จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 780 ท่านพี่ ท่านอยากทำอะไร
ชางหลันเย่ชำเลืองมองชางหยุนสี่ที่คุกเข่าบนพื้น “ลุกขึ้นพูดเถิด!”
“หม่อมฉันไม่ลุก เสด็จพี่ได้โปรดพระราชทานงานสมรสให้น้องด้วยเพคะ หม่อมฉันอยากแต่งกับชิวหนานชือ!” ชางหยุนสี่เอ่ยปากอีกครั้ง
ชางหลันเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชิวหนานชือเป็นลูกของเฉิงเซี่ยงแห่งแคว้นชางเยว่ ถึงแม้เป็นลูกของภรรยาหลวง กลับร่างกายพิการ เดินเหินไม่สะดวก ว่ากันว่ายังไร้สมรรถภาพ ฉะนั้นตอนนี้ชิวหนานชืออายุยี่สิบสี่ปี กลับยังไม่ได้แต่งงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถัดจากเขายังมีน้องชายสองคน เพียงแค่ไร้สมรรถภาพจุดนี้ ต่อไปก็ไม่สามารถสืบทอดทุกอย่างของจวนเฉิงเซี่ยงได้เด็ดขาด
เหล่าลูกสาวตระกูลชั้นสูงของแคว้นชางเยว่ล้วนไม่สนใจเขา ยิ่งไปกว่านั้นชางหยุนสี่เป็นถึงองค์หญิง
ชางหลันเย่ลุกขึ้นเดินเข้ามา พยุงนางลุกขึ้น “เจ้าจะแต่งกับชิวหนานชือ เป็นความคิดของเสด็จแม่เจ้า?”
ชางหยุนสี่สีหน้าตึงเครียดระดับหนึ่ง เบ้าตาแดงอยู่บ้าง ไม่ได้ตอบ และไม่ได้ปฏิเสธ
พี่รองลอบสังหารเสด็จพี่ไท่จื่อ จากนั้นถูกเสด็จพ่อประหารชีวิต ตอนนี้เสด็จพ่อสุขภาพไม่ดีมาก สละบัลลังก์ให้เสด็จพี่ไท่จื่อ ตอนนี้เสด็จพี่ไท่จื่อก็คือฮ่องเต้ของแคว้นชางเยว่แล้ว
ชางหยุนสี่รู้ว่า อำนาจของเสด็จแม่ถูกเสด็จพี่กำจัดตั้งแต่แรกแล้ว นางไม่เข้าใจว่าทำไมเสด็จพี่ไม่ได้ฆ่าเสด็จแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้เสด็จแม่วางยาพิษต่อหมิงเฟย
ไม่กี่วันก่อนนางไปเยี่ยมเสด็จแม่ เสด็จแม่ป่วยหนักปางตาย ยังให้นางต้องแต่งงานกับชิวหนานชือให้จงได้ หลอกใช้อำนาจของจวนเฉิงเซี่ยงต่อต้านเสด็จพี่ ใช้ความตายมาข่มขู่นางอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ชางหยุนสี่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่เสด็จแม่รักนางมาตั้งแต่เด็ก พี่รองเพิ่งตาย ถ้าเกิดสูญเสียเสด็จแม่ไปอีก ชางหยุนสี่ไม่กล้าจินตนาการเลย
เสด็จแม่เป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของนางแล้ว นางได้เพียงยอมรับ
ชางหลันเย่ลุกขึ้นเดินเข้ามา ประคองนางขึ้นมา “หยุนสี่ อยู่ที่แคว้นต้าเยียนเจ้าเรียกข้าว่าเสด็จพี่ไท่จื่อ ส่งข่าวให้เสด็จแม่ของข้า และปลอบใจนาง ฉะนั้นข้าซาบซึ้งใจต่อเจ้ามาก
พี่รองกับเสด็จแม่ของเจ้าเป็นพวกเขาที่หาเหาใส่ตัวเอง อย่าได้ทำให้ทั้งชีวิตของตัวเองย่อยยับเพื่อพวกเขา ต่อให้เจ้าแต่งงานกับชิวหนานชือ ด้วยความสามารถของจวนเฉิงเซี่ยงเดิมทีไม่พอเป็นปรปักษ์กับข้าได้ ส่วนเสด็จแม่เจ้าเพียงแค่ขุดหลุมฝังตนเอง
นางอยากสละชีพเจ้ามาจัดการข้า ทั้งที่รู้ว่าเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเจ้ายังอยากจะเลือกชิวหนานชืออยู่หรือ ถ้าเจ้ายืนหยัดให้ข้าพระราชทานงานสมรสให้ ข้าสามารถพระราชทานให้เจ้าได้ ถ้าอยากหนีไปข้าสามารถปล่อยเจ้าไปได้!”
น้ำตาของชางหยุนสี่ไหลรินในชั่วขณะนั้น นางคิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะพูดกับนางอย่างนี้
เสด็จพี่พูดผลดีผลเสียในนั้นออกมาหมด และทำให้นางเห็นความจริงแจ่มแจ้ง
ใช่ ตอนนี้เสด็จพี่เป็นฮ่องเต้ของแคว้นชางเยว่ ต่อให้ตนเองแต่งงานกับลูกชายของเฉิงเซี่ยงแล้วจะทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนพิการด้วย หนำซ้ำต่อไปก็ไม่อาจสืบทอดจวนเฉิงเซี่ยงได้ด้วย
เสด็จแม่ของนางเฉลียวฉลาด ทั้งที่รู้ว่าเป็นแผนที่ไม่อาจชนะได้ กลับยังอยากให้นางแต่งออกไป เห็นนางเป็นเพียงหมากเสียจริง หนำซ้ำยังเป็นเครื่องสังเวยด้วย
มองชางหลันเย่ตรงหน้า ชางหยุนสี่รู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล “เสด็จพี่ หม่อมฉันทำได้จริงหรือเพคะ หม่อมฉันสามารถออกไปจากที่นี่ได้จริงหรือ?”
“แน่นอน ขอเพียงเจ้ายินยอม!” ชางหลันเย่ตอบ
ชางหยุนสี่ที่เพิ่งดีใจชั่วพริบตาสีหน้าพังทลายลงมา “แต่ว่าหม่อมฉันออกจากแคว้นชางเยว่แล้ว หม่อมฉันจะไปที่ใดได้เพคะ หม่อมฉันทำอะไรไม่เป็นทั้งสิ้น?”
“อย่าดูถูกตนเองเกินไป เจ้าสามารถทำได้หลายอย่าง ถ้าไม่รู้จะไปที่ใด ก็ไปเขตทะเลเถิด หยุนถิงเพิ่งส่งจดหมายมา นางอยากทำการค้าอาหารที่เขตทะเลทางนั้น ส่วนเจ้าในฐานะองค์หญิงสี่ของแคว้นชางเยว่ เป็นตัวแทนข้าไปรับผิดชอบการค้าของแคว้นชางเยว่พอดี!” ชางหลันเย่เอ่ยปาก
“เขตทะเล นึกไม่ถึงหยุนถิงทำการค้าไปถึงที่นั่นแล้ว นางเก่งกาจเสียจริง แต่ว่าเสด็จพี่เพคะ หม่อมฉันทำการค้าไม่เป็น?”
“วางใจเถิด ทุกอย่างมีคนรับหน้าที่โดยเฉพาะ ขอเพียงเจ้าช่วยดูไว้ อย่าให้พวกเขาขโมยของหรือก่อกวนก็พอ” ชางหลันเย่ตอบ
“ได้เพคะ หม่อมฉันยอมไป ถึงแม้หม่อมฉันไม่อยากยอมรับ แต่หยุนถิงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่หม่อมฉันเลื่อมใสจริงๆ! ขอบพระทัยเสด็จพี่ที่มอบโอกาสนี้ให้หม่อมฉันเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันจะกลับไปเก็บข้าวของก่อน!” ชางหยุนสี่หมุนตัวออกไปแล้ว
ชางหลันเย่มองภาพด้านหลังของนาง ในแววตาล้ำลึกเผยความปลื้มใจออกมา
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะให้องค์หญิงสี่เข้าร่วมการค้าของเขตทะเลจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสด็จแม่ของนางคือหยางเฟย?” คนสนิทเดินออกมาสอบถาม
“หลายปีมานี้หยางเฟยทำร้ายข้าไม่น้อยจริงๆ ยิ่งวางยาพิษต่อเสด็จแม่ของข้า เหตุผลที่ให้นางมีชีวิตอยู่ก็คืออยากให้นางมองเห็นอำนาจของตนเองถูกข้ากำจัดไปทีละนิด
ให้นางมองเห็นลูกชายของตนเองตายอย่างอนาถ ให้นางเจ็บปวดเจียนตาย ให้นางตายทั้งเป็น ถ้านางรู้ว่าลูกสาวของตนเองก็ถูกข้าแย่งมา มาทำงานให้ข้า นางจะไม่โมโหจนบ้าเชียวหรือ
ถึงแม้ชางหยุนสี่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ กลับยังเคยช่วยเหลือข้า บางที นางคือความเมตตาน้อยนิดเพียงอย่างเดียวที่ข้ามีต่อแคว้นชางเยว่!” ชางหลันเย่พูดทอดถอนใจ
“ฝ่าบาททรงมีพระเมตตายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”
……………………………….
เขตทะเลนิรนาม
ผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดเรือของจวินหย่วนโยวและคนอื่นก็เข้ามาเทียบชายฝั่งแล้ว
“ที่นี่คือรอบนอกของเกาะเทียนหลง เกาะเทียนหลงใหญ่มาก วันนี้พวกเราหาที่พักกันที่นี่ พักผ่อนสองสามวัน ที่นี่ตรวจตราเข้มงวดมาก เดิมทีไม่ให้คนนอกเข้าไป พวกเจ้าจำเป็นต้องแปลงโฉม จากนั้นค่อยพาพวกเจ้าลอบเข้าไป ทุกอย่างต้องฟังที่ข้าบอก!” ฮวาเชียนจั่นพูดกำชับ
“ได้!” จวินหย่วนโยวตอบรับ
ในใจเขาอดทอดถอนใจไม่ได้ โชคดีที่ร่วมมือกับฮวาเชียนจั่น ครึ่งเดือนเจอคลื่นทะเลและพายุไปก่อน ต่อมาก็เป็นหมอกหนาบดบัง สุดท้ายเจอฉลามเป็นฝูงเข้า——
ถ้าไม่ใช่ถิงเอ๋อร์บอกว่านั่นคือฉลาม และกินคน หลงเอ้อก็เกือบกระโดดลงไปแข่งว่าใครว่ายน้ำเร็วกว่ากันแล้ว
ถ้าพวกเขาเข้ามาเอง รับมืออย่างสองอย่างยังพอได้ แต่อุปสรรคกับอันตรายมากขนาดนี้ ช่างอันตรายมากเสียจริง
ดังนั้นจวินหย่วนโยวและคนอื่นเข้าเมืองมากับฮวาเชียนจั่นพวกเขานั้น กลับถูกคนเฝ้าหน้าประตูขวางเอาไว้
“พวกเขาล้วนเป็นคนของข้า ทำไม เจ้าอยากจะขวางหรือ?” ฮวาเชียนจั่นพึมพำอย่างเย็นชา
ไม่มีการหยอกล้อเล่น ทว่าเป็นความเย็นชาและเหยียดหยาม
คนเฝ้าที่หน้าประตูเมืองพอเห็น ถึงปล่อยให้เข้าไป
ฮวาเชียนจั่นหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งให้พวกเขาพัก เดินทางมานานขนาดนี้ ทุกคนเหนื่อยกันจริงๆ แล้ว หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวรับประทานอาหารกันในห้อง
“ท่านพี่ ท่านมีความคิดเช่นไรกัน?” หยุนถิงถาม
“ทำตามที่เขาบอกก่อน มีเขาอยู่ลดความวุ่นวายให้พวกเราลงไม่น้อยเสียจริง แต่ว่าพวกเราจะเชื่อทั้งหมดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ถ้าเขาวางแผนต่อพวกเราจริงๆ พวกเราก็ต้องรับมืออย่างระวัง คืนนี้จะพาเจ้าออกไปเดินเล่น!” จวินหย่วนโยวตอบ
“ได้!”
ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็พักผ่อนแล้ว ช่วงกลางดึกผ่านไป หยุนถิงหยิบชุดสีดำสองชุดออกมาจากในมิติ ตนเองกับจวินหย่วนโยวเปลี่ยนเสร็จ จากนั้นออกไปจากหน้าต่างของโรงเตี๊ยมชั้นสอง
จวินหย่วนโยวใช้วิชาตัวเบา พาหยุนถิงเดินเหินบนหลังคาอย่างรวดเร็ว มองจนหยุนถิงประหลาดใจยิ่งนัก
“ท่านพี่ วิชาตัวเบาของท่านช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!” หยุนถิงพูดอย่างปลื้มใจ
เพราะลอยขึ้นสูง มือทั้งสองของหยุนถิงจึงกอดจวินหย่วนโยวไว้แน่น ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกัน เหมือนว่าแม้แต่อุณหภูมิร่างกายของแต่ละฝ่ายล้วนสามารถสัมผัสถึงได้
มุมปากจวินหย่วนโยวเผยรอยยิ้มขึ้นมา “มันแน่นอนอยู่แล้ว สามีของเจ้าย่อมไม่แย่ แต่ก่อนหน้านี้อยู่บนเตียงเจ้าไม่เห็นกอดข้าแน่นถึงเพียงนี้?”
ได้ยินคำพูดนี้ ชั่วขณะหนึ่งหยุนถิงแก้มแดงขึ้น “อย่าเล่น ระวังเสียหน่อย”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ทำเจ้าตกแน่!” จวินหย่วนโยวจงใจลอยสูงขึ้นไม่น้อย
มือที่หยุนถิงกอดเขาไว้รัดแน่นเพิ่ม เล่นก็ส่วนเล่น ทั้งสองยังรีบมองทางรอบด้านในเมืองต่อ
ถึงแม้ที่นี่เป็นเขตทะเล แต่ยามค่ำถนนสองข้างทางของทั้งเมือง รวมถึงหน้าประตูเรือนล้วนแขวนโคมไฟไว้ ดังนั้นทั้งเมืองจึงสว่างดุจดังยามกลางวัน มองเห็นชัดเจนมาก