จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 731 ข้าไม่คู่ควรกับนาง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่731 ข้าไม่คู่ควรกับนาง

“ลูกชายของนายท่านอู๋นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก เขาแต่งภรรยามาสี่คนล้วนถูกเขาตีตายหมด วิธีการนั้นโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมาก หากซื่อจื่อเฟยให้คุณหนูสามแต่งกับเขา ก็เหมือนผลักคุณหนูสามเข้าหลุมไฟชัดๆ” ซูนฟั่งอธิบาย

“นางเป็นเพียงบุตรีอนุภรรยา สามารถแต่งกับลูกชายของซ่างซูกรมพิธีการก็ดีมากแล้ว ยังจะมีสิทธิ์อะไรมาเลือกมากอีก!” หยุนถิงทำหน้าหมดความอดทน

“หลายปีมานี้คุณหนูสามบริหารจัดการร้านเนื้อย่างอย่างทุ่มเทและมีจิตใจที่รับผิดชอบสูง และอดทนต่อความยากลำบากและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ท่านจะทำอย่างนี้กับนางได้อย่างไร” ซูนฟั่งไม่มีเวลามากลัว จ้องมองมาด้วยความโกรธ

“ทุ่มเททำงานและมีจิตใจที่รับผิดชอบสูง และอดทนต่อความยากลำบากและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ นั่นคือสิ่งที่นางควรทำอยู่แล้ว ตอนนี้ร้านเนื้อย่างเติบใหญ่แล้ว ไม่ต้องการนางแล้ว ข้าก็ต้องให้นางแต่งออกไป มิเช่นนั้นจะให้นางอยู่กินและดื่มในตระกูลหยุนไปเปล่าๆหรือ” หยุนถิงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม

ซูนฟั่งไม่อยากจะเชื่อ “ท่านเป็นซื่อจื่อเฟยจริงหรือ ซื่อจื่อเฟยเป็นผู้ที่มีสัจธรรมมาโดยตลอด และยิ่งเป็นคนที่เข้าข้างครอบครัวของตัวเองยิ่งนัก นางไม่มีทางปฏิบัติกับน้องสาวแท้ๆของตัวเองเช่นนี้แน่”

“ฮ่าฮ่า ข้าก็ต้องเป็นหยุนถิงอยู่แล้ว หรือเจ้าสงสัยว่าองครักษ์เงามังกรจะน้อมเคารพคนผิด ข่าวลือจะยังไงก็เป็นข่าวลือ ข้าเป็นคนอย่างไร ยังไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาตัดสิน หลงเอ้อเจ้าไปหรือไม่!” หยุนถิงออกคำสั่ง

“ขอรับ!” หลงเอ้อหันหลังและจะไป

หากให้คุณหนูซูแต่งกับคุณชายอู๋ นางก็มีเพียงทางตาย แน่นอนว่าซูนฟั่งก็ไม่อาจทนเห็นหยุนซูเกิดเรื่องได้

“เดี๋ยวก่อน ซื่อจื่อเฟยโปรดท่านอย่าให้คุณหนูสามแต่งกับคุณชายอู๋เลย ข้ายอมใช้ชีวิตของข้ามาแลกความอิสระของคุณหนูสาม!” ซูนฟั่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“มีสิทธิ์อะไรมาพูดสิ่งเหล่านี้กับข้า ขอทานคนหนึ่งก็คู่ควรที่จะมาต่อรองเงื่อนไขกับข้าด้วยหรือ?” หยุนถิงมองอย่างเหยียดหยาม

ซูนฟั่งถูกเหยียดหยาม หน้าแดงก่ำและรู้สึกเขินอายยิ่งนัก แต่ก็หายใจเข้าลึกๆ

“เพราะข้าจริงใจต่อคุณหนูสาม และข้าก็จะไม่ยอมทนดูนางแต่งกับคุณชายอู๋ไอ้สารเลวนั้นอย่างแน่นอน ขอซื่อจื่อเฟยได้โปรดให้ข้าพาคุณหนูสามจากไป เงื่อนไขอะไรท่านก็พูดมาได้เลย!

แม้ว่าข้าจะเป็นขอทาน แต่ด้วยความพยายามของข้าเองในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ข้าได้กลายเป็นเจ้าสำนักของสำนักขอทานในเมืองหลวงแล้ว ข้าพยายามให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และดีขึ้น เพื่อที่วันหนึ่งจะสามารถยืนอยู่ตรงหน้าของคุณหนูสามได้อย่างเปิดเผยบริสุทธิ์

แต่ข้ารู้ว่า ข้าไม่มีวันรอถึงวันนั้น ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณหนูสาม และยิ่งไม่กล้าสารภาพรักต่อใจของตัวเอง เพราะข้าไม่คู่ควรกับนาง

แต่ตอนนี้ซื่อจื่อเฟยอยากให้นางแต่งกับคุณชายอู๋ ต่อให้ข้าต้องเสี่ยงชีวิตก็ต้องห้ามมันเอาไว้ ข้าจะทนดูคุณหนูสามทำลายความสุขทั้งชีวิตของตัวเองไม่ได้! ”

ซูนฟั่งพูดทุกคำที่ฝังลึกในใจของเขาออกมา

เขารู้ว่ากับซื่อจื่อเฟยแล้ว ตัวเองไม่มีค่าใดๆเลย แต่เขากลัวว่าจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป

ดวงตาแสนสวยของหยุนถิงฉายความพอใจ คิดไม่ถึงว่าขอทานนี้จะจริงใจต่อหยุนซูมากเยี่ยงนี้ แต่ใบหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและดูถูกเหยียดหยาม

“คิดไม่ถึงว่า เจ้าคนขอทานคนหนึ่งจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อหยุนซู เจ้าเองก็เป็นแค่ขอทาน ต่อให้หยุนซูแต่งกับเจ้า เจ้าจะให้ความสุขแกนางอย่างไร หรือว่าจะให้นางขอทานกับเจ้าหรือ? หยุนถิงจงใจพูดประชด

“ข้าจะไม่ปล่อยให้คุณหนูสามมาขอทานกับข้าอย่างแน่นอน ข้าได้ซื้อบ้านแและร้านค้าสองสามร้านไว้ที่เขตตะวันออก คุณหนูสามเก่งเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ นางต้องบริหารได้ดีอย่างแน่นอน

ส่วนข้าก็รับผิดชอบข้อมูลและข่าวกรองของสำนักขอทาน ก็สามารถมีรายได้มาไม่น้อย ที่สำคัญคือในใจของข้ามีเพียงคุณหนูสามผู้เดียว หากนางแต่งกับข้า ข้าจะไม่แต่งหญิงอื่นเข้าอีกแน่นอน! ” ซูนฟั่งยืนยันด้วยคำพูดที่หนักแน่น

หยุนถิงฟังแล้วก็พอใจยิ่งนัก เป็นคนที่มีแผนการดีนัก

“แม้ว่าหยุนซูจะเป็นบุตรีอนุภรรยา แต่จะอย่างไรก็เป็นคุณหนูสามของจวนตระกูลหยุน ถ้านางแต่งงานกับขอทาน ก็จะทำให้พ่อข้าขายหน้า เจ้าไม่เคยคิดจะทำอย่างอื่นสักหน่อยเลยหรือ?”

“ข้าเคยคิดแล้ว ข้าอยากไปเป็นทหารไปสู้รบ แต่ข้าก็กลัวตายในสนามรบ และจะไม่มีโอกาสได้เจอกับคุณหนูสามอีกต่อไป

ข้าก็อยากไปเปิดร้านขนส่งและเปิดสอนวรยุทธ แต่ก็กลัวบาดเจ็บ ถึงตอนนั้นหากแขนหรือขาหักก็ยิ่งไม่สามารถปกป้องคุณหนูสามได้อีกแล้ว

ข้าก็เคยคิดที่จะทำธุรกิจ แต่ข้าก็ไม่เหมาะกับการทำการค้าจริง กลัวว่าจะขาดทุนจนต้องชดใช้ให้คนอื่นและถูกคุณหนูสามหัวเราะเยาะ —–

ดังนั้นคิดไปคิดมา ข้าเป็นขอทานจะดีกว่า เช่นนี้สามารถปกป้องคุณหนูสามได้ตลอดเวลา แถมยังสามารถส่งข่าวให้สำนักอีกด้วย ทำทีเดียวได้ประโยชน์สองอย่าง

บางทีท่านอาจคิดว่าข้าไม่ได้เรื่อง แต่ข้าแค่อยากอยู่เคียงข้างคุณหนูสาม ขอแค่สามารถปกป้องนางอย่างเงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว” ซูนฟั่งพูดความกังวลของตัวเองออกมา

“หลงเอ้อ ต่อยเขา ต่อยให้แรงๆ!” จู่ๆ หยุนถิงก็พูดขึ้น

“ขอรับ”

“ซื่อจื่อเฟย ท่านจะทำอะไร?” ซูนฟั่งรีบถาม เห็นหลงเอ้อที่โจมตีมาก็รีบหลบทันที และโต้กลับโดยไม่รู้ตัว

“หากเจ้าสามารถรอดจากมือของหลงเอ้อได้ บางทีข้าอาจพิจารณาให้ทางออกแก่เจ้าหน่อยก็ได้!” หยุนถิงทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา

ซูนฟั่งไม่กล้าเหม่อลอยอีกต่อไป ใช้กำลังทั้งหมดรับมือ ในชั่วพริบตาก็ตีอยู่กับหลงเอ้อ

เมื่อหยุนซูที่อยู่หลังฉากบังตาเห็นฉากนี้ หัวใจของนางก็บีบรัด

ถ้าไม่ได้ยินกับหู นางก็คงไม่รู้ว่าเขากลับทำเพื่อตัวเองเยอะเช่นนี้

อาจมีคนบอกว่าเขาทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะไม่ได้เรื่อง แต่เขาสามารถสละทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองชอบ ซึ่งทำให้หยุนซูตื้นตันใจยิ่งนัก

นางเห็นหลงเอ้อโจมตีซูนฟั่งอย่างกะทันหัน ก็เป็นห่วงยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้วิ่งออกไป

พี่ใหญ่เป็นคนที่มีความพอดี นางทำเช่นนี้ก็ย่อมต้องมีเหตุผลของนาง หวังแค่ว่าหลงเอ้ออย่าลงมือรุนแรงเกินไป

ทางนี้หลงเอ้อเองก็คิดไม่ถึงว่า ซูนฟั่งจะสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้ถึงสี่ห้าท่า “ไม่เลวนี่เจ้าหนู มีความสามารถดี ไม่เลว”

พึ่งชมเสร็จ หลงเอ้อก็โจรตีไปอีกท่า ซูนฟั่งหลบไม่ทัน ถูกตีไปหนึ่งหมักและล้มลงไปข้างหลังและกระแทกกับประตูอย่างแรง ทำเอาเขาเจ็บปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

“ข้าแพ้แล้ว!” ซูนฟั่งพูดอย่างรู้ตัวเอง

“สามารถผ่านหกกระบวนท่าของข้าจึงค่อยพ่ายแพ้ เจ้าก็ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง” หลงเอ้อชมโดยไม่ลังเล

ซูนฟั่งทำหน้าเขินอาย “แต่ข้าก็แพ้อยู่ดี เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่าฝึกวรยุทธนั้นไร้ประโยชน์ ต่อมาเมื่อเห็นคุณหนูซูเกิดอุบัติเหตุ ข้าก็ไม่สามารถปกป้องนางได้ วินาทีนั้นข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงสาบานว่าจะฝึกวรยุทธ หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถปกป้องนางได้เป็นอย่างดี”

“ดังนั้น เจ้าฝึกวรยุทธเพื่อหยุนซูหรือ?” หยุนถิงประหลาดใจมาก

หลงเอ้อได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ซูนฟั่งที่อยู่ตรงหน้าเพิ่งเรียนรู้ตอนโตขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องมีความบากบั่นมากกว่าเด็กๆ และยิ่งต้องขยันและทุ่มเทมากกว่า”

ซูนฟั่งพยักหน้า “ใช่ ข้าเพิ่งฝึกวรยุทธในช่วงสองปีที่ผ่านมา”

ทีนี้หยุนถิงวางใจแล้วจริง “ซูเอ๋อร์ ออกมาเถอะ”

หยุนซูออกมาจากฉากบังตาด้านหลัง มองไปที่ซูนฟั่งด้วยขอบตาที่แดงเล็กน้อย

ทันทีที่ซูนฟั่งเห็นหยุนซู เลือดในร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คุณหนูสามจะอยู่ในนอกฉากบังตา เขาตกตะลึงไปหมด

“วันนี้เรียกเจ้ามา เป็นความหมายของข้าเอง ข้าก็แค่อยากดูความจริงใจที่เจ้ามีต่อซูเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าผ่านการทดสอบของข้าแล้ว เป็นคนดีจริงดี ต่อไปก็ดูพวกเจ้าเองแล้ว” หยุนถิงอธิบาย

ซูนฟั่งจึงค่อยตระหนักได้ว่า ที่แท้เมื่อครู่ที่ซื่อจื่อเฟยทำเช่นนั้น ก็เพื่อจงใจทดสอบตัวเองสินะ

ในขณะนี้ ซูนฟั่งรู้สึกชื่นชมยินดีมาก เมื่อครู่นั้นเป็นเพียงทดสอบไม่ใช่ของจริง หากซื่อจื่อเฟยให้คุณหนูสามแต่งกับคุณชายอู๋จริงละก็ เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามเอาไว้จริง

“เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่?” หยุนซูเดินออกมาและถาม

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท