จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 749 เจ้าเป็นอย่างไร ข้าก็ชอบทั้งนั้น

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 749 เจ้าเป็นอย่างไร ข้าก็ชอบทั้งนั้น

“ว้าว ท่านอาท่านช่างเอาใจใส่ดียิ่ง งั้นพวกเราทำตามที่ท่านเขียนเลยแล้วกัน!” หยุนหลีซาบซึ้งนัก

“ได้!”

จากนั้นเสวี่ยเชียนโฉวเริ่มทำเป็นเพื่อนหยุนหลี อลวนชุลมุนไปหนึ่งวันเต็มๆ

“ท่านอา นี่เป็นหม้อสุดท้ายแล้ว หากไม่ได้อีก ข้าจะล้มเลิกแล้วล่ะ” หยุนหลีหมดกำลังใจ

เสวี่ยเชียนโฉวพูดด้วยสีหน้ารักใคร่เอ็นดู “ลองดูก่อน ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร เจ้าทำสิ่งที่เจ้าถนัดก็พอแล้ว หากเจ้าอยากได้หนึ่งหมื่นตำลึงนั่น ข้าให้เจ้าเอง!”

“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน นั่นน่ะการแข่งขัน ถึงข้าจะอยากได้หนึ่งหมื่นตำลึงจริงๆ แต่ก็รู้ดีว่าฝีมือตนเองเป็นอย่างไร ก็แค่ร่วมสนุกน่ะ แต่ข้าดูจะไม่มีพรสวรรค์ในด้านทำอาหารเลย” หยุนหลีถอนหายใจบอก

เสวี่ยเชียนโฉวเปิดฝาหม้อออกแล้ว “มิเป็นไร เจ้าเป็นอย่างไร ข้าก็ชอบทั้งนั้น”

หยุนหลีแก้มแดงฉับพลัน รีบหันไปดูในหม้อ “หม้อนี้ดูไม่เลว กลิ่นหอมและสีสันดีกว่าอันก่อนมากนัก”

เสวี่ยเชียนโฉวหยิบตะเกียบมาทันที และคีบขนมขึ้นมา

หยุนหลีหยิบตะเกียบคีบชิ้นหนึ่งจะกิน สุดท้ายกัดไปได้หนึ่งคำก็พ่นออกมาทันที “อ๊า ร้อนลวกปากข้าแล้ว!”

“เจ้านี่ทำไมเหมือนเด็กอย่างนี้นะ พึ่งทำเสร็จต้องร้อนสิ รออีกครู่ค่อยกิน อย่ารีบร้อน” เสวี่ยเชียนโฉวรีบเทน้ำให้นางทันที

หยุนหลีรับมากรอกปากเข้าไปหลายคำ ถึงดีขึ้นหน่อย “ท่านไม่รีบบอกล่ะ”

เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าอ่อนใจ นังหนูนี่ไม่มีเหตุผลเลย แต่ใครให้เขาชอบนางกันล่ะ

“โทษข้าไม่บอกก่อนนะ ครั้งหน้าข้าจะรีบพูด”

“ค่อยยังชั่ว”

หยุนหลีรออีกครู่หนึ่ง ถึงชิมไปหนึ่งคำ ใบหน้าดำทะมึนทันที “ท่านอา รสชาตินี้ถึงจะดีกว่าครั้งก่อนนิดหน่อย แต่แย่กว่าขนมที่ขายด้านนอกมากนัก หากไปเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่มีทางผ่านแน่นอน”

“งั้นก็ไม่ทำแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากกินอะไรไหมข้าจะพาเจ้าออกไปกิน อันที่จริงไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ตนมิถนัดดอก

สตรีที่ทำอาหารและขนมหวานเป็นในเมืองหลวงมีนับพันนับหมื่น แต่สตรีที่เปิดร้านอาวุธนั้นมีเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าโดดเด่นไม่เหมือนใครเพียงนี้ เอาชนะพวกนางได้แล้ว เหตุใดต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้ ทำให้ตนเองเสียใจ” เสวี่ยเชียนโฉวปลอบ

พอหยุนหลีได้ยินดังนั้น เห็นมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ “ท่านอา ท่านพูดถูกต้องยิ่งนัก ข้าเก่งกาจกว่าพวกนางจริงๆ ทำอาหารขนมไม่กี่ถาดมีประโยชน์อะไร หากทหารออกรบหรือเกิดศึกสงครามขึ้น อาวุธของข้าจะกลายเป็นกองหนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา เวลาสำคัญยังสามารถช่วยชีวิตได้ อาหารไม่อาจเป็นอาวุธได้

“เจ้าคิดอย่างนี้ถูกต้องยิ่งนัก”

หยุนหลีหันมองเสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ข้างๆ พลางยิ้มแหยๆให้ “ท่านอา มีท่านอยู่ดียิ่งนัก”

“อืม ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น”

“ไปเถอะ ออกไปกินข้าวกัน ข้าจะกินให้หมดทั้งถนนเลย!” หยุนหลีพูดโอ้อวด

“ได้ รับรองพอ!” เสวี่ยเชียนโฉวเดินตามออกไป

คนรับใช้รีบรายงานทุกอย่างนี้แก่หยุนเฉิงเซี่ยง หยุนเฉิงเซี่ยวยิ้มออกมาอย่างพอใจ

เสวี่ยเชียนโฉวนี่มีฝีมือพอตัว นิสัยโผงผางตรงเป็นเส้นเดียวอย่างหยุนหลี บุรุษธรรมดาเอาไม่อยู่จริงๆ เขากลับมีวิธี

“นายท่าน ข้าเห็นเจ้าอุทยานเสวี่ยกระทำต่อคุณหนูสี่ไม่ธรรมดาเลย คุณหนูสี่เองก็พึ่งพาเขามาก พวกเขาต่างมีใจให้กัน ถึงเจ้าอุทยานเสวี่ยจะอายุมากไปสักหน่อย แต่อายุมากก็จะรู้จักทะนุถนอมนาง นายท่าน เห็นด้วยกับพวกเขาเถอะ” พ่อบ้านพูดอย่างมีหลักการ

หยุนเฉิงเซี่ยงถลึงตามองมาอย่างเดือดดาล “ดูพูดเข้า ราวกับว่าหากข้าไม่เห็นด้วยจะกลายเป็นคนชั่วไปเสียอย่างนั้น”

“เดิมก็เป็นนายท่านที่แยกพวกเขาออกจากกันน่ะ” พ่อบ้านบ่นอุบอิบ

“เหล่าโจว บัดเดี๋ยวเถอะ กล้าใส่ร้ายข้าเสียอย่างนั้น ข้ามิได้ตาบอดเสียหน่อย ดูออกว่าพวกเขามีใจให้กัน แต่ซูเอ๋อร์ยังมิได้แต่งงานเลย หยุนหลีรีบร้อนอะไร

ถิงเอ๋อร์แต่งงานแล้ว ซูเอ๋อร์วันๆยุ่งกับร้านเนื้อย่าง มีเพียงหยุนหลีที่ยังมาวนเวียนรอบตัวข้าบ้าง หากนางแต่งออกไปอีกคน จวนเรามิเงียบเหงาแย่รึ

นางยังเล็ก รออีกสักหลายปี จะได้ดูเสวี่ยเชียนโฉวไปด้วย ตอนแรกน่ะดี แต่เวลานานไปถึงจะมองเห็นใจคนชัดเจน” หยุนเฉิงเซี่ยงตอบ

พ่อบ้านอดยกนิ้วโป้งให้ไม่ได้ “นายท่านฉลาดนัก!”

“อย่ามาประจบ เจ้าไปเตรียมรถม้านะ เรียกชิงโยวไปเยี่ยมเยียนจวนซื่อจื่อด้วยกัน!” หยุนเฉิงเซี่ยงบอก

“ได้เลย!”

พ่อบ้านรีบไปจัดการทันที ไม่นานซูชิงโยวก็พาหยุนซือถิงและขึ้นรถม้าไปกับหยุนเฉิงเซี่ยงด้วยกัน

จวนซื่อจื่อ

หยุนถิงเห็นพวกเขามา ก็ดีใจมาก รีบออกมาต้อนรับทันที

จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนยิ่งดีใจกว่า เอาแต่เรียกน้องชายไม่หยุด ลากเขาไปเล่นด้วยกัน

“พี่สะใภ้ ท่านพ่อ พวกท่านรีบมานั่งเร็ว ไม่มีธุระอะไรก็มาเยี่ยมเยียนบ่อยๆได้นะ บางครั้งข้ายุ่งเกินไปดูแลไม่ทั่วถึง พวกท่านก็มาได้ ยังไงก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” หยุนถิงพูดอย่างใจกว้าง

พ่อบ้านรีบยกน้ำชาของว่างขนมมาวางลงอย่างนอบน้อมทันที

“ได้ ข้ากับท่านพ่อจะไม่เกรงใจเจ้าหรอกนะ หลายวันก่อนซือถิงเป็นหวัดเล็กน้อย ดังนั้นเลยไม่ได้แวะมา” ซูชิงโยวบอก

“เจ้าให้คนมาเรียกข้าไปได้นะ เด็กยังเล็ก ตอนนี้อากาศหนาว เป็นหวัดได้ง่าย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ ดีขึ้นหรือยัง ข้าตรวจเขาหน่อยสิ” หยุนถิงถามอย่างเป็นห่วง

“หายดีแล้วล่ะ ยาที่เจ้าให้ข้าก่อนหน้านี้ข้ายังเก็บไว้อยู่เลย ไม่กล้าให้เขากิน ได้แต่ให้เขาดื่มน้ำอุ่นมากๆตามที่เจ้าบอก และเช็ดตัวลดความร้อนให้เขา แค่สองคืนก็หายแล้ว” ซูชิงโยวซาบซึ้งนัก

“งั้นก็ดี อีกครู่ข้าจะเอายาที่ให้เด็กกินและของบำรุงกับเจ้าเอาไปหน่อยนะ ตอนนี้เด็กกำลังโต สารอาหารที่ร่างกายต้องการนั้นมีมากนัก” หยุนถิงบอก

“ฟังเจ้าล่ะ ด้านนี้เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ” ซูชิงโยวชมเชย

“ได้”

ซูชิงโยวกับหยุนถิงเองก็ไม่ได้พูดคุยกันมานานแล้ว พอทั้งสองคนนั่งลงก็คุยกัน ล้วนเป็นเรื่องการกินอยู่ของลูกๆทั้งนั้น คนเป็นแม่เหมือนกันย่อมมีเรื่องให้พูดกันมาก

หยุนเฉิงเซี่ยงไปเล่นกับเด็กๆทั้งสามเลย มองดูเด็กทั้สามคน หยุนเฉิงเซี่ยงดีใจจนยิ้มไม่หุบ ไหนเลยจะมีเวลามาดุว่าหยุนถิง

“จริงสิหยุนถิง การแข่งขันอาหารน่ะท่านพ่อบอกว่าเป็นความคิดของเจ้ารึ” ซูชิงโยวบอก

“ใช่ ก่อนหน้านี้องค์หญิงห้าให้คนมาให้ร้ายปรักปรำหยุนซู แต่ฮ่องเต้กลับปกป้องอย่างออกหน้าออกตา คิดว่าคนตระกูลหยุนรังแกกันได้ง่ายๆรึ ข้าจัดละครฉากใหญ่นี่ ถึงเวลานั้นเจ้ารอดูเรื่องสนุกก็พอ” หยุนถิงตอบ

“หากให้ฝ่าบาทรู้ว่าเป็นฝีมือเจ้า จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้าหรือไม่ เจ้าเองก็มีลูกสองคน ต้องระวังตัวให้ดีสิ” ซูชิงโยวมองมาอย่างเป็นห่วง

“วางใจเถอะพี่สะใภ้ ข้ารู้ดี ข้าไม่ลงมือเองดอก!” หยุนถิงปลอบนาง

ระหว่างทั้งสองคนพูดกัน ฉินจิ้งอี๋ก็พาลูกชายเข้ามา ปกตินางก็ไม่มีที่ไหนให้ไป พอดีบ้านหยุนถิงมีเด็กสองคน เด็กมักสนิทสนมกัน และเล่นด้วยกันได้

หยุนถิงและซูชิงโยว ฉินจิ้งอี๋คุยกันอีกพักหนึ่ง

จวินหย่วนโยวฟังพวกนางคุยเล่นกัน แทรกไม่ได้เลย ไปห้องครัวแทน ให้พ่อบ้านเตรียมอาหารเต็มที่

และในพระราชวัง

โม่ฉือชิงปฏิเสธสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท “เสด็จพี่ ชาตินี้น้องรักโม่หลานคนเดียว จะไม่แต่งงานกับเป่ยจิงจิงเด็ดขาด”

ฮ่องเต้สีหน้าประหลาดใจมาก ไม่คิดเลยว่าโม่ฉือชิงจะรักมั่นต่อโม่หลานขนาดนี้ แต่สีหน้ายังเย็นชาไม่พอใจ “ข้าพระราชทานสมรสให้ ต้องให้เจ้าเห็นด้วยเมื่อใดกัน!”

โม่ฉือชิงเห็นฮ่องเต้ใจแข็ง เลยยื่นห่อของให้ “ของพวกนี้เป็นร้านค้าที่น้องดูแลอยู่มาหลายปี และยังมีหนทางการจัดการและขับเคลื่อนการค้าของราชวงศ์ —- สรุปแล้วเป็นสมบัติทั้งหมดของน้อง น้องยินดีใช้ทั้งหมดนี้ รวมถึงตำแหน่งเฉินอ๋องคืนให้เสด็จพี่ ขอเพียงเสด็จพี่เห็นด้วยให้น้องแต่งกับโม่หลาน!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท