จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 790 เจ้ากับนางมันเป็นไม่ได้
ก่อนหน้านี้ล้วนมาช่วงกลางคืน ดังนั้นจึงเห็นไม่ชัดเจน เวลานี้เป็นช่วงกลางวันมองเห็นหมอกพิษพวกนั้น หยุนถิงขมวดคิ้วแล้ว
ที่นี่หญ้ารกปกคลุม พุ่มไม้ที่มีหนามกระจายไปทั่ว บางทีเป็นเพราะสาเหตุของพิษที่อยู่มาหลายปี ดังนั้นด้านในหญ้ารกจึงมีพวกพืชเป็นพิษมากมาย
หยุนถิงรีบกินยาถอนพิษและยาป้องกันพิษทันที ถึงแม้นางไม่อาจถูกพิษใดๆ ทำร้ายได้ แต่พิษที่นี่รุนแรงเกินไป ถ้าไม่ระวังแล้วหมดสติไปจะแย่เอา
ทางเล็กๆ เส้นหนึ่งคดเคี้ยวขึ้นไป มองออกว่าเป็นทางที่มักจะเดินเหยียบย่ำผ่านไปบ่อยๆ หยุนถิงรีบติดตามไปตลอดทาง
เดินมาเป็นเวลาครู่หนึ่ง หยุนถิงก็มองเห็นที่ดินว่างเปล่าตรงหน้าผืนหนึ่ง บริเวณไม่ไกลนักมีปากทางเข้าถ้ำ ส่วนหน้าประตูก็มีหมาป่าอยู่สามตัว
คืนนั้น หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็มาถึงตรงนี้แล้ว จากนั้นถูกหมาป่าเห่าหอน กลัวจะดึงดูดความสนใจจากคนถึงต้องจำยอมกลับไป
คราวนี้ หยุนถิงเตรียมตัวมาพร้อม นางรีบหยิบกระดูกติดเนื้อที่แช่ยาเอาไว้สองสามชิ้นออกมาจากในมิติแล้วโยนเข้าไป
หมาป่าพวกนั้นเห่าขึ้นมาสองสามที แล้วล้อมกระดูกติดเนื้อบนพื้นวนเวียนอยู่หลายรอบ ดมกลิ่นอย่างระวัง แตะต้องนิดหน่อย สุดท้ายถึงกินขึ้นมา
กินคราวนี้ หมาป่าสองสามตัวนี้ก็หยุดไม่ได้แล้ว รสชาติเหมือนจะดียิ่งกว่าก่อนหน้านี้ที่เจ้านายให้พวกมันกิน
หยุนถิงมองอย่างพึงพอใจ รอจนกระทั่งหมาป่าสองสามตัวนั้นล้มลง ถึงได้วิ่งเข้าไป
หน้าถ้ำไม่มีประตู ฉะนั้นหยุนถิงก็เข้าไปอย่างราบรื่นมากแล้ว
เป็นขั้นบันไดที่แคบมากแถวหนึ่ง ด้านในมืดและชื้นอยู่บ้าง พอเดินเข้าไปข้างในอีกกลิ่นเหม็นเน่ายิ่งชัดเจน ทำให้หยุนถิงขมวดคิ้ว
เดินลงจากขั้นบันได ก็มองเห็นประตูลับบานหนึ่งเปิดออก หยุนถิงวิ่งเข้าไปอย่างระวัง พอมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ด้านในจนมึนงงไปทั้งตัวแล้ว
พื้นที่ว่างด้านในใหญ่มาก เป็นห้องลงโทษ บนโครงไม้มัดคนเอาไว้หลายคน สภาพเละเทะไปทั้งตัว ล้วนเคยโดนลงโทษมาทั้งสิ้น หนำซ้ำบนตัวของพวกเขามีหนอนสารพัดไต่เต็มไปหมด น่าขยะแขยงมาก
ด้านข้างยังมีไหใหญ่ห้าอัน ด้านบนสุดของไหนั้นคือศีรษะคน ไม่ใช่วางเอาไว้ แต่ว่านำคนเป็นๆ ยัดไว้ในไหแล้วเผยเพียงศีรษะคนออกมา
การลงโทษอย่างทรมานที่ก่อนหน้านี้เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์หรือในนิยาย ปัจจุบันนี้กลับปรากฏอยู่ตรงหน้าหยุนถิง แม้นางใจเย็นแค่ไหน ก็ตกใจอยู่ดี
บนหน้าของคนเหล่านั้นถูกกรีดเป็นรอยแผลมากมาย มีหนอนไต่บนบาดแผลเหมือนกัน ราวกับหนอนแมลงวัน น่าสะอิดสะเอียนที่สุด
และหากเข้าไปด้านในอีกก็คือคุกใต้ดิน ขังคนไว้มากมาย เพียงแต่น่าแปลกมาก คนมากขนาดนี้คาดไม่ถึงไม่มีส่งเสียงร้องออกมาสักคน เห็นชัดว่าเจ็บปวดสุดจะทน สภาพปางตาย กลับไม่มีคนร้องโหยหวน
ชั่วขณะนั้นหยุนถิงตระหนักได้ว่า บางทีพวกเขาคงถูกวางยาพิษจนเป็นใบ้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนมากขนาดนี้ แม้ว่าภูเขาด้านหลังจะกว้างใหญ่แค่ไหน ถ้าร้องโหยหวนพร้อมกัน จะต้องมีคนได้ยินแน่
ที่แท้ นี่ถึงเป็นโฉมหน้าแท้จริงของเรือนอวี๋ ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาเสียจริง
มีหลายคนพบเห็นหยุนถิง มองทางนางอย่างตื่นตกใจและแปลกใจ อยากจะตะโกนกลับตะโกนไม่ไหว สายตาเต็มไปด้วยความกลัวและความตกใจ
ทันใดนั้นหยุนถิงได้ยินเสียงฝีเท้า รีบหาที่หลบทันที จากนั้นก็มองเห็นฉินเจี่ยเดินออกมาจากในคุกใต้ดิน
ใส่ชุดขาวทั้งตัว หน้าตาสดใส ยังมีลักษณะโอบอ้อมอารีเพียงนั้นอีก ดูจิตใจดี กลับทำเรื่องที่ชั่วร้ายที่สุดบนโลกนี้ น่ารังเกียจที่สุดจริงๆ
“ผู้ใดกัน!” ทันใดนั้นฉินเจี่ยชายตามองยังทางหนึ่งด้วยสายตาแหลมคม ยกเท้าเดินเข้ามา
หยุนถิงตัวสั่นเทา หรือว่าตนเองถูกพบเข้าแล้ว รอบด้านนี้มีเพียงทางลับเส้นเดียว นางจำเป็นต้องรีบหนีไป
นางเพิ่งอยากหลบเข้าในมิติ ปรากฏว่าแขนไปโดนกลไกบนฝาผนังเข้าโดยบังเอิญ ลูกธนูห้าดอกยิงเข้ามาทางนาง
สำหรับหยุนถิงที่ไม่มีวิชาตัวเบาและกำลังภายในนั้น นี่อันตรายถึงชีวิตจริงๆ
“ฉึกๆๆ!” เสียงธนูโจมตีโดนอาวุธลอยมา หยุนถิงเห็นคนที่ปรากฏตัวตรงหน้ากะทันหัน ตกใจค้างแล้ว
จิ่วฟ่าง ทำไมถึงเป็นเขา?
ลูกธนูตกพื้น ส่วนฉินเจี่ยที่อยู่ด้านในก็เดินออกมาแล้ว ในพริบตาเดียว จิ่วฟ่างผลักหยุนถิงไปหลังเสาด้านข้าง หมุนตัวแล้วเดินเข้าไป
“ข้าเอง!”
พอฉินเจี่ยเห็นว่าเป็นเขา ทั้งโกรธทั้งหมดคำจะพูด “เหตุใดเจ้าถึงมาอีกแล้ว ข้าบอกกับเจ้าตั้งกี่รอบแล้ว ที่นี่ไม่มีคนที่เจ้าอยากตามหา?”
หนึ่งปีนี้ จิ่วฟ่างพยายามเข้ามาในนี้โดยตลอด ทว่าแต่ละครั้งล้วนไม่สำเร็จ หากไม่โดนอาวุธลับทำบาดเจ็บ ก็จะถูกฉินเจี่ยพบเข้า ตอนนี้เขายังไม่ตัดใจ ฉะนั้นฉินเจี่ยก็ไม่ได้สงสัยคนอื่น
“ข้าไม่เชื่อ ข้าต้องมาดูด้วยตาตนเอง!” จิ่วฟ่างตอบด้วยเสียงเย็นชา
“จิ่วฟ่างเจ้าอย่าทำเกินเหตุไป อาจารย์สั่งข้าให้เฝ้าที่นี่ไว้ ห้ามผู้ใดบุกเข้ามาโดยพลการ รีบออกไปเสียดีๆ มิฉะนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เห็นแก่ที่เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน!” ฉินเจี่ยพูดอย่างขุ่นเคือง
“ต่อให้เจ้าฆ่าข้าทิ้ง ข้าก็ต้องเข้าไปตรวจสอบดู!” จิ่วฟ่างสีหน้าเย็นเฉียบ ไม่บรรลุเป้าหมายไม่เลิกรา
ฉินเจี่ยถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “เจ้าก็ปล่อยวางลงไม่ได้หรือ เจ้ากับนางมันเป็นไปไม่ได้”
“ข้าปล่อยวางไม่ได้!”
ประโยคหนึ่งที่ทุ้มต่ำแหบแห้ง เผยความเศร้าใจและความน่าสังเวชอันไร้จุดสิ้นสุด
จิ่วฟ่างเย็นชาที่สุด และโดดเดี่ยวเดียวดาย มีเพียงปฏิบัติต่อจิ่นฉิงไม่เหมือนใครผู้เดียว ทำอย่างไรได้เล่า——
“ในเมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว ก็เข้าไปดูเสียหน่อย ถ้าไม่มีคนที่เจ้าอยากตามหา ชาตินี้เจ้าไม่ต้องเหยียบเข้ามาที่นี่อีกสักก้าว มิฉะนั้นคราวหน้าข้าจะไม่ออมมือเด็ดขาด!” ฉินเจี่ยทอดถอนใจ
“ขอบใจมาก!” จิ่วฟ่างพูดด้วยเสียงเย็นเยือก รีบเดินเข้าไปทันที
เขามองทั้งคุกใต้ดินอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้ว แม้กระทั่งยังขยับหน้าของแต่ละคนเสียหน่อย กลัวว่าจะถูกแปลงโฉมหรือทำเสียโฉม เพียงแต่วนอยู่รอบหนึ่งแล้ว ก็ตามหาจิ่นฉิงไม่เจอจริงๆ
“ตอนนี้เจ้าเชื่อแล้วกระมัง เดิมทีนางไม่อยู่ที่นี่!” ฉินเจี่ยเอ่ยปาก
จิ่วฟ่างเพียงแค่มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวแล้วเดินไป
ก่อนจะไป เขามองไม่เห็นหยุนถิง คิดว่าเจ้าหนุ่มนั้นคงออกไปแล้ว
ฉินเจี่ยมองภาพด้านหลังของเขาอยู่ ส่ายหน้าทอดถอนใจ “เป็นคนโง่เสียจริง หากจะโทษก็ได้เพียงโทษจิ่นฉิงมีฝีมือเก่งกาจ เป็นยอดนักปรุงยาที่ยากจะพบเจอได้ในเวลาพันปี อาจารย์จะปล่อยไปได้เยี่ยงไรเล่า!”
หยุนถิงที่หลบอยู่ในมิติเดิมทีคิดอยากดูเสียหน่อยว่ายังพบเจออะไรได้อีก นึกไม่ถึงก็ได้ยินประโยคนี้เข้าแล้ว ตื่นตกใจจนนางดึงสติกลับมาไม่ได้ตั้งนาน
โอ้โห นางได้ยินความลับน่าตกใจอะไรเข้าแล้ว คนที่จิ่วฟ่างสนใจนั้นเป็นยอดนักปรุงยา และถูกผู้อาวุโสอวี๋แอบซ่อนเอาไว้ ดังนั้นจิ่วฟ่างจึงอยากมาตามหาคนที่คุกใต้ดินนี้อย่างไม่กลัวจะผิดใจฉินเจี่ย
เพียงแต่ในเมื่อฉินเจี่ยคนนี้รู้เรื่องแล้ว ทำไมไม่บอกเขาไปโดยตรง น่าจะเป็นคำสั่งของผู้อาวุโสอวี๋กระมัง
ทันใดนั้นหยุนถิงเห็นใจจิ่วฟ่างอยู่บ้าง ผู้อาวุโสอวี๋ในฐานะอาจารย์ คาดไม่ถึงใช้คนที่ศิษย์ของตนเองสนใจมาปรุงยา มีผู้ใดจิตใจโหดร้ายเท่าคนผู้นี้อีกหรือ?
นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ฮวาเชียนจั่นบอกกับตนเอง หยุนถิงหัวเราะเยาะ สำนักหมอเทวดาแห่งนี้ยังเหมือนกันกับหอเทพเซียนในตอนแรกเสียจริง
ได้ยินฉินเจี่ยเดินออกไป เวลานี้หยุนถิงถึงออกมาจากในมิติ
นางไม่ได้รีบออกไปทันที แต่ว่าเดินเข้าไปเก็บรวบรวมหนอนที่อยู่บนหน้าและบนตัวของคนที่ถูกมัดไว้และคนที่อยู่ในไหเหล่านั้นใส่ขวดเอาไว้
ชายหนุ่มที่ถูกมัดไว้คนหนึ่งออกแรงพยักหน้าให้นาง อยากจะพูดอะไร แต่เดิมทีพบว่าไม่มีเสียงออกมา เพียงแค่ใช้สายตาอ้อนวอนมองทางนาง
หยุนถิงชายตามองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ทั่วทั้งตัวและใบหน้าเปื้อนเลือดไปหมดดูรูปโฉมไม่ออก ดูน่าเวทนามาก
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ อยู่ที่สำนักหมอเทวดาข้าได้เพียงคุ้มครองตนเอง แต่ว่าข้าสามารถทำให้เจ้าไม่เจ็บปวดปานนั้นได้!” หยุนถิงพูดอยู่ รีบหยิบยาสองสามเม็ดออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ ยัดเข้าในปากของคนผู้นั้น
ตอนที่คนนั้นตอบสนองกลับมา หยุนถิงก็ออกไปแล้ว