจะไป
จ้าวเม่ยเอ๋อร์ก้าวเดินไปหา ยื่นมือคว้าจับมือหลงซานไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าเพิ่งไป มาได้พอดีเลย กัวมู่ไป๋ ตอนนี้คนที่ข้าชอบคือหลงซาน ข้าไม่ชอบเจ้า”
ดังนั้นเจ้ากับข้านั้นเป็นไปไม่ได้ การหมั้นหมายตั้งแต่เด็กนั้นก็ถือเป็นโมฆะ ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเม่ยเอ๋อร์ตายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ข้าเพียงอยากเป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากเป็นคนของตระกูลจ้าว
หลงซานอยากสะบัดมือจ้าวเม่ยเอ๋อร์ แต่เห็นสีหน้าร้องขอของจ้าวเม่ยเอ๋อร์ ใช้เสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนพูดว่า “ช่วยข้า”
จ้าวเม่ยเอ๋อร์ที่ปกติหยิ่งยโส พูดร้องขอตนเองด้วยเสียงต่ำ หลงซานก็พูดอะไรไม่ออก แล้วจึงไม่เดินจากไป
กัวมู่ไป๋มองดูจ้าวเม่ยเอ๋อร์ดึงมือหลงซานไว้ ทั้งสองคนมองตากัน ในใจรู้สึกแย่จนบอกไม่ถูก ค่อนข้างโกรธโมโห ค่อนข้างอึดอัด
“เม่ยเอ๋อร์ เจ้าชอบเขาจริงหรือ?” น้ำเสียงกัวมู่ไป๋ค่อนข้างเศร้า
“ใช่ ข้าชอบเขา และต่อไปข้าก็จะแต่งงานกับเขา มีลูกชายลูกสาวให้กับเขา ดังนั้นเจ้าไปเถอะ ไม่ต้องมารบกวนข้าอีก ไม่งั้นหลงซานจะไม่พอใจ” จ้าวเม่ยเอ๋อร์พูดพร้อมยื่นมือไปกอดแขนหลงซานไว้
หลงซานอึ้ง คิ้วขมวดชนกันแน่น แต่ยังไงก็ไม่ได้ผลักจ้าวเม่ยเอ๋อร์
หยุนถิงเห็นอย่างชัดเจนและเข้าใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรมาก
เรื่องของความรัก มีเพียงพวกเขาต้องไปเผชิญหน้าแก้ไขด้วยตนเอง
สีหน้ากัวมู่ไป๋โศกเศร้าเจ็บปวด ดวงตาแดง สีหน้าขาวซีดอย่างมาก มองดูท่าทีเด็ดเดี่ยวของนาง ในใจเจ็บปวดอย่างที่สุด ทุกข์ทรมานอย่างมาก
“เป็นเพราะข้าวู่วามเกินไป รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าวางใจ ต่อไปข้าจะไม่มาหาเจ้าอีก” กัวมู่ไป๋พูดอย่างถอดถอนใจ
หลงหวู่ที่อยู่ด้านข้างค่อยชักดาบเก็บ ช่วยคลายสะกดจุดให้กับเขา
กัวมู่ไป๋ได้รับอิสระ มองดูจ้าวเม่ยเอ๋อร์แวบหนึ่ง แล้วหันเดินจากไป
เงาด้านหลังนั้นโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก หยุนถิงมองดูอยู่อย่างค่อนข้างทำใจไม่ลง
เห็นเขาไปแล้ว จ้าวเม่ยเอ๋อร์ปล่อยมือที่กอดแขนหลงซาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณที่เมื่อกี้เจ้าช่วยเหลือ เจ้าไม่ต้องเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า”
“ข้ารู้” หลงซานหันเดินไปยังเรือนด้านหน้า
คนอื่นต่างก็แยกย้าย เรื่องทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้
“ทำไมต้องปฏิเสธเขา ข้าดูออกว่าเจ้ารู้สึกกับเขาอย่างไม่ธรรมดา?” หยุนถิงเดินมาถาม
จ้าวเม่ยเอ๋อร์ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้ากับเขาไม่ใช่คนที่เดินเส้นทางเดียวกัน เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลกัว ต่อไปจะต้องสืบทอดทุกอย่างของตระกูลกัว ส่วนข้านั้นเกลียดชังการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลใหญ่ที่สุด หากไม่เคยผ่านเรื่องราวมามากมาย บางทีข้าอาจจะแต่งงานกับเขา แต่ตอนนี้ข้ากับเขาเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“เรื่องส่วนตัวของเจ้า จัดการและตัดสินใจด้วยตนเองเถอะ ไป ตามข้าไปยังจวนผี” หยุนถิงพูดขึ้นมา
“ได้”
พวกจวินหย่วนโยวรออยู่ในเรือนด้านหน้านานแล้ว ก็ยังไม่เห็นหยุนถิงมา จึงรีบถามหลงซาน
หลงซานจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนด้านหลังให้ซื่อจื่อฟัง หลังจากจวินหย่วนโยวฟังแล้ว ก็ไม่พูดอะไร
ส่วนจวนผีของหยุนถิง คืนนี้ได้ใช้มิติคัดลอกอาวุธมากมาย ล้วนเป็นอาวุธร้ายแรง
นางให้จ้าวเม่ยเอ๋อร์ จัดคนนำส่วนหนึ่งไปให้กับชางหลันเย่ อีกส่วนหนึ่งนำไปให้เป่ยหมิงฉี่ แล้วก็สั่งคนไปแจ้งหมิงจิ่วซาง
คืนนี้มีคนเข้าออกจวนผีเป็นจำนวนมาก อาศัยความมืดยามค่ำคืนมาบดบัง ต่างเร่งมือกันอย่างมาก
รอเมื่อหยุนถิงกลับมาถึงจวนซื่อจื่อ ฟ้าก็สว่างแล้ว
หยุนถิงเพิ่งนอนลง จวินหย่วนโยวก็ขยับมาหา พร้อมพูดขึ้นว่า “นอนอย่างสบายใจเถอะ”
หยุนถิงตื้นตันใจอย่างมาก ยิ่งมือไปกอดจวินหย่วนโยวไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี”
ใช้มิติมาทั้งคืน หยุนถิงเหนื่ออย่างมากจริงๆ ซบแนบอกจวินหย่วนโยวครู่เดียวก็หลับไปแล้ว
จวินหย่วนโยวฟังเสียงลมหายใจแผ่วเบาของนาง อย่างสงสารจับใจ ยื่นมือดึงผ้าห่มมาช่วยคลุมให้กับหยุนถิง แล้วก็ค่อยหลับตาตาม
ส่วนทางนี้ วี่อู๋เสียฟื้นขึ้นมาเพราะกลิ่นเหม็นหึ่ง มีอะไรกำลังกัดร่างกายตนเอง เจ็บจนเขาขมวดคิ้ว เจ็บปวดจนฟื้นขึ้นมา
วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา วี่อู๋เสียนิ่งอึ้งไปทันที
ตรงหน้าของเขาเป็นหมูตัวโต และหมูตัวนั้นกำลังใช้ปากกัดเขา กลิ่นหมูที่เหม็นหึ่งทำให้ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน จนแทบจะเหม็นจนหมดสติไป
ข้างกายมีหมูหลายสิบตัวล้อมรอบเขา มีตัวที่กล่อมเขา มีตัวที่กัดเขา มีตัวที่เหยียบเขา….ด้านข้างยังมีหมูหลายสิบตัวเบียดเขา พร้อมเดินไปมา กลิ่นขี้หมูบนพื้นที่เหม็นเน่าทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก
วี่อู๋เสียพูดขึ้นมาอย่างโกรธโมโหว่า “พวกหมูสมควรตาย ไสหัวไป” พูดเสร็จ ก็ฟาดฝ่ามือไปยังหมูพวกนั้น
จู่ๆ เขาก็รู้สึกสับสน เพราะวี่อู๋เสียพบว่า ตนเองไม่มีกำลังภายในแล้ว แม้แต่วิทยายุทธ์ก็ไม่มีแล้ว ทั่วทั้งร่างกายไร้เรี่ยวแรง มือที่ยกขึ้นมาก็อ่อนปวกเปียก อย่าว่าแต่สะเทือนหมูพวกนั้นเลย ทันใดนั้นหมูก็อ้าปากกำลังมาหาแขนของเขา
“เจ็บมากเลย ไอ้หมู ไสหัวไป อย่าแตะต้องข้า”