จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 768 เจ้าดีกว่าข้าตรงไหน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 768 เจ้าดีกว่าข้าตรงไหน

ก่อนหน้านี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของฮวาเชียนจั่นสังหารองครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อไปหนึ่งนาย ได้อาวุธที่คล้ายกระบอกปืนมาจากองครักษ์ลับคนนั้น ทำให้ฮวาเชียนจั่นรู้สึกประหลาดใจจริงๆ

ต่อมาตรวจสอบแล้วถึงได้รู้ว่า นั่นคือสิ่งที่หยุนถิงออกแบบ ผู้หญิงที่สามารถออกแบบอาวุธได้ ไม่ธรรมดามากจริงๆ เกรงว่าทั่วทั้งสี่แคว้นคงไม่มีคนที่สองแล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ได้มีแค่คนของหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเท่านั้นที่มี แม้แต่คนของซวนอ๋องก็มีเช่นกัน และแม้กระทั่งชางหลันเย่กับเป่ยหมิงฉี่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็ยังมี

คนคนหนึ่งแข็งแกร่งไม่ถือว่าแข็งแกร่ง แต่สามารถร่วมกับสามแคว้นที่เหลือเข้าด้วยกัน เปลี่ยนสามแคว้นที่เดิมทีไม่ลงรอยกันให้เป็นพันธมิตร นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้

ดังนั้น หยุนถิงก็คือคนที่เขาตามหา และเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยงานใหญ่ของเขาสำเร็จ

วันนี้ได้พบ หยุนถิงเป็นคนที่มีแค้นต้องชำระตามคำร่ำลือจริงๆ และยังกล้าหาญรอบคอบ นางทำให้ฮวาเชียนจั่นพึงพอใจมากจริงๆ

“นายน้อย เราจะทำอย่างไรต่อไป?” หัวหน้าอี้ชิวสอบถาม

“แจ้งให้ทุกคนอพยพ จวินหย่วนโยวให้ความสำคัญกับหยุนถิงที่สุด จะต้องส่งคนมาแก้แค้นแน่นอน!” ฮวาเชียนจั่นกล่าวอย่างเย็นชา

“ขอรับ!”

ทุกคนไม่ได้เก็บของเลยด้วยซ้ำ ก็ล่าถอยด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดทันที

ทางด้านนี้ จวนซื่อจื่อ

หลังจากที่หยุนถิงกับซูหลินกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ นักแสดงงิ้วคนหนึ่งเท่านั้นหยุนถิงก็สั่งสอนเขาในที่เกิดเหตุแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอกจวินหย่วนโยว ดังนั้นหยุนถิงก็เลยไปดูลูกๆ

องครักษ์ลับที่ปกป้องหยุนถิงในที่ลับ รายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ลานแสดงงิ้วต่อจวินหย่วนโยวทันทีหลังจากที่กลับไป จวินหย่วนโยวโกรธจนบันดาลโทสะ

นักแสดงงิ้วคนหนึ่ง ก็กล้าสร้างสถานการณ์หลอกลวงซื่อจื่อเฟยของตัวเอง รนหาที่ตาย

ถึงแม้หยุนถิงจะสั่งสอนนักแสดงงิ้วคนนั้นทันทีแล้ว แต่ไหนเลยที่จวินหย่วนโยวจะทนได้ สั่งให้หลิงเฟิงพาคนมาที่ลานแสดงงิ้วทันที

เพียงแต่ว่าในตอนที่หลิงเฟิงพาคนเร่งเดินทางมาถึง คนของลานแสดงงิ้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว สิ่งของก็ยังไม่ได้จัดเก็บ คนกลับไม่มีให้จัดการแล้ว

หลิงเฟิงให้ทุกคนไปตรวจค้นทันที เห็นว่าไม่มีคนแล้วจริงๆ จากนั้นก็ให้คนจุดไฟเผาทั่วทั้งลานแสดงงิ้ว ถึงได้กลับไปรายงาน

เมื่อจวินหย่วนโยวได้ยินว่าทั่วทั้งลานแสดงงิ้วรวมไปถึงผู้คนล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย สีหน้าก็เคร่งขรึมลงมาทันที

หากเป็นคนทั่วไปย่อมไม่มีความกล้าสร้างสถานการณ์หลองลวงหยุนถิงแน่นอน ยิ่งไม่กล้ายั่วยุตนเอง จงใจหาเรื่องหยุนถิงก่อนจากนั้นก็ล่าถอยไปกันหมด ความเร็วระดับนี้คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้ จะต้องมีองค์กร มีแผนการ เตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอน

สี่แคว้น ยังไม่มีใครกล้ารนหาที่ตายเช่นนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาเป็นคนนอกเหนือจากสี่แคว้น

จู่ๆจวินหย่วนโยวก็นึกถึงเขตทะเลนิรนาม คนของฝั่งโน้นทยอยกันมาที่แคว้นต้าเยียนอย่างไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นว่ามีแผนร้ายอะไรอยู่ แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกเข่นฆ่าได้ตามใจ ไม่สู้ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ

“หลิงเฟิงตรวจสอบเบื้องหลังของลานแสดงงิ้วแห่งนี้มาอย่างให้ชัดเจนทันที แจ้งสายลับของเมืองหลวงแคว้นต้าเยียน ใครก็ตามที่น่าสงสัยหรือไม่ก็คนที่ออกจากเมือง ให้รีบกลับมารายงานทันที! นอกเหนือจากนี้ แจ้งกองทัพในที่ลับหน่วยนั้น ให้พวกเขารอรับคำสั่งตลอดเวลา!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง

“ขอรับ!” หลิงเฟิงไปจัดการทันที

กลางคืน สมาชิกทั้งหมดของตระกูลหยุนล้วนมาที่จวนซื่อจื่อ ซวนอ๋องโม่เหลิ่งเหยียนก็มาเช่นกัน รวมถึงฮูหยินเฒ่าฟู่ หมอยมบาล ตาเฒ่าเหอก็มาเช่นกัน ครึกครื้นอย่างมาก

เนื่องจากมีคนมากเกินไป ดังนั้นพ่อบ้านจึงให้คนจัดโต๊ะขนาดใหญ่สิบโต๊ะ จานอาหารเลิศรสที่อุดมสมบูรณ์ถูกยกขึ้นโต๊ะ

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวดื่มคารวะสุราหยุนเฉิงเซี่ยงด้วยตัวเอง หยุนเฉิงเซี่ยงพึงพอใจอย่างมาก “ถิงเอ๋อร์กับจวินซื่อจื่อดื่มคารวะสุราต้องดื่มให้ได้!” ขณะพูดก็ดื่มหมดในรวดเดียว

“นายท่าน ท่านดื่มน้อยหน่อย” ซูอี๋เหนียงกล่าวด้วยความเป็นห่วง

ตอนนี้ซูอี๋เหนียงเป็นคนดูแลจวนตระกูลหยุน ตั้งแต่แต่งงานมาที่จวนตระกูลหยุนไม่ได้ออกไปไหนเลยมากว่าสิบกว่าปี วันนี้มาที่จวนซื่อจื่อ เห็นจวนซื่อจื่อโอ่อ่าตระการเช่นนี้ ซูอี๋เหนียงทั้งยินดีทั้งปลื้มปิติ

นางรู้ว่า คุณหนูใหญ่มีชีวิตที่ดี นี่ก็เพียงพอแล้ว

“ไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันสิ้นปี ทุกคนสนุกสนานตามใจชอบก็พอ” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าว

“พี่ใหญ่ ข้าดื่มคารวะท่าน!” หยุนเสี่ยวลิ่วก็ยกชานมขึ้นมาเช่นกัน “ไม่มีพี่ใหญ่ ก็ไม่มีข้าในตอนนี้ ขอบคุณพี่ใหญ่มาก!”

“คุณหนูใหญ่ ข้าก็ดื่มคารวะท่านเช่นกัน!” เสี่ยวอันจื่อ จิ่งไป๋ ม่อเซิงต่างก็พากันยกชานมขึ้นมา

“พี่ใหญ่ ข้าก็ดื่มคารวะท่านเช่นกัน ปีนี้ร้านขายอาวุธของข้าทำกำไรได้ไม่น้อย ปีหน้าข้าวางแผนจะเปิดร้านสาขา!” หยุนหลีกล่าวขอบคุณ

หยุนซูก็ยกถ้วยสุราขึ้นมาเช่นกัน “ร้านเนื้อย่างที่พี่ใหญ่ให้ข้ามีเมนูอาหารออกใหม่อีกสองสามอย่าง ระยะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุม หลายคนล้วนสั่งไปเป็นอาหารค่ำของคืนส่งท้ายปี ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ให้โอกาสข้าพิสูจน์ตัวเอง”

วันนี้เป็นวันสิ้นปี ทุกคนไม่คำนึงสถานะตำแหน่ง ล้วนกินดื่มบนโต๊ะเดียวกัน เช่นนี้ถึงจะครึกครื้น

“โอ้โห พวกเจ้าทุกคนล้วนรู้หลักเหตุผลแล้ว ข้าปลื้มปิติมาก อนาคตของตระกูลหยุนยังต้องอาศัยพวกเราทั้งครอบครัวพยายามกันต่อไป จอกนี้จำเป็นต้องดื่มให้หมด!” หยุนถิงยกถ้วยสุราขึ้นมาก็ดื่มเลย

“ท่านแม่ ชน!” จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนก็ยกนมขึ้นมาเช่นกัน

ทุกคนล้วนรู้สึกตลกขบขันไปกับเด็กน้อยสองคนนี้ ซูชิงโยวดูแลการกินอาหารของหยุนซือถิง หยุนไห่เทียนกับหยุนถิงคุยกันไปก่อน

“อนาคตเด็กน้อยสองคนนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ถ้าอย่างไรก็ให้เสี่ยวเทียนเรียนการแพทย์กับข้าดีไหม?” หมอยมบาลถาม

“ฝีมืออย่างเจ้ายังสู้ข้าไม่ได้เลย เสี่ยวเทียนเจ้าเรียนกับปู่ ทักษะทางการแพทย์ของปู่ยอดเยี่ยม!” ตาเฒ่าเหอแย่งกันพูดทันที

“เจ้าดีกว่าข้าตรงไหน!” หมอยมบาลกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ตาแก่สองคนอย่างพวกเจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วใช่ไหม ทักษะทางการแพทย์ของซื่อจื่อเฟยก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว เสี่ยวเทียนจำเป็นต้องเรียนกับพวกเจ้าหรือ” ฮูหยินเฒ่าฟู่เอ่ยปาก

หมอยมบาลกับตาเฒ่าเหอถึงได้เบะปาก คำพูดนี้มันเป็นเรื่องจริง

“หมอยมบาล ท่านเหอ ข้าจะฝากฝังเสี่ยวเทียนให้กับพวกท่านจริงๆ หลังวันสิ้นปีข้าก็จะส่งพวกเขาสองคนไปที่จวนตระกูลฟู่ รบกวนทั้งสองท่านสอนพวกเขาดีๆด้วย!” หยุนถิงกล่าว

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนล้วนพากันมองมาด้วยความตกตะลึง อย่างไรเสียทักษะทางการแพทย์ของตัวหยุนถิงเองก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คนอื่นเลยด้วยซ้ำ

“หลังตรุษจีน ข้าต้องการจะออกเดินทางไกล ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะกลับมา ทักษะทางการแพทย์ของทั้งสองท่านในสี่แคว้นไม่มีใครเทียบทานได้ ดังนั้นข้าจึงขอฝากฝังเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนไว้ให้พวกท่าน” หยุนถิงกล่าว

ยายขุยไม่ได้พูดอะไร นางรู้ว่าหยุนถิงกำลังจะเคลื่อนไหวแล้ว

ทันทีที่คำพูดออกมา จวินหย่วนโยวก็รู้ว่าการออกเดินทางไกลที่หยุนถิงพูดถึงก็คือการไปเขตทะเลนิรนาม กล่าวให้ความร่วมมือว่า “รบกวนทั้งสองท่านแล้ว”

“ในเมื่อเจ้าหนูจวินเอ่ยปากแล้ว เช่นนั้นตาแก่อย่างข้าก็จะถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ข้าร่ำเรียนมาตลอดชีวิตให้กับเด็กน้อยสองคนนี้อย่างแน่นอน” หมอยมบาลตอบ

“ทีนี้ข้าก็มีผู้สืบทอดแล้วเช่นกัน” ตาเฒ่าเหอกล่าวด้วยความยินดี

มือที่จับถ้วยสุราของโม่เหลิ่งเหยียนขยับแน่นเล็กน้อย เข้าใจโดยปริยาย ไม่ได้พูดอะไรมาก

คนอื่นๆก็เข้าใจโดยปริยาย ล้วนไม่ได้ถามอะไรมาก กินดื่มและพูดคุยเรื่องต่างๆกันต่อไป มีความสุขอย่างมาก

หลันซานที่อยู่ด้านข้างก็ยินดีมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่นางฉลองตรุษจีนนอกพระราชวัง มองดูผู้คนในจวนซื่อจื่อ หลันซานมีความสุขด้วยใจจริง

ทุกคนกินดื่ม พูดคุยสังสรรค์ พูดเรื่องความฝันและวันพรุ่งนี้ด้วยกัน นี่ถึงจะเป็นชีวิตที่คนปกติควรมี และเป็นสิ่งที่นางคาดหวังมาโดยตลอด

หลังจากเรื่องขนมถั่วเขียวครั้งก่อน รั่วจิ่งไม่มีความสุขมาโดยตลอด คืนนี้ดื่มมากเกินไปหน่อย คนทั้นคนรู้สึกวิงเวียน อาศัยฤทธิ์สุราดึงสาวใช้ที่นั่งอยู่ด้านข้างของหลันซานออกไป รั่วจิ่งก็นั่งลงไปโดยตรง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท