จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 756 เจ้าจงใจมาก่อกวนกระมัง
องค์หญิงห้าเรียนดนตรีหมากอักษรภาพ มารยาทขนบต่างๆแต่เล็ก ยังมีการทำอาหาร เทียบกับพ่อครัวของห้องเครื่องในวังได้เลย ดังนั้นเทียบกับคนเหล่านี้แล้ว องค์หญิงห้าย่อมไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
หยุนถิงมองดูองค์หญิงห้าที่ยิ้มย่องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอะไร และไม่ทำอะไร
“เหมยเฟย หยุนถิง โม่หลาน เฉินอ๋อง พวกเจ้าตัดสินด้วยกัน!” ฮ่องเต้พูดเสียงเรียบ
“เพคะ (พ่ะย่ะค่ะ)!”
ทุกคนรีบยกโต๊ะสิบกว่าตัวเข้ามาทันที เหมยเฟยนำเหล่าสนมวังหลังและคนอื่นไปนั่งลงโต๊ะละคน จากนั้นซูกงกงก็สั่งคนยกของหวานเข้ามา
ทุกคนนั่งลงเริ่มชิม โม่หลานหยิบตะเกียบคีบเข้าปากคำโต
“กินน้อยหน่อย ลองชิมรสก็พอแล้ว ด้านหลังยังมีอีกหลายร้อยจานเลยนะ เจ้ากินอย่างนี้ ไม่กี่จานก็กินไม่ลงแล้วล่ะ “ หยุนถิงเตือน
“จริงด้วย” โม่หลานคายขนมในปากออกมาทันที
ที่นางกำลังกิน เป็นจานที่องค์หญิงห้าทำพอดี
ทำเอาองค์หญิงห้าโกรธหน้าบึ้งตึง “โม่หลาน เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ”
“น้องหญิงห้า ห้ามเจ้าพูดจาเช่นนี้กับหวางเฟยของข้านะ ไม่อย่างนั้นข้าจะตัดสินให้เจ้าตกรอบ!” โม่ฉือชิงออกโรงปกป้องเมียสุดฤทธิ์
โม่หลานซาบซึ้งใจนัก หมอนี่รู้จักปกป้องตนด้วย
“พี่ชายสี่ แม้แต่ท่านก็ทำกับข้าแบบนี้ เสด็จพี่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ!” องค์หญิงห้าอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
เดิมนางก็มิได้สนิทสนมอันใดกับเฉินอ๋องอยู่แล้ว ตอนนี้เฉินอ๋องแต่งชายาเอก น้องหญิงอย่างนางก็กลายเป็นคนนอกไปเลย
ฮ่องเต้สีหน้าบูดบึ้ง เดิมองค์หญิงห้าโดนกักบริเวณอยู่ แต่พอคิดว่านี่คือสิ้นปี นางเองก็แต่งงานไปไกลถึงแคว้นเป่นลี่ พึ่งได้กลับมาครั้งแรก เลยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้นางเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารครั้งนี้
“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ ข้าแค่คิดว่าหยุนถิงพูดถูก ด้านหลังยังมีอาหารอีกมากมายนัก หากข้ากินขนมไม่กี่ชิ้นนี่อิ่มแล้ว ก็ขาดทุนแย่สิ” โม่หลานอธิบายทันที
พอนางอธิบายเช่นนี้ องค์หญิงห้ายิ่งแค้นหยุนถิงหนักขึ้น
“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย องค์หญิงห้าทำขนมขึ้นมาอย่างยากลำบาก มาเห็นโม่หลานคายทิ้งอย่างนี้ ย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว โม่หลานเองก็อยากชิมลองอาหารอื่น ข้าเข้าใจดี วันนี้เป็นสิ้นปี อยู่เย็นเป็นสุขปรองดองทั้งครอบครัวดีกว่านะ” เหมยเฟยสรุปจบให้
“เหนียงเหนียงรับสั่งถูกแล้ว ถึงข้าจะคายขนมของเจ้าออก แต่เจ้าทำได้ไม่เลวจริงๆ ข้าให้เจ้าผ่าน!” โม่หลานบอกอย่างเปิดเผย
สีหน้าบูดบึ้งขององค์หญิงห้าถึงดีขึ้น โม่หลานนี่ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง
คนอื่นๆก็ทยอยชิม ให้คะแนน พอถึงหยุนถิง องค์หญิงห้าก็หวาดหวั่นนัก มองตรงเขม็งมา
ก่อนหน้านี้ตนให้ร้ายหยุนซูอย่างนั้น หยุนถิงคงไม่จงใจให้ตนตกรอบกระมัง
จากนั้นนางก็เห็นหยุนถิงให้ตนผ่านเช่นกัน มันกลับทำให้องค์หญิงห้าหวาดหวั่นในใจนัก หยุนถิงนี่คงไม่ใช่มีแผนการร้ายอื่นหรอกนะ นางน่ะเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย
“การตัดสินกลุ่มแรกเสร็จสิ้น อาหารกลุ่มที่สองยกมาได้!” ซูกงกงร้องเสียงดัง
องค์หญิงห้ายังไม่ทันคิดเสร็จ ก็ถอยออกไป ระหว่างออกไปเหลือบเห็นหยุนถิงมองมาทางนางอย่างมีนัยยะ
สายตานั้นทำเอาองค์หญิงห้าพรั่นพรึง บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด หากนางมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีนัก
อาหารแต่ละกลุ่มทยอยยกกันออกมา พอตัดสินเสร็จ ก็เปลี่ยนกลุ่มใหม่ จนถึงกลุ่มของหยุนหลี นางพึ่งยกอาหารออกมา สีหน้าเหล่าสนมก็พากันดำทะมึนทันที
“หยุนหลี เจ้าจงใจมาก่อกวนกระมัง กล้ายกของเหม็นเช่นนี้ขึ้นมา?” สนมคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว
หยุนหลีพูดหน้าตาเฉยว่า “นี่เป็นเต้าหู้เหม็นเต้าหู้เหม็นที่มีชื่อที่สุดนะ ดมกลิ่นแล้วเหม็น กินแล้วหอม ข้าทำมาหลายวันก็ทำขนมไม่ได้เลย เลยทำอาหารที่ข้าคิดว่าไม่เลวแทน”
“นี่เจ้าเรียกว่าไม่เลวรึ เหม็นทะลุฟ้าชัดๆ!”
“ข้าใช้ฝีมือทำให้มันเหม็นนะ คนธรรมดาทำไม่ได้เหม็นเท่านี้ดอก” หยุนหลีพูดอย่างภูมิใจ
“เหม็นจริงๆ น้าเล็กมันเหม็นมากเลย!” จวินเสี่ยวเทียนทนไม่ไหวพูดออกมา
“อืม เหม็นเหม็น!” จวินเสี่ยวเหยียนเสริม
จวินหย่วนโยวเองก็ทนกลิ่นนี้ไม่ไหว เขาอุ้มลูกสองคนหลบไปไกลๆทันที หยุนหลีผู้นี้ประหลาดนัก นางดันคิดออกมาได้
“เจ้าต้องโกงแน่” สนมนางนั้นบอกอย่างเดือดดาล
“ข้าเชื่อนาง ของที่เหม็นทะลุฟ้าเช่นนี้มีเพียงหยุนหลีเท่านั้นที่กล้านำออกมา ต่อให้โกงก็ไม่มีใครทำออกมาเหม็นเช่นนี้!” หยุนถิงปกป้อง จากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเต้าหู้เหม็นเข้าปาก
“อืม รสชาติไม่เลว เพียงแต่น้ำมันพริกน้อยไปหน่อย ถ้าใส่งาขาวเข้าไปสักหน่อยรสชาติจะดีขึ้น”
“พี่หญิงใหญ่พูดถูกต้องแล้ว ข้าจะกลับไปลองดูนะ” หยุนหลีพูดอย่างภูมิใจ
“หยุดเลย ถ้าเจ้ากลับไปลองที่บ้าน จวนตระกูลหยุนต้องเหม็นไปกับเจ้าแน่” หยุนเฉิงเซี่ยงแวะมาร่วมสนุกด้วย ทนไม่ไหวปรามออกมา
“หยุนเฉิงเซี่ยง!” พอฮ่องเต้เห็นหยุนเฉิงเซี่ยง ก็ดีใจมาก
ถึงหยุนเฉิงเซี่ยงจะลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดแล้ว แต่ฮ่องเต้ยังคงเก็บตำแหน่งเสนาบดีไว้ให้เขา หากราชสำนักเจอปัญหายากยิ่งนัก ฮ่องเต้ก็มักจะไปขอความเห็นจากหยุนเฉิงเซี่ยง
“กระหม่อมคารวะฝ่าบาท!” หยุนเฉิงเซี่ยงถวายบังคม
“ลุกขึ้นเถิด หายากนักที่ท่านก็มาร่วมสนุกด้วย ซูกงกงรีบให้คนไปยกเก้าอี้มา เมื่อก่อนข้าก็มักจะคุยปรึกษาเรื่องบ้านเมืองกับหยุนเฉิงเซี่ยงในราชสำนัก วันนี้ได้มาร่วมตัดสินการแข่งขันทำอาหารด้วยกัน ก็ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งล่ะ” ฮ่องเต้บอกอย่างยินดี
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงรีบให้คนยกเก้าอี้มาทันที
“ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมแค่มาร่วมสนุกเท่านั้น!” หยุนเฉิงเซี่ยงนั่งลงข้างฮ่องเต้ เหมยเฟยยังยกที่นั่งให้
เหมยเฟยก็คีบเต้าหู้เหม็นขึ้นมา กินไปหน่อยโดยสะกดกลั้นกลิ่นเหม็นนั้น หากมิใช่เห็นแก่หน้าหยุนถิง ให้ตายนางก็ไม่กินหรอก
พอกิน รู้สึกว่าเต้าหู้เหม็นนี่ไม่เลวเลย “ฝ่าบาท เหมือนอย่างที่ซื่อจื่อเฟยพูดเลย ดมแล้วเหม็น กินแล้วหอม หม่อมฉันรู้สึกว่ารสชาตินี้มิเลวเลย”
พอฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ลองชิมบ้าง ฮ่องเต้ที่กินอาหารเลิศรสมาจนชิน พอได้ลองเต้าหู้เหม็นไปหนึ่งคำ รู้สึกว่าอร่อยยิ่งนัก
“ไม่เลวเลยจริงๆ นังหนูหยุนหลีนี่ความคิดมากอยู่นะ”
“ให้ฝ่าบาทขบขันแล้ว” หยุนเฉินเซี่ยงสีหน้ากระดากอาย ถลึงตามองหยุนหลีอย่างขึ้งโกรธ
“มิเป็นไร ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารเลิศรสก็ไม่น่าสนใจสิ จู่ๆมีเต้าหู้เหม็นนี้ออกมา น่าสนุกดี ตอนนี้สิ้นปี ดังนั้นยิ่งครึกครื้นยิ่งดี ข้าให้เจ้าผ่าน!” ฮ่องเต้หัวเราะร่วน
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ถึงสนมคนอื่นจะไม่ได้กิน แต่เห็นฝ่าบาทให้ผ่านแล้ว ก็พากันให้ผ่านหมด
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม อาหารทั้งหมดของผู้เข้าแข่งขันได้รับการชิมหมดแล้ว โม่หลานกินเยอะจนใกล้อาเจียนแล้ว
“ฝ่าบาท พวกท่านตัดสินต่อเลย ข้าจะไปฝึกที่ค่ายทหารสักหน่อย จู่ๆมากินมากขนาดนี้ อาหารไม่ย่อย” โม่หลานพูดอย่างกระดาก
ยังไม่รอฮ่องเต้เอ่ยปาก โม่ฉือชิงก็แทรกเลย “ปีใหม่เจ้าไปค่ายทหารทำอะไร เจ้าอยากฝึก ข้าจะฝึกเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”
“เจ้าน่ะนะ?” โม่หลานมองมาอย่างสงสัย
โม่ฉือชิงเองก็รู้จักฝีมือตนเองดี เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่หลานอยู่แล้ว “ที่ข้าบอกจะฝึกเป็นเพื่อนเจ้าคือ อยู่เป็นเพื่อน ดูเจ้าฝึก”
ทุกคนพากันหัวเราะครืน ดูท่าเฉินอ๋องคงจะสู้ไม่ไหว ต่อไปคงเชื่อฟังเมียแน่นอน
“หัวเราะอะไรกัน หวางเฟยที่ข้าพยายามแทบตายกว่าจะได้แต่งด้วย ต้องรักใคร่ทะนุถนอมสิ!” โม่ฉือชิงเบ้ปากบอก