The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1164 – ประสานงาน

ตอนที่ 1164 - ประสานงาน

   ผู้คุมกฎถูกแต่งตั้งขึ้นใหม่หลายคนเพื่อตามหาคนร้ายด้วยกำลังทั้งหมดที่มี 

   ผู้คุมกฎอาวุโสลำดับหกสิบลงมามีสิบห่วยที่เข้าร่วมการสืบสวน 

  หยางไท่ฟังเงียบๆ เขาถาม

   แล้วตระกูลเทพกระเรียนล่ะ? 

   ไม่มีข่าวคราวการเคลื่อนไหวเลยพวกเขากำลังรอข้อความจากคนร้าย 

   แล้วตัวเทพกระเรียนล่ะ? 

   นางไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนกัน 

  หยางไท่ละสายตาจากตำราลับและพูด

   ความเงียบคือพลังอันไร้เสียงตระกูลเทพกระเรียนกำลังโกรธแค้น 

   เอาเถอะแล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ? ที่ซ่อนของเขาถูกพบหรือไม่? 

   เอิ่ม…เขากำลังท่องเที่ยวอยู่น่ะ    หยางไท่แปลกใจ

   เจ้าแน่ใจรึ? 

   ข้าแน่ใจชายคนนั้นกำลังท่องเที่ยวในดินแดนเทพกับภรรยาของเขา แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว เขาจะจากไปในไม่นาน ผู้คุมกฎคลาดจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเขาจงใจเดินทางแบบไม่มีเป้าหมายเลย 

  เมื่อได้ยินว่าซือหยูกำลังท่องโลกแทนที่จะเก็บตัวเงียบหยางไท่ผิดหวัง

   เขากล้าทำเรื่องใหญ่อย่างลักพาตัวลูกหลานเทพตั้งแต่ขึ้นฝั่งข้าเลยคิดว่าเขาจะมีอะไรพิเศษ แต่สุดท้ายเขาก็แค่คนกล้าที่ไร้กลยุทธ์ เสียดายเวลาข้านัก 

  ผู้เฒ่าแอบสงสัยซือหยูตอนที่เรือสินค้ากลับมา ซือหยูได้ช่วยนายน้อยของเขาในระหว่างทาง และยังสั่งให้ดูแลซือหยูในตอนที่เขาขึ้นฝั่งด้วย

  แต่ก่อนที่ฝ่ายการค้าจะได้ดูแลเขาเขาก็ทำเรื่องใหญ่อย่างการลักพาตัวลูกหลานเทพ!   นายน้อยที่เกือบจะลืมซือหยูไปแล้วต้องกลับมาสนใจซือหยูอีกครั้ง

  เห็นได้ชัดว่านายน้อยยอมรับเขาในความรวดเร็วเฉียบขาด

  ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาเป็นแค่ชายประมาทที่กล้าทำเรื่งอุกอาจโดยไม่คิดอะไร?

   เจ้าไม่ต้องติดตามเขาอีกต่อไปแล้ว… 

  หยางไท่กล่าวเขาไม่สนใจซือหยูอีกต่อไป

  แต่ทันทีที่ผู้เฒ่ากำลังจะขอตัวหยางไท่ก็ปิดตำราในมือ เขาขมวดคิ้ว

   ให้ข้าดูข้อมูลชัดๆ ก่อน ข้าเอาแต่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่ชายบ้าบิ่นอยู่เรื่อย 

  ไม่นานนักกองเอกสารมากมายก็ปรากฏตรงหน้า

  ข้อมูลเรื่องซือหยูตลอดสองเดือนถูกบันทึกเอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์

  ตำแหน่งที่เขาเดินทางไปชุดที่เขาสวมใส่ สิ่งที่เขาคิด คนที่เขาพูดคุยด้วย เขาเดินทางไกลเพียงใด จูบเซี่ยนเอ๋อกี่ครั้ง และรายละเอียดอื่น ๆ

  ข้อมูลเล็กๆ เหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหยางไท่ แต่อะไรคือการค้าขายล่ะ? การค้าขายก็คือเรื่องของข้อมูล!

  เครือข่ายข่าวกรองจากศูนย์การค้านั้นมีอยู่ทุกที่ในดินแดนเทพมีศูนย์กระจายจ่าวอยู่ทุกที่ตั้งแต่เมืองใหญ่ไปจนถึงหมู่บ้านคนสามัญ

  นี่เป็นเหตุผลของเกียรติยศอันยาวนานที่เทพการค้าสามารถครองความมั่งคั่งในพันธมิตรบูรพาอยู่ได้

  หยางไท่รีบเปิดดูกองเอกสารข้อมูลเล็กน้อยทุกบรรทัดสะท้อนผ่านแววตาของเขา

  ครึ่งชั่วโมงต่อมาหยางไท่หลับตาช้า ๆ เมื่อลืมตาอีกครั้ง เขาก็ยิ้มอย่างเป็นสุข

   ข้าดูหมิ่นเขาไปเสียแล้ว 

   โปรดชี้แนะข้าด้วยเถิดนายน้อย 

  ผู้เฒ่าสับสนชายบ้าบิ่นที่เอาแต่ท่องสำราญผู้นี้ปิดบังอะไรอยู่?

  หยางไท่ชี้กองเอกสารด้วยดัชนีและพูดพลางหัวเราะ

   อย่าแงรกเลยมีคนรอบตัวเขาหายไป และก็มีคนอื่นมาแทนที่! 

  ม่อเทียนฉวนหายตัวไปขณะที่ฉินเซี่ยนเอ๋อที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนได้มีตัวตนอยู่ในภาพเขียน

   เราบอกไม่ได้เลยว่าเขามีโลกใบเล็กอยู่กับตัวหรือมีฐานที่มั่นใจดินแดนเทพอยู่แล้ว 

   แล้วสตรีในชุดดำหายไปไหน?นี่คือจุดบอด! 

   ประการที่สองสถานที่ที่เขาไปนั้นมีบางอย่างที่เหมือนกัน! 

  ผู้เฒ่าคิดแต่เขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่เหมือนกัน

   แปดเมืองขึ้นชื่อที่เขาไปสามารถต่อเรือกระดูกเทพได้ส่วนอีกสองเมืองก็เป็นเมืองที่แลกเปลี่ยนข่าว…หึ เขาดูเหมือนจะท่องเที่ยว แต่แท้จริงแล้วเขากำลังเตรียมหาทางหนี! 

  ผู้เฒ่าตกใจ

   เขาคิดว่าเขาจะจ่ายค่าเรือกระดูกเทพที่เดินทางข้ามจักรวาลไหวหรือ?ไม่ต้องพูดถึงราคา คงไม่มีเมืองไหนขายเรือกระดูกเทพให้เขาเพราะขัดต่อกฎที่เทพร้อยคนตั้งเอาไว้ เขาไม่มีทางซื้อเรือได้เลย 

  หยางไท่โต้แย้ง

   เขาฉลาดกว่าเจ้า!แน่นอนว่าเรือกระดูกเทพซื้อขายไม่ได้ แต่ชิ้นส่วนเรือน่ะซื้อได้! 

   เขาไม่มีพิมพ์เขียวของช่างต่อเรือ…. 

  ผู้เฒ่าหยุดพูดเมื่อจำได้ว่าซือหยูยังไปอีกสองเมืองที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร

  ที่นั่นไม่ต่างกับดินแดนสีเทาตราบเท่าที่จ่ายมากพอ การได้พิมพ์เขียวก็ไม่ใช่เรื่องยาก

   แล้วเรื่องเงินล่ะ?เขาเป็นคนนอก เขาจะได้ระดับการเงินที่มากพอหรือ? ต่อให้เป็นข้าเก็บเงินตลอดชีวิตก็ซื้อเรือกระดูกเทพไม่ได้เขาก็น่าจะทำไม่ได้เหมือนกัน 

  ดัชนีหยางไท่กรีดกระดาษต่อไป

   บังเอิญนักข้าเห็นยอดสรุปการเงินที่ไหลเวียนในโรงประมูลจากหลายพื้นที่ ที่น่าตกใจกว่าคือข้าเห็นว่าบุตรชายที่สามแห่งเทพผีกลับมาแล้ว 

   เขาจงใจขายสมบัติสมุนไพรที่มีอายุระหว่างร้อยปีถึงพันปีมีแม้กระทั่งไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์อายุพันปีเต็ม แค่กิ่งเดียวของมันก็ขายได้สิบล้านเหรียญเทพ! 

   รวมกับวัตถุดิบอื่นเขาได้ไปอีกสามสิบล้านเหรียญเทพ รวมเป็นมากกว่าสี่สิบล้านเหรียญเทพ 

  สี่สิบล้านหรือ?ผู้เฒ่ามือสั่น เขาตาแดงก่ำ เหรียญเทพนั้นคือสกุลเงินกลางของพันธมิตรบูรพา เพียงเหรียญเดียวก็แลกแก้วพลังได้ล้านดวง

  เราที่เขารู้สี่สิบล้านนั้นคือปริมาณมหาศาลที่เขาไม่มีทางเก็บได้เลยในชั่วชีวิตนี้!    เจ้าประมาณดูสิสี่สิบล้านเหรียญเทพจะต่อเรือได้กี่ลำ? 

  หยางไท่ยิ้ม

  ต่อให้เขาซื้อพิมพ์เขียวและจ้างช่างจากตลาดมืดมันก็มากพอที่จะต่อเรือกระดูกเทพได้สิบลำ!

   แต่นายน้อยทำไมท่านคิดถึงว่าบุตรแห่งเทพผีกำลังรวบรวมเงินให้เขาเล่า? สองคนนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไรหรือ? 

  หยางไท่หัวเราะ

   บุตรชายที่สามแห่งเทพผีออกจากพันธมิตรไปเมื่อร้อยปีก่อนเขากลับมาในร้อยปีให้หลังกับเจ้าเด็กนั่น 

  หยางไท่ยืนขึ้นเอามือไพล่หลังเขายิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

   ไม่มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้มากมายนักหรอกนะ 

  เมื่อฟังจบชายแก่หายใจเข้าลึกและชื่นชมด้วยความทึ่ง   ชายคนนั้นคิดอย่างถ่องแท้!เขาถึงกับเตรียมแผนหนีอย่างไร้ปัญหา! 

  ผู้เฒ่าเริ่มคิดแล้วว่าแผนของซือหยูจะสำเร็จ

  แม้กระนั่นหยางไท่ก็ส่ายหน้าเบา ๆ

   แผนหนีไร้ที่ติหรือ?ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เขาอาจจะฉลาด แต่คนฉลาดมักจะมีสิ่งที่ขาดหายไปแบบเดียวกัน…คนเหล่านั้นมักจะคิดว่าตัวเองสูงส่งจนดูหมิ่นคนรอบข้าง! 

  ผู้เฒ่าพูดกับตัวเอง

   นายน้อยท่านไม่ได้ดูหมิ่นเขาอยู่หรอกหรือ? 

   ตั้งแต่โบราณกาลมีมนุษย์ชั้นสูงสักกี่คนกันที่ดินแดนเทพสร้างขึ้นมาได้? ต่อให้เป็นเทพในวันนี้ก็ได้ครอบครองปัญญาที่มนุษย์ต้องใช้เวลาหลายปีในการได้มา หากเขาแอบต่อเรือกระดูกเทพเพื่อเตรียมหนีได้ เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเทพกระเรียนทำไม่ได้? 

   ที่ข้าจะพูดก็คือเขายังอ่อนวัยเกินไป    ผู้เฒ่ากล่าว

   นายน้อยเช่นนั้นเรา… 

  หยางไท่หยุดพูดไปครู่หนึ่ง

   ไม่ต้องคิดมากคนฉลาดยากที่จะมาถึง และจะมีคนฉลาดน้อยลงไปอีกคนหากเขาตาย เจ้าไปแอบช่วยเขาเสีย แต่จงล้มเลิกหากเรื่องเกินมือ อย่าลืมบอกข่าวคราวกับข้าด้วย 

  …

  ในป่าแห่งหนึ่งซือหยูจับมือเซี่ยนเอ๋อเดินเล่นไปตามแมกไม้

  เซี่ยนเอ๋อดีใจมากนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างยาวนานตั้งแต่ได้รู้จักกัน นางอดคิดถึงเซี่ยจิงหยูไม่ได้

   พี่ซือหยูพี่ว่าพี่จิงหยูจะอยู่ในพันธมิตรบูรพาหรือไม่? 

  ซือหยูส่ายหน้า

   ไม่หรอกถ้านางอยู่ เราคงจะได้ข่าวไปแล้ว    ฉินเซี่ยนเอ๋อคิดครู่หนึ่ง

   ใช่จริงด้วย พี่จิงหยูงดงามเช่นนั้น ถ้าหากมีใครได้เห็น ทั้งดินแดนจะต้องตกตะลึงแน่ สตรีงามอันดับหนึ่งจะต้องเป็นนางแทนที่จะเป็น…อะไรนะ? หัวหน้าผู้คุมกฎอาวุโสนั่นน่ะ 

  ซือหยูลูบหัวนางพลางหัวเราะ

   เซี่ยนเอ๋อของข้าก็เป็นสตรีงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเทพใยไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเจ้าเล่า? 

  เมื่อถูกซือหยูแซวเซี่ยนเอ๋อชกแขนของเขาเบา ๆ ด้วยกำปั้นเล็ก ๆ แต่ใบหน้าของนางนั้นก็น่าจดจำไม่ต่างจากต้นท้อที่ดอกบานเต็มต้น

  ซือหยูแอบหาข่าวของเซี่ยจิงหยูแล้วแต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย

  เหมือนกับที่เซี่ยนเอ๋อพูดสตรียอดเยี่ยมอย่างนางย่อมไม่ไปไหนมาไหนโดยไม่มีใครพูดถึง   ถ้าหากเราได้พี่จิงหยูกลับมาเราจะต้องพานางไปท่องโลกแบบนี้เหมือนกัน 

  เซี่ยนเอ๋อเอนกายกับไหล่ของซือหยูและหลับตาด้วยความพอใจ

  ซือหยูถาม

   หืม?ทำไมกันล่ะ? 

  เซี่ยนเอ๋อหลับตาตอบ

   เพราะเซี่ยนเอ๋อมีความสุขขนาดนี้ถ้าพี่จิงหยูไม่ได้รับสิ่งนี้ด้วย มันก็ไม่ยุติธรรม 

  นังโง่เอ้ยซือหยูยิ่งหลงรักนางมากกว่าเดิม

  มนุษย์นั้นเห็นแก่ตัวจะมีคนใจกว้างที่พร้อมแบ่งสิ่งที่ตนครอบครองกับคนอื่นหรือ? เซี่ยนเอ๋อจะต้องรู้สึกเศร้าหมองอยู่ในใจ นางจึงคิดว่าตนอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าเพื่อคงความสัมพันธ์เอาไว้

   หลังหนีออกไปจากที่นี่สู่โลกใบที่ใหญ่กว่าเราจะหาจิงหยูให้เจอ แล้วเราสามคนจะท่องโลกไปด้วยกันจากนี้ไป เจ้าว่าอย่างไรล่ะ? 

  เซี่ยนเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนหวานราวกับได้อยู่ในดินแดนแห่งความฝัน

  แม้จะเป็นยอดฝีมือก็ยากที่จะทนเดินทางหลายวันเช่นนี้

  ซือหยูจูบหน้าผากนางเบาๆ และพานางกลับมุกวิญญาณเก้าหยก

  เมื่อเขาออกมาอีกครั้งความรักที่แสดงออกผ่านใบหน้าได้หายไป

   ถึงเวลาเริ่มแผนแล้ว! 

  ซือหยูหายตัวไปจากป่าทิ้งไว้เพียงเงาร่างของเขา

  หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนานหยกสื่อสารจากตระกูลเทพกระเรียนก็เริ่มส่งสัญญาณ

  สิบวันต่อมาพวกเขามาถึงจุดนัดพบบนโลกของเทพปี่ พวกเขามาพบกันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งเพื่อต่อรอง

  แต่ซือหยูไม่ได้มาตามเวลานัดพบ   เจ้าพาคนมาเกินร้อยคนเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ สั่งยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ให้ออกไป 

  คนที่มาต่อรองในครั้งนี้คือจางยี่หมิงรองหัวหน้าหน่วยคุมกฎที่ก่อตั้งโดยเทพกระเรียน

  เมื่อเห็นข้อความที่หยกสื่อสารจางยี่หมิงเหลือบมองรอบ ๆ ด้วยสายตาเยือกเย็นแต่ก็ไม่พบซือหยู

  แต่สับสนอยู่ในใจซือหยูมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจัดกำลังมาเกินร้อยคนในระยะนี้?

  เมื่อซือหยูมองออกเขาก็ทำได้แต่สั่งให้คนของเขาออกไป

  ต่อมาก็มีอีกข้อความ

   ไปที่โลกวารีเมืองนางเงือก 

  จางยี่หมิงรำคาญใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากบอกให้คนของเขาไปโลกวารี

  เมื่อเขาออกไปยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่อีกหลายคนก็ออกจากเมืองไปเช่นกัน

  ในโรงสุราใกล้กับจุดเคลื่อนย้ายซือหยูเอนกายรอ ต่อให้ตระกูลเทพกระเรียนจัดคนมาเท่าใด พวกเขาก็ต้องผ่านประตูมิติ นี่คือการเดินทางที่ดีที่สุด

  วันต่อมายอดฝีมือราวห้าคนได้รับคำสั่งให้ออกไปจากโลกวารี

  สองวันให้หลังมีอีกสามคน

  อีกสามวันมีอีกสอง

  ในวันที่ห้าก็ไม่มีคนที่แข็งแกร่งออกไปจากโลกวารีอีกแล้ว

  หลังงจากผ่านไปอีกสิบวันเต็มหรือครึ่งเดือนก็ไม่มีคนภายใต้เทพกระเรียนเหลืออยู่ในโลกวารีอีกตอนนั้นซือหยูจึงมั่นใจแล้วว่าคนของเทพกระเรียนในโลกเทพปี่ทั้งหมดได้ย้ายออกไปแล้ว

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท