จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 775 กอดท่านไว้ช่างดีเสียจริง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 775 กอดท่านไว้ช่างดีเสียจริง

เด็กหนุ่มสองคนพูดด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ถ้าไม่ใช่ผู้มีพระคุณตรงหน้านี้ ชาตินี้พวกเขาคงออกจากคุกใต้ดินที่ดำมืดแห่งนั้นไม่ได้ ยิ่งจะไม่มีชีวิตรอดออกมา

ฉะนั้น พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก และรู้สึกสำนึกในบุญคุณมากด้วย

หยุนถิงมองพวกเขาแวบหนึ่ง ลักษณะก็แค่อายุสิบต้นๆ ทว่าดูไม่ต่างจากจิ่งไป๋และม่อเซิงเท่าไร

“ติดตามข้าลำบากมาก และอันตรายมากด้วย อาจจะสูญเสียชีวิตไปได้ทุกเมื่อ พวกเจ้าคิดดีกันแล้วหรือ?” หยุนถิงถาม

“ข้าไม่กลัวขอรับ ขอเพียงสามารถติดตามผู้มีพระคุณได้ ข้าตายก็ไม่กลัวขอรับ!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบ

“ข้าก็ด้วยขอรับ!” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ทำหน้าจริงจัง

“ได้ จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าก็ติดตามข้าเถิด พวกเจ้าชื่ออะไรเล่า?” หยุนถิงถาม

“ข้าชื่อชู่หลิวขอรับ”

“ข้าชื่อชางเอ่อขอรับ”

“ดี ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าสองคนก็ติดตามจิ่งไป๋กับม่อเซิง!” หยุนถิงบอก

“ขอรับ” ไป่จิ่งกับม่อเซิงรีบเดินเข้ามาทันที

คราวนี้หยุนถิงจงใจพาเด็กหนุ่มสองคนนี้ออกไปข้างนอก พวกเขาเรียนมานานขนาดนี้แล้ว ก็ควรมีประสบการณ์อย่างโชกโชนเสียหน่อย

“ทุกคนลำบากกันมาทั้งคืน แต่ละคนไปหาที่พักผ่อนเถิด มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

“ขอรับ!”

จวนเจ้าเมืองใหญ่ปานนี้ ทุกคนต่างรีบแยกหาห้องพักผ่อนแล้ว หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็ถือโอกาสหาห้องสักห้องพักผ่อนเช่นกัน

แน่นอนว่าหยุนถิงหยิบผ้าปูที่เตียงและผ้าห่มออกมาจากในมิติเอง จวินหย่วนโยวเป็นคนมีนิสัยรักสะอาด ย่อมจะไม่ใช้ของคนอื่นเป็นธรรมดา

วินาทีที่นอนอยู่บนเตียงนั้น หยุนถิงยื่นมือกอดจวินหย่วนโยวเอาไว้ “ท่านพี่ ผ่านคืนนี้มาข้ารู้สึกว่ากอดท่านไว้ช่างดีเสียจริง!”

“เจ้าโง่ ชาตินี้ข้าเป็นของเจ้า เป็นเพียงของเจ้า ฉะนั้นหลับให้สบายใจเถิด ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังมีข้าอยู่ทั้งนั้น!” จวินหย่วนโยวยื่นมือกอดหยุนถิงไว้แน่น

“อืม ท่านพี่ของข้าเก่งกาจที่สุด!” หยุนถิงหลับตาลงแล้ว

ทรมานมาเกือบทั้งคืนแล้ว นางเหนื่อยจริงๆ

พอหลับลงคราวนี้ ก็หลับจนถึงช่วงกลางวันวันต่อมา หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตื่นขึ้นมา หลิงเฟิงและคนอื่นก็เตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว คนเหล่านี้รับประทานอาหารเสร็จถึงออกไปเดินเล่นเสียหน่อย

เพียงแต่พวกเขาเพิ่งออกมา ก็ต้องตกตะลึงกับทุกคนที่ด้านนอก

รอบด้านจวนเจ้าเมืองเต็มไปด้วยชาวบ้าน ล้วนเป็นคนเหล่านั้นที่ติดอยู่ในคุกใต้ดินเมื่อคืนนี้พาคนในครอบครัวของตนเองมากล่าวขอบคุณ

“ขอบพระคุณหลายๆ ท่านที่ช่วยชีวิตขอรับ ช่วยชีวิตชาวบ้านอย่างพวกเราไว้แล้ว ทำให้พวกเรากับคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากัน ทำให้พวกเราทั้งเมืองได้รับความหวังและชีวิตใหม่!” ชาวบ้านคนหนึ่งนำคนมาคุกเข่าขอบคุณ

ชาวบ้านทั้งเมือง มีคนแก่มีเด็กมีชายมีหญิงล้วนคุกเข่าขอบคุณพวกเขาอยู่

ทำเอาหยุนถิงรู้สึกลำบากใจมาก “ทุกคนรีบลุกขึ้นเถิด พวกเราเพียงแค่ผ่านมาเห็นจึงช่วย เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้ ถ้าพวกเจ้าอยากขอบคุณพวกเราจริงๆ ก็บอกพวกเราเกี่ยวกับเรื่องของเขตทะเลนิรนามเถิด”

พอบรรดาชาวบ้านได้ยิน ต่างเล่าทั้งหมดที่ตนเองรู้ออกมา

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นฟังอย่างตั้งใจ ไม่สนว่าเป็นเรื่องจริงเรื่องเท็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขารู้เกี่ยวกับเขตทะเลนิรนามน้อยมาก ผนวกรวมกับคำพูดของชาวบ้านจะเข้าใจมากกว่าเดิม

“ผู้มีพระคุณทุกท่าน ตอนเช้าพวกเราทุกคนปรึกษากันทั้งเช้า มีเรื่องอยากขอร้อง หากจะขอให้พวกท่านเป็นเจ้าเมืองของพวกเรา ชี้นำพวกเราทุกคนได้หรือไม่ พวกเรากลัวว่าต่อไปจะพบเจอโจรสลัดเข้าอีก” ชาวบ้านคนหนึ่งในนั้นลังเลนิดหน่อยแต่ยังพูดออกมา

“ใช่ขอรับ พวกเราจะไม่รบกวนพวกท่านนานเกินไป พวกท่านมีธุระก็ไปทำธุระของพวกท่านได้ ผ่านไปช่วงหนึ่งส่งคนมาดูพวกเราเสียหน่อยก็พอ

พวกเราทางนี้ถึงแม้เป็นชายขอบของเขตทะเลนิรนาม แต่มีสินค้าทางทะเลอุดมสมบูรณ์ ไปทะเลกลางก็สะดวกมากด้วย ถ้าพวกท่านมีความต้องการอันใด ทุกคนจะต้องพยายามช่วยสุดความสามารถแน่นอน!”

ฟังคำพูดของพวกเขา จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลงซาน เจ้าอยู่เป็นเจ้าเมืองที่นี่ จิ่งไป๋กับม่อเซิงอยู่ช่วยเขาด้วย!”

“ขอรับ!” หลงซานรีบรับคำสั่ง

ถึงแม้ไม่เข้าใจว่าทำไมซื่อจื่อให้เขาอยู่ต่อ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของซื่อจื่อ เขาย่อมเชื่อฟังแน่นอน

“ขอบพระคุณคุณชาย ขอบพระคุณขอรับ!” บรรดาชาวบ้านต่างซาบซึ้งใจ

หยุนถิงและคนอื่นจงใจอยู่ต่ออีกสี่ห้าวัน ทำความเข้าใจสถานการณ์และตำแหน่งภูมิศาสตร์ของทั้งเมืองอย่างกระจ่าง และช่วยเหล่าชาวบ้านสร้างแผ่นดินเกิดขึ้นใหม่ ก่อตั้งเส้นทางขายสินค้าทางทะเลเส้นหนึ่ง อย่างนี้ไม่เพียงสามารถช่วยเหล่าชาวบ้านที่นี่เปิดการขายหาเงินได้ ยังสามารถนำผ้า ผักผลไม้และอื่นๆ ที่พวกเขาต้องการส่งเข้ามาได้อีก

จากการปรึกษาของหยุนถิงและจวินหย่วนโยว พวกเขาเขียนรายละเอียดขั้นตอนอันชัดเจนส่งให้โม่เหลิ่งเหยียนจากนั้นจึงบอกลากับชาวบ้านของที่นี่ มุ่งหน้ากันต่อไป

ตอนที่จะออกเดินทาง ชางเอ่อมาหาจวินหย่วนโยว “คุณชายขอรับ ข้าคุ้นเคยกับเขตทะเลผืนนี้ ข้าตามอาจารย์ออกทะเลไปหลายครั้ง พูดได้ว่าข้าเติบโตมาจากทะเล ข้ามีโอกาสได้ติดตามอาจารย์ไปครั้งหนึ่ง ตอนนั้นพวกเราเกือบโดนปลายักษ์พวกนั้นกิน โชคดีที่รอดกลับมาได้ เดิมทีข้าสาบานว่าชาตินี้จะไม่ไปสถานที่อันตรายแห่งนั้นอีก แต่พวกท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ฉะนั้นข้ายินยอมนำทางให้ขอรับ”

จวินหย่วนโยวมองเขาแวบหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผอมแห้ง สายตาเด็ดเดี่ยวที่สุดจริงๆ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปด้วยกันกับพวกเราเถิด”

คนกลุ่มนี้ขึ้นเรือออกไป คราวนี้มีชางเอ่อนำทาง จึงราบรื่นอย่างมาก ไม่ถึงเจ็ดแปดวันก็มาถึงอีกเมืองหนึ่งแล้ว

“คุณชาย พวกเราพักผ่อนที่เมืองแห่งนี้สักสองสามวันเถิดขอรับ เติมเสบียงและของใช้ให้เต็มเสียหน่อย จากนั้นเริ่มออกเดินทางอีกรอบ อย่างนี้ยิ่งปลอดภัยมากกว่า!” ชางเอ่อพูดอธิบาย

“ได้!”

ทุกคนลงจากเรือ เดินลงไป ยิ่งดูเหมือนเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ชางเอ่อพาทุกคนไปที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง บอกว่าเป็นโรงเตี๊ยม แต่โกโรโกโสกว่าโรงเตี๊ยมทั่วไปมากนัก และเป็นเพียงลานขนาดใหญ่มากผืนหนึ่ง แล้วมีห้องเพิ่มมาสามสี่ห้อง

“คุณชายคืนนี้พวกเราก็พักผ่อนกันที่นี่เถิด ก่อนหน้านี้ข้าเคยมากับอาจารย์ ผู้จัดการของที่นี่นิสัยดีมากขอรับ” ชางเอ่อกล่าว

ระหว่างที่พูดจา ตาเฒ่าผมสีดอกเลาคนหนึ่งเดินออกมา พอเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้ามา ยังแปลกใจอยู่บ้าง แต่ว่าตอนที่มองเห็นชางเอ่อ กลับกระตือรือร้นที่สุด

“ชางเอ่อ เจ้าหนูนี่มาได้เยี่ยงไรกัน สูงกว่าปีก่อนที่ข้าเคยเห็นไม่น้อยเชียว” ตาเฒ่าพูดอย่างดีใจ

“ท่านลุง คนเหล่านี้เคยช่วยชีวิตข้า พวกเขาจะไปทะเลกลาง ฉะนั้นคืนนี้อยากพักผ่อนกับท่านทางนี้ รบกวนด้วยขอรับ!” ชางเอ่อบอก

“ไม่รบกวน เจ้านึกถึงข้าได้ ข้าก็ดีใจมากแล้ว ทุกท่านเชิญด้านในเถิด แค่ว่าเรือนของข้าโกโรโกโสไปบ้าง ทุกคนอย่าได้ถือสา” ตาเฒ่ารีบนำทางทันใด

“ท่านผู้เฒ่าเกรงใจแล้ว”

จวินหย่วนโยวและคนอื่นเข้าไปพักผ่อนในห้อง โกโรโกโสอยู่บ้างเสียจริง ในห้องมีเพียงเตียงอันเดียว เก้าอี้สองตัว และโต๊ะหนึ่งตัว

“คืนนี้คงลำบากใจอยู่ที่นี่สักคืน!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

“มีห้องให้นอน ก็ดีมากแล้วเจ้าค่ะ” หยุนถิงพูดอยู่ก็เป่าตะเกียงน้ำมันในห้องดับลง

ห้องมืดลงในทันใด หยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับไม่ได้พักผ่อน เพียงแค่คลำความมืดนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง

“ท่านพี่ ชางเอ่อคนนี้คุ้นเคยกับที่นี่เช่นนี้ เห็นสัญญาณมือของเขากับตาเฒ่าคนนั้น คืนนี้เกรงว่าจะไม่สงบแล้ว!”

คืนนี้ตาเฒ่าคนนั้นเจอกับชางเอ่อดูดีใจนัก ถึงแม้พวกเขาจะพยายามปกปิดเต็มที่ แต่หยุนถิงยังมองเห็นสัญญาณมือของทั้งสองคนแล้ว ถึงแม้ไม่รู้ว่าสัญญาณมือนั้นของพวกเขาหมายความว่าอะไร แต่ย่อมไม่ปกติเด็ดขาด

“ชางเอ่อคนนี้เป็นฝ่ายเสนอพาพวกเราไปทะเลกลางเอง ข้าก็มองความผิดปกติของเขาออก ชาวบ้านเหล่านั้นล้วนเลี่ยงหนีแทบไม่ทัน เหตุใดเขาถึงเต็มใจมาเอง ฉะนั้นย่อมใช้แผนซ้อนแผน!” บนใบหน้าจวินหย่วนโยวมีความเด็ดขาดนิดๆ เพิ่มขึ้นมา

“เขามีเป้าหมายอะไร คืนนี้ก็รู้แล้ว!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท