จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 786 หักหน้าอย่างโหดร้าย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 786 หักหน้าอย่างโหดร้าย

โอจื่อโฝวโกรธเคืองไปทั้งตัว ศิษย์ใหม่สารเลวคนนี้คาดไม่ถึงยุยงให้แตกคอกันอยู่ต่อหน้าอาจารย์ ยังกล้าใส่ร้ายตนเอง รนหาที่ตายจริงๆ

“เจ้าพูดเหลวไหล ข้าจงรักภักดีต่ออาจารย์ที่สุด ถ้ามีสมุนไพรจริงจักต้องนำไปให้อาจารย์ตั้งแต่แรกแล้ว จะยักยอกเอาไว้เองได้เช่นไร

ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เดิมเป็นที่ดินรกร้าง ศิษย์ที่มาถางให้เรียบมีมากมาย แต่ไหนแต่ไรพวกเขาไม่เคยพบว่าที่นี่มีสมุนไพร อาจารย์ถามพวกเขาได้ขอรับ!” โอจื่อโฝวพูดอย่างเย็นชา

ตามคาด ศิษย์ห้าหกคนนั้นก็ก้าวออกมา “พวกเราเป็นพยานให้ศิษย์พี่ได้ขอรับ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยมาถางพื้นที่นี้ ไม่มีสมุนไพรจริงๆ ขอรับ!”

โอจื่อโฝวทำหน้าพอใจ “อาจารย์ ตอนนี้ท่านรู้ว่าพวกเขายุให้รำตำให้รั่วแล้วกระมัง ศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาก็อยากยุแหย่ให้แตกแยกเยี่ยงนี้ เดิมทีไม่คู่ควรอยู่ที่เรือนอวี๋ ขอให้อาจารย์ไล่พวกเขาออกไปด้วยขอรับ!”

สีหน้าผู้อาวุโสอวี๋ดูแย่มากจริงๆ โอจื่อโฝวเป็นศิษย์ฝ่ายในของเขา หนำซ้ำช่วยเขาดูแลเรือนอวี๋มาหลายปี ผู้อาวุโสอวี๋ย่อมเชื่อเขาเป็นธรรมดา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็——”

หยุนถิงมองออกว่าผู้อาวุโสอวี๋ไม่เชื่อตนเองอย่างชัดเจน จงใจขัดจังหวะเขา “อาจารย์ขอรับ อยู่ทางนั้นข้ามองเห็นต้นตู่เจี๋ยชั้นเก้า ยังมีผลเชาชา และหญ้าม่ายเถียน——”

สีหน้าของผู้อาวุโสอวี๋เดิมทีหงุดหงิด ชั่วพริบตาเดียวจากโกรธเป็นดีใจ ตื่นเต้นแทบไม่ไหว “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอยู่ที่ใด อยู่ที่ใด?”

“อยู่ทางนั้นขอรับ อาจารย์ข้าจะพาท่านไปขอรับ!” หยุนถิงเดินมุ่งตรงไปด้านหน้า

ผู้อาวุโสอวี๋รีบเร่งฝีเท้าไวขึ้น สมุนไพรพวกนี้แต่ละอย่างล้วนหาได้ยากบนโลกนี้ เขาย่อมตื่นเต้นไม่หยุด

“อาจารย์ ท่านอย่าฟังเขาพูดเหลวไหลขอรับ ไม่อาจมีอยู่ได้แน่!” โอจื่อโฝวพูดห้ามปราม

เห็นอาจารย์ก้าวเท้าออกไปแล้ว โอจื่อโฝวได้เพียงตามเข้าไป เขากลับอยากดูหน่อยว่าศิษย์ใหม่สองคนนี้วางแผนชั่วอะไรกัน

ในเมื่อพวกเขาวอนหาที่ตายเอง นั้น——นั้นทำไมดูเหมือนเป็นสมุนไพรจริงๆ

โอจื่อโฝวตื่นตกใจจนเบิกดวงตาโต ทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก้าวใหญ่ๆ สองสามก้าววิ่งเข้าไป เห็นสมุนไพรพวกนั้นในดงหญ้ารก จึงมึนงงไปทั้งตัวแล้ว

“ช่างดีเหลือเกิน เป็นต้นตู่เจี๋ยชั้นเก้า ผลเชาชา หญ้าม่ายเถียน ยังมีดอกหลงโยวอีก——พวกนี้ล้วนเป็นสมุนไพรหายากทั้งสิ้น แม้ว่าเป็นเรือนอื่นๆ ล้วนไม่มีสมุนไพรล้ำค่ามากเพียงนี้!” ผู้อาวุโสอวี๋พูดชื่นชมอีกครั้ง

“อาจารย์ขอรับ ตอนนี้เชื่อคำพูดที่พวกเราบอกแล้วกระมัง?” หยุนถิงถามได้ตรงเวลา

“เชื่อ เชื่อ คราวนี้ต้องชมพวกเจ้าสองคนแล้ว ตกรางวัล อีกเดี๋ยวต้องตกรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม!” ผู้อาวุโสอวี๋หัวเราะจนหุบปากไม่ลงแล้ว

โอจื่อโฝวที่อยู่ด้านข้างสีหน้าจากเขียวเปลี่ยนเป็นม่วงจนจะดำแล้ว ราวกับกิ้งก่า ดูแย่ยิ่งนัก มือที่อยู่ในแขนเสื้อกุมเป็นหมัดไว้แน่น

นี่เป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้างผืนหนึ่ง ช่วงเช้าเขายังมาดูรอบหนึ่งแล้ว เดิมทีไม่มีสมุนไพรอะไรอยู่ ทำไมถึงมีสมุนไพรล้ำค่ามากเพียงนี้ขึ้นกะทันหัน

“อาจารย์ระวังขอรับ ถ้าเกิดสมุนไพรนี้เป็นของปลอม หรือว่าบนนั้นมีพิษร้ายแรง มีคนคิดจะวางแผนร้ายต่ออาจารย์?” โอจื่อโฝวรีบเอ่ยปากโดยเร็ว

ผู้อาวุโสอวี๋ที่เพิ่งอยากยื่นมือไปขุดสมุนไพร รีบหยุดมือลงแล้ว

พื้นที่รกร้างของภูเขาด้านหลังเขาไม่เคยสนใจจริงๆ ทันใดนั้นปรากฏสมุนไพรมากขนาดนี้ขึ้นมา ยังล้ำค่าเช่นนี้ด้วย น่าประหลาดเสียจริง

“นึกไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเรือนอวี๋เป็นคนไร้ความรู้ แม้แต่สมุนไพรอันล้ำค่ายังไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่ได้เยี่ยงไรกัน

หรือว่าศิษย์พี่สงสัยในตัวพวกเราสองพี่น้อง ถ้าพวกข้าสองคนคิดจะฮุบเอาไว้เอง ก็สามารถนำสมุนไพรนี้เก็บไปซ่อนเอาไว้ได้ ไม่มอบให้อาจารย์ และเหตุใดต้องรออยู่ที่นี่ทั้งวัน

ถ้าอาจารย์เชื่อถือ ข้าจะขุดสมุนไพรนี้ขึ้นมา อย่างนี้พวกข้าก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้” หยุนถิงพูดอยู่ นั่งยองลงไปขุดสมุนไพร

เหล่าศิษย์คนอื่นๆ ต่างไม่พอใจต่อโอจื่อโฝว พวกเขาหลายคนในนั้นจำสมุนไพรพวกนี้ได้ ต่างตำหนิศิษย์พี่ใหญ่ในใจ ยังเห็นคนอื่นเป็นคนโง่เสียจริง

ผู้อาวุโสอวี๋เดิมทีไม่ได้สนใจโอจื่อโฝว มองหยุนถิงขุดสมุนไพรสามสี่อย่างจนเสร็จ เห็นนางไม่มีความผิดปกติใดๆ ถึงวางใจแล้ว

“ไม่เลว พวกเจ้าเข้าสำนักมาวันแรกก็ช่วยข้าหาสมุนไพรล้ำค่าปานนี้ ตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าก็คือศิษย์ชั้นรอง ต่อไปรับผิดชอบหอสมุนไพร” ผู้อาวุโสอวี๋รับสมุนไพรนั้นเข้ามา แล้วพูดอย่างพอใจ

“ขอบพระคุณอาจารย์มากขอรับ!” หยุนถิงทำความเคารพอย่างนอบน้อม จวินหย่วนโยวเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ

ผู้อาวุโสอวี๋เห็นเขาทำเช่นนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไร เห็นแก่สมุนไพรอันล้ำค่ามากขนาดนี้ เรื่องอื่นล้วนไม่ถือสาหาความ

“อาจารย์?” โอจื่อโฝวตะโกนอย่างไม่ยอมรับ

“ข้ายังไม่ได้ต่อว่าเจ้าเลย ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ปกติไม่ตั้งใจเรียนรู้สมุนไพรและปรุงยา แม้แต่สมุนไพรเหล่านี้ยังไม่รู้จัก เดิมทีเจ้าไม่คู่ควรเป็นศิษย์พี่ใหญ่

วันนี้ต้องชมศิษย์ใหม่สองคนนี้ มิฉะนั้นคงสูญเสียสมุนไพรอันล้ำค่ามากปานนี้ไป เจ้าจักคู่ควรกับความเชื่อใจของข้าได้เช่นไร ตั้งแต่วันนี้เจ้าก็ลดลงมาเป็นศิษย์ชั้นรอง ว่างๆ ก็อ่านตำราการแพทย์ให้มาก

สำหรับงานของเรือนอวี๋ เริ่มตั้งแต่วันนี้ให้ฉินเจี่ย จิ่วฟ่างและเจ้าแบ่งกันทำ ถ้าวันหลังหากข้าพบว่าเจ้าทารุณศิษย์คนอื่นอีก จะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด!” ผู้อาวุโสอวี๋พูดอย่างโมโห

โอจื่อโฝวยังอยากพูดอะไรอีก กลับถูกผู้อาวุโสอวี๋ส่งสายตาห้ามอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ในใจไม่ยินยอม แต่ได้เพียงเชื่อฟัง

“เอาล่ะ ทุกคนควรทำอะไรก็ไปทำอันนั้น แยกย้ายเถิด” ผู้อาวุโสอวี๋พูดอยู่จึงอุ้มสมุนไพรพวกนั้นแล้วเดินไป

โอจื่อโฝวชายตามองหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวด้วยสายตาโหดร้าย อยากฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ จนใจแทบขาด

“พวกเจ้าสองคนระวังไว้ให้ดี!” โอจื่อโฝวพูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง ออกไปอย่างอารมณ์เสีย

ตรงมุมปากหยุนถิงเผยความกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้น พวกกระจอกอย่างนี้ ยังกล้าอวดดีกับตนเอง ไม่เจียมตัว

“สหาย พวกเจ้าสองคนช่างเก่งเหลือเกิน ต่อไปพวกเจ้าก็คือลูกพี่ของข้า!” ต้วนอู่ยกหัวแม่มือให้หยุนถิงอย่างเลื่อมใส

“ใช่สหาย พวกเจ้าช่วงชิงเกียรติยศเพื่อศิษย์ใหม่อย่างพวกเราเสียจริง”

“เมื่อครู่สีหน้าศิษย์พี่เหมือนกลืนแมลงวันแล้ว พวกเจ้าสองคนมีฝีมือกันจริง เมื่อครู่ก็ทำให้ศิษย์พี่อับอายแล้ว!”

“แต่ว่าพวกเจ้าต้องระวังไว้ ศิษย์พี่เป็นคนใจแคบ ต้องชำระแค้นแน่!”

ศิษย์คนอื่นต่างนับถือความกล้าของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองคนนี้ทำเรื่องที่พวกเขาอยากทำก็ไม่กล้าทำแล้ว

หยุนถิงรีบพูดอย่างถ่อมตัว “ทุกคนเกรงใจแล้ว ข้ากับพี่ชายเพียงแค่ยึดตามความจริง ต่อไปยังขอให้ทุกคนดูแลด้วย!”

“เป็นพวกเจ้าที่ควรดูแลพวกเราถึงจะถูก!”

“พอแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันเถิด!” ฉินเจี่ยพูดพึมพำนิ่งๆ

ทุกคนถึงแยกย้ายไป มองภาพด้านหลังของหยุนถิงและจวินหย่วนโยว ฉินเจี่ยพูดเหมือนกำลังครุ่นคิด

“เพิ่งมาวันแรกก็ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่อับอายได้ สองคนนี้น่าสนใจอยู่หน่อย!”

“ไม่รู้จักที่ตาย!” จิ่วฟ่างพูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง จากนั้นออกไปโดยตรง

เรื่องที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเพิ่งเข้าสำนักก็สั่งสอนศิษย์พี่ใหญ่แพร่ออกไปทั่ว ทุกคนเลื่อมใสพวกเขาอย่างสุดซึ้ง และสำหรับหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเมื่อเดินไปถึงที่ไหน ล้วนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกคน แม้แต่พวกเขาไปกินข้าวที่ครัว คนในครัวยังเพิ่มน่องไก่ให้พวกเขาสองคนเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่กล้าคำรามใส่ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเขายังเป็นคนแรก หนำซ้ำเข้าสำนักมาใหม่วันแรกด้วย

หยุนถิงก็ไม่เกรงใจเช่นกัน พูดขอบคุณเสร็จก็หาที่นั่งกินกับจวินหย่วนโยว

ทั้งสองคนกินอิ่มหนำสำราญ จากนั้นแยกย้ายไปพักผ่อนที่ห้องตนเองแล้ว ตากลมมาทั้งวัน หนาวจนแทบไม่ไหวจริงๆ

หยุนถิงเพิ่งดึงผ้าห่มเข้ามา ก็รู้สึกถึงความผิดปกติในผ้าห่ม ดวงตางดงามเคร่งขรึมขึ้นฉับพลัน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท