จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 787 เจ้าทำอะไรเขาแล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 787 เจ้าทำอะไรเขาแล้ว

นางรีบล้วงกริชเล่มหนึ่งออกจากในมิติ แทงไปทางผ้าห่มนั้นอย่างแรง

เสียงดังฉึก ผ้าห่มที่เดิมทีเป็นสีขาวทันใดนั้นแปดเปื้อนด้วยสีแดงทั้งผืน หนำซ้ำยังมาพร้อมกลิ่นเหม็นคาว

หยุนถิงดึงกริชออกมา จากนั้นกรีดผ้าห่มออก จึงมองเห็นปลิงตัวหนึ่งดุจดินโคลนตายอยู่ในผ้าห่ม

ไม่ต้องคิด นี่ต้องเป็นฝีมือของโอจื่อโฝวแน่นอน

ปลิงนี้ดูดกินเลือดคนเป็นหลัก ถึงแม้จะไม่ทำให้คนเสียชีวิตลงทันที แต่ในระยะยาวจะทำให้คนเสียเลือดมากเกินไป สภาพแห้งเหี่ยว สุดท้ายตายไปอย่างทุกข์ระทม

ส่วนปกติปลิงล้วนจะอยู่ในสภาพนอนหลับ จะไม่ถูกคนพบเจอง่ายๆ นอกจากถูกของอะไรกระตุ้นแล้ว

หยุนถิงจึงนึกถึงช่วงกลางวันตอนอยู่พื้นที่รกร้าง แล้วทายากันแมลงและกัดงูบนตัวของตนเองกับจวินหย่วนโยว นึกไม่ถึงช่วยตนเองไว้แล้ว

ในเมื่อโอจื่อโฝวเล่นงานตนเองเพียงนี้ หยุนถิงย่อมจะไม่ยอมเสียเปรียบ นางใช้กริชกรีดผ้าห่มออกอีก หาปลิงสามตัวจากด้านในเจอตามคาด หยุนถิงรีบนำพวกมันซ่อนไว้ในมิติ จากนั้นพลิกตัวออกไปจากหน้าต่างด้านหลัง วิ่งตรงไปห้องของโอจื่อโฝว

เพียงแต่นางเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว จวินหย่วนโยวที่กำลังไปห้องนางเห็นเข้าพอดี

จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย แม่คนนี้ดึกปานนี้แล้วจะไปที่ใดกัน?

จวินหย่วนโยวอยากจะเรียกนางไว้ แต่ด้านข้างมีศิษย์ที่เดินตรวจผ่านมาพอดี เขาได้เพียงตามอยู่ด้านหลังหยุนถิง

สุดท้ายเห็นหยุนถิงเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เข้าไปในห้องของโอจื่อโฝวแล้ว สีหน้าจวินหย่วนโยวตึงเครียดนิดหน่อย รีบกระโดดเข้าหน้าต่างตามไป

หยุนถิงได้ยินเสียง กุมกริชแน่นแล้วยื่นมือแทงไป

“ถิงเอ๋อร์ ข้าเอง!” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูของจวินหย่วนโยวลอยมา

หยุนถิงตกใจ “ท่านพี่ เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?”

“ข้ายังต้องถามเจ้ามากกว่า เดิมทีอยากไปหาเจ้า ปรากฏว่ามองเห็นเจ้าแอบลอบออกมา คนมากข้าเรียกเจ้าไม่ได้ กลัวถูกจับได้ ฉะนั้นได้เพียงตามมา” จวินหย่วนโยวอธิบาย

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ในผ้าห่มข้าโดนคนกลั่นแกล้งแล้ว เอาปลิงมาใส่ ฉะนั้นข้าก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน!” หยุนถิงตอบ

“เจ้าไปทำเถิด ข้าจะช่วยดูต้นทางให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวใส่ใจยิ่งนัก

“ได้เลย ยังเป็นท่านพี่ที่ดีที่สุด!” หยุนถิงวิ่งตรงไปยังเตียง

นางล้วงกรรไกรออกมาจากในมิติ แล้วตัดผ้าห่มออกสองสามรอย จากนั้นนำปลิงยัดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วนำเข็มกับด้ายมาเย็บให้เรียบร้อย

ตามองเห็นยังมีอยู่อีกรอยหนึ่งอยากเย็บให้เรียบร้อย ทันใดนั้นด้านนอกมีเสียงฝีเท้าลอยมา

“ดื่ม ข้ายังดื่มได้อีกไหหนึ่ง!” เสียงเมามายของโอจื่อโฝวลอยมา

หยุนถิงรีบหอบผ้าห่มไปทางด้านข้าง แล้วซ่อนตัวเอาไว้

ในขณะเดียวกัน ประตูห้องเปิดออก โอจื่อโฝวเดินซวนเซเข้ามา เพราะตอนกลางวันถูกอาจารย์สั่งสอน ยังถูกลดมาเป็นศิษย์ชั้นรอง โอจื่อโฝวรู้สึกกลัดกลุ้มใจแทบไม่ไหว ดังนั้นถึงไปดื่มเหล้ามา

เขาเดินมาทางโต๊ะ หยิบตะบันไฟจะจุดเทียน แต่จุดหลายครั้งก็จุดไม่ติด โมโหจนเขาโยนตะบันไฟทิ้งลงพื้น

โอจื่อโฝวเทน้ำแก้วหนึ่งดื่มในความมืด ทันใดนั้นสัมผัสถึงกลิ่นอายผิดปกติในห้องเข้าแล้ว “ผู้ใดกัน?”

ยังไม่รอเขาตอบสนองกลับมา จวินหย่วนโยวที่ด้านหลังฟาดเขาสลบในทีเดียว

จวินหย่วนโยวดึงโอจื่อโฝวไว้อย่างรังเกียจ แบกเขาไว้แล้วโยนลงบนเตียง

หยุนถิงก็เย็บรอยสุดท้ายเสร็จแล้ว นำผ้าห่มผืนนั้นคลุมบนตัวเขาโดยตรง ยังจงใจยัดเขาเข้าไปดีๆ

ถึงแม้ในห้องมืดมิด แต่อาศัยแสงจันทร์ยังพอมองคร่าวๆ ได้ชัดเจน

จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงช่วยคลุมผ้าห่มให้โอจื่อโฝว สีหน้าหม่นหมองทันที “ข้าทำเอง!” พูดอยู่ ถีบโอจื่อโฝวอย่างแรงทีหนึ่ง แม้แต่หน้าของเขาก็คลุมไปด้วยแล้ว

หลังทั้งสองคนออกมาก็กลับห้องของตนเอง จวินหย่วนโยวยื่นมือกอดหยุนถิงไว้ในอ้อมอกแล้ว

“หลังจากวันนี้ไป โอจื่อโฝวต้องตอบโต้กลับเป็นแน่ ต้องระวังตัวด้วย!” จวินหย่วนโยวพูดกำชับ

“ได้ ท่านพี่ก็ต้องระวังตัวเช่นกัน!”

ทั้งสองคนตากลมเย็นมาทั้งวัน เหนื่อยล้าจริงๆ จึงนอนพักผ่อนกัน

หลับสนิททั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสว่าง

เช้าตรู่วันต่อมา หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกินข้าวเช้าแล้ว ก็ไปที่หอสมุนไพร ศิษย์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูทำความเคารพต่อพวกเขา

“สหายไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปช่วยดูแลด้วย!” หยุนถิงพูดอย่างสุภาพ ถึงเดินเข้าไปแล้ว

มองหอสมุนไพรที่กว้างใหญ่อยู่ มีสมุนไพรล้ำค่าสารพัดนับไม่ถ้วน เวลานี้มั่งคั่งแล้ว

หยุนถิงใช้ประโยชน์จากความสะดวกของหน้าที่ รีบสำรวจขึ้นมา ถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตนำสมุนไพรพวกนั้นใส่เข้าไปในมิติ หลังทำเลียนแบบเสร็จจึงนำออกมา

แค่เวลาวันเดียว ก็นำสมุนไพรอันล้ำค่าที่สุดในหอสมุนไพรนี้ทั้งหมดมาทำเลียนแบบแล้ว

ตอนเย็น พวกเขาสองคนทำงานเสร็จไปกินข้าวที่ครัว ก็มองเห็นโอจื่อโฝวยังมีศิษย์สองสามคนอื่นอยู่ที่นั่นด้วย ส่วนสีหน้าของโอจื่อโฝวซีดเซียวพอสมควร

ศิษย์คนอื่นมองเห็นพวกเขาเยี่ยงนี้ ต่างหลบหนีหมด ต้วนอู่ก็ตามไปด้วยแล้ว

ศิษย์ที่รูปร่างอวบอ้วนคนหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้าพวกเขา ถามด้วยท่าทางชั่วร้าย “ก็คือพวกเจ้าสองคนไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือทำลายศิษย์พี่ใหญ่จนลดลงเป็นศิษย์ชั้นรอง!”

หยุนถิงชายตามองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่อ้วนท้วม เกือบจะเกินกว่าท่านพี่รวมกันสองคน เป็นหมูอ้วนสมชื่อเสียจริง

“พวกเจ้าที่มาใหม่สองคนกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าศิษย์พี่ ไม่ดูสภาพตัวเองเสียบ้าง!”

“ข้าว่าพวกเจ้าสองคนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”

“วันนี้พวกข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าเสียหน่อย ให้พวกเจ้ารู้ว่าผู้ใดถึงเป็นลูกพี่ของเรือนอวี๋!”

ศิษย์ที่ติดตามโอจื่อโฝวสามสี่คนนั้น ชั่วพริบตาเดียวก็ล้อมหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไว้ตรงกลาง

จวินหย่วนโยวมองคนเหล่านี้อย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”

“โอ้ะ ยังนิสัยเสียอยู่อีก ดูสิว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าเยี่ยงไร!” เจ้าหมูอ้วนคนนั้นต่อยเข้ามาหมัดหนึ่ง

จวินหย่วนโยวเพิ่งอยากลงมือ กลับถูกหยุนถิงดึงไว้ “พี่ใหญ่ ให้ข้าจัดการ!”

ทุกคนไม่เห็นหยุนถิงจะลงมืออะไร ก็ได้ยินเจ้าหมูอ้วนคนนั้นร้องโหยหวนขึ้นมา ล้มลงพื้นไปทั้งตัวแล้วเกลือกกลิ้ง

เวลานี้คนอื่นตกใจแย่แล้ว ถลึงตาเข้ามา “เจ้าทำอะไรเขาแล้ว?”

“เขาอยากสั่งสอนข้ากับพี่ชาย ข้าย่อมต้องตาต่อตาฟันต่อฟันเป็นธรรมดา” หยุนถิงพูดดูถูก

“ยังยืนงงอยู่ทำอะไรเล่า รีบเข้าไปสิ!” โอจื่อโฝวพูดอย่างทนไม่ไหว

“ลุย!” ศิษย์คนอื่นๆ รีบโจมตีเข้ามาทันที

เห็นเพียงหยุนถิงราวกับปลาไหล อ้อมหลบซ้ายขวาหน้าหลังรอบตัวจวินหย่วนโยว โอจื่อโฝวมองไม่ชัดว่านางทำอะไรแล้ว จากนั้นก็เห็นศิษย์เหล่านั้นร้องโอดโอยกันหมด

บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนเจ็บปวดร้องโหยหวน บางคนกระตุก——โดยรวม คือพฤติกรรมอัปลักษณ์สารพัด

โอจื่อโฝวก็นั่งไม่ติดแล้ว ถลึงตาเข้ามาด้วยสายตาดุร้าย “เจ้าทำอะไรพวกเขากันแน่ คาดไม่ถึงกล้าทำร้ายศิษย์สำนักเดียวกัน?”

“ศิษย์พี่พูดเยี่ยงนี้ร้ายแรงไปแล้ว เป็นพวกเขาหลายคนนี้อยากจะสั่งสอนพวกข้า ข้าแค่หนามยอกเอาหนามบ่งเท่านั้น!” หยุนถิงตอบกลับ

“วอนหาที่ตาย!” โอจื่อโฝวควงหมัดหนึ่งเข้ามา

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงแหบแห้งไม่พอใจเสียงหนึ่งลอยมา ก็คือผู้อาวุโสอวี๋

ด้านหลังเขายังมีต้วนอู่ตามมาด้วย เมื่อสักครู่ต้วนอู่พอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบไปตามอาจารย์แล้ว

เพราะวันนั้นเขาแจ้งแล้วมีคุณูปการ ดังนั้นอาจารย์ถึงตามเขามารอบนี้ และได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศิษย์ใหม่สองคนที่พบสมุนไพรในวันนั้น ถ้าเป็นคนอื่น ผู้อาวุโสอวี๋คงไม่สนใจ

ปกติโอจื่อโฝวรังแกศิษย์คนอื่นจนเคยชิน เพราะเขาเป็นญาติห่างๆ ของผู้อาวุโสอวี๋ ฉะนั้นผู้อาวุโสอวี๋จึงทำเป็นหลับหูหลับตาต่อเขา แต่ไม่ว่าพูดอย่างไรตนเองได้รับสมุนไพรล้ำค่ามากเพียงนี้มาแล้วก็ต้องแสดงน้ำใจเสียหน่อย

โอจื่อโฝวพอเห็นอาจารย์ ตกใจจนรับหดมือกลับมา “อาจารย์ เป็นพวกเขาสองคนใช้แผนการชั่วช้าทำร้ายคนสำนักเดียวกัน ศิษย์ถึงต้องลงมือสั่งสอนพวกเขาขอรับ”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท