จอมนางข้ามพิภพ บทที่815 เจ้านะหรือไม่ได้จริงๆ
อูเหอเบิกตากว้างอย่างกะทันหัน มองดูหยุนถิงด้วยความตกตะลึงและสงสัย จนกระทั่งพวกเขาเดินออกลานไป สีหน้าของอูเหอมืดครึ้ม
“เจ้าเมือง ท่านเป็นอะไรหรือ?” อู่ชิงคนสนิทไว้เนื้อเชื่อใจถาม
“ไม่มีอะไร พวกเจ้ายกอาหารพวกนี้เข้าไปในห้อง ในเมื่อเป็นสิ่งที่ฮูหยินประทานมาให้ เช่นนั้นข้าก็ต้องชิมดูดีๆหน่อยแล้ว!” อูเหอกล่าว
สาวรับใช้วางอาหารลงด้วยความเคารพทันทีแล้วจากไป
“ปิดประตู!” อูเหอพูดอย่างเย็นชา
อู่ชิงทำตามทันที กำลังจะหันมาถามให้ชัดเจน ก็เห็นเจ้าเมืองของตัวเองหยิบเครื่องเงินบนตัวออกมาและเสียบเข้าไปในอาหาร
“เจ้าเมือง นี่ท่าน?”
“เมื่อครู่สาวรับใช้นั่นบอกว่า ในอาหารนี้มีพิษ!” อูเหอตอบ
“มีพิษ เป็นไปได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ฮูหยินเจ้าทะเลประทานให้ท่านโดยตนเองเลยนะขอรับ เพื่อแสดงสถานะเมืองอูของพวกข้า ท่านก็กินมาทุกปีแล้วไม่ใช่หรือ ก็ไม่เห็นท่านรู้สึกไม่สบายตัวเลย เป็นไปได้หรือไม่ที่นังหนูนั่นอยากยุให้รำ ตำให้รั่ว?” อู่ชิงสงสัย
อูเหอเห็นว่าเครื่องเงินไม่ได้เปลี่ยนสี ดวงตามีกลอุบาย และมือที่เอาเครื่องเงินไว้นั้นก็ถูไปมา
“สาวรับใช้ที่ต่ำทรามคนหนึ่งมายุให้รำ ตำให้รั่ว เพื่ออะไร การใส่ร้ายป้ายสีฮูหยินเจ้าทะเลนั่นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆก็จะกล้าทำ?” อูเหอถามกลับ
“หรือว่าฮูหยินเจ้าทะเลจะลงมือกับท่านจริงหรือ ไม่มีเหตุผลนี่นา?” อู่ชิงถามอย่างสับสน
“ในบรรดาเมืองต่างๆ ในเขตทะเลนิรนามแห่งเมืองอูของพวกข้า ไม่ว่าจะกำลังคน หรือจ่ายส่วยประจำปี ล้วนไม่ใช่เยอะที่สุด เหตุใดฮูหยินเจ้าทะเลถึงได้ปฏิบัติต่อข้าพิเศษเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ข้าสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองมา ก็ได้ทำเรื่องเลวทรามไปไม่น้อย และมักหาเรื่องเมืองรอบๆอยู่เป็นประจำ แต่ทุกครั้งฮูหยินก็เข้าข้างข้ามาโดยตลอด
ในสายตาของคนนอก คนอื่นล้วนคิดว่าข้ากับฮูหยินเจ้าทะเลมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่ข้าไม่รู้จักนางเลย ในใต้หล้านี้ ไม่มีใครที่จะดีกับเจ้าอย่างไร้เหตุผล
แต่ฮูหยินก็ไม่เคยให้ข้าทำอะไรเพื่อนางมาโดยตลอดเลย เรื่องนี้แปลกยิ่งนัก เจ้าห้ามพูดกับใครเด็ดขาด แอบสืบอย่างลับๆ! ” อูเหอกล่าวอย่างจริงจัง
“ขอรับ!” อู่ชิงไปทำทันที
เมื่อมองดูอาหารบนโต๊ะ อูเหอครุ่นคิด ทำไมสาวรับใช้คนนั้นถึงได้เตือนตัวเอง?
ทางนี้ หลังจากที่หยุนถิงกลับมากับวี่หนานเสวียน ก็บังเอิญพบคนคนหนึ่ง
“พี่รอง เจ้ามาได้อย่างไร กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมข้าถึงไม่รู้?” วี่หนานเสวียนเห็นผู้ที่มา ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
คนคนนี้คือรั่วฉิงนั่นเอง พี่รองของเขา
เพียงแต่ว่าพี่รองกับพี่ใหญ่แตกต่างกัน พี่ใหญ่อ่อนโยน สง่างาม มีความรู้และมีมารยาท พี่รองเป็นคนฉลาด ไร้ระเบียบทำตามใจชอบ เกลียดกฎเกณฑ์ เที่ยวเตร่ไปทั่วตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่กลับมาก็จะเอาของอร่อย และของเล่นมากมายมาให้เขา แถมยังเล่าเรื่องภายนอกให้กับเขาด้วย
“ข้ากลับมาแล้ว เอาของดีๆกลับมาให้เจ้าเยอะเลย” วี่รั่วฉิงยื่นกระเป๋าบนตัวมาให้
วี่หนานเสวียนรีบรับมันมา และเปิดอย่างรวดเร็ว ภายในมีเป็นของเล่นที่แปลกใหม่มากมาย แต่หยุนถิงก็มองเห็นหม้อไฟร้อนเร็วนั้นในทันที
มันเป็นชุดที่นางเหลือไว้ให้โม่เหลิ่งเหยียนในก่อนหน้านี้ เพราะด้านบนมีเครื่องหมายที่เป็นเอกลักษณ์ของนางอยู่ ก็เพื่อจะได้รู้อย่างง่ายว่าพวกเขาถึงตรงไหนแล้ว
คาดว่าพวกเขาคงถึงที่เมืองฉือได้อย่างราบรื่นแล้ว
หยุนถิงอดไม่ได้ที่จะมองสังเกตวี่รั่วฉิงอีกครั้ง สวมชุดคลุมขาวยาวของผู้ชาย เรียบง่าย ไม่มีเครื่องประดับใดๆ หน้าตาสดใส ดวงตาเหมือนดาว ดั้งจมูกโด่ง และปากอันน้อยนิดที่แดงโดยธรรมชาติ งามมากจริงด้วย
ในเมื่อนางสามารถเอาหม้อไฟร้อนเร็วนี้มาจากมือของโม่เหลิ่งเหยียนได้ คิดว่าก็คงมีความสามารถอยู่บ้าง
“พี่รอง นี่คืออะไร ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?” วี่หนานเสวียนสังเกตเห็นหม้อไฟร้อนเร็วนั้นทันที
“นี่คือของล้ำค่านะ ข้าล่องเรืออยู่ในทะเล และได้พบกับคนกลุ่มหนึ่ง นี่คือของกินที่คนเหล่านั้นนำมา
ในทะเลอันกว้างใหญ่ยังสามารถได้กินเนื้อและข้าวร้อนๆได้ เป็นเรื่องที่มีความสุขยิ่งนัก ข้ามีเพียงอันนี้อันเดียว ตัดใจกินไม่ลงเลย จึงเอากลับมาให้เจ้า! ” วี่รั่วฉิงอธิบาย
“ข้ารู้ว่าพี่รองรักข้าที่สุดแล้ว ทำไมเจ้าไม่ขอกับพวกเขาเยอะหน่อย?” วี่หนานเสวียนถามด้วยความสับสน
วี่รั่วฉิงตบหน้าผากเขา “ไร้สาระ หากข้าสามารถขอเยอะหน่อยยังจะไม่ขอหรือ แค่อันเดียวนี้ก็ยังเป็นข้าแอบซ่อนเอาไว้ในที่เก็บของเรื่องเลย
เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนพวกนั้นน่ากลัวแค่ไหน โดยเฉพาะหัวหน้าของพวกเขา หน้านะเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง เป็นคนมีทิฐิ ข้าใช้เงินซื้อก็ไม่ขาย
อันนี้ยังเป็นข้าแอบเอาเข้าไปซ่อนในที่เก็บบนเรื่องตอนพวกเขานอนหลับด้วยซ้ำ ข้ายังกลัวจะถูกพวกเขาพบเข้าเลย ข้าง่ายนักหรือ?” วี่รั่วฉิงบ่นอย่างน้อยใจ
“ใครกันที่หยิ่งยโสเช่นนี้ ข้าพาคนไปสังหารพวกเขาทิ้งให้หมดเดี๋ยวนี้เลย กล้ารังแกพี่รองของข้า?” วี่หนานเสวียนพูดอย่างโกรธมาก
วี่รั่วฉิงมองสังเกตเขา “ไม่ใช่ข้าดูถูกเจ้านะ เจ้านะหรือไม่ได้จริง ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้นเลย เจ้านะหรือไปอยู่ให้ไกลจากพวกเขาจะดีกว่า”
“มีคนที่พูดให้น้องชายเสื่อมเสียเยี่ยงเจ้าด้วยหรือ”
วี่รั่วฉิงไม่อยากสนเขา และมองตรงไปที่หยุนถิง “ไปเอาชามน้ำเปล่ามา!”
“เจ้าค่ะ!” หยุนถิงทำตามคำสั่งทันที รู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนพวกเขาถึงแล้ว นางก็วางใจแล้ว
“ทำไมนังหนูนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน?” วี่รั่วฉิงถาม
“ก่อนหน้านี้นางรับใช้เจว๋กู่ ถูกข้าแย่งมา ฝีมือการทำอาหารของนางแม้แต่พ่อครัวของข้าก็ยังเทียบไม่ได้ ให้นางทำให้เจ้าชิมดูหน่อยละกัน!” วี่หนานเสวียนพูดอย่างได้ใจ
“ดี!” วี่รั่วฉิงได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คนรอบข้างของเจว๋กู่ นางไม่เคยสังเกตจริง
หลังจากนั้นไม่นาน หยุนถิงก็ยกน้ำมา วี่หนานเสวียนให้นางไปทำอาหาร
หยุนถิงไปที่หลังครัว ทำอาหารหกจานและซุปหนึ่งอย่างอย่างจริงจัง และในไม่ช้าก็ยกมาวางบนโต๊ะกับพ่อบ้าน
วี่รั่วฉิงแค่ดูก็อยากอาหารมากแล้ว เรือเล่นอยู่บนทะเลเป็นเวลานาน นางอยากกินของเค็มหรือเผ็ดมากเลย
ดังนั้นสองพี่น้องจึงเริ่มรับประทานอาหาร หยุนถิงรอใช้อยู่ข้างๆ พ่อบ้านถอยออกไปอย่างชาญฉลาด เป็นเรื่องยากที่สองพี่น้องนี้จะได้ทานอาหารร่วมกัน ดังนั้นก็มิควรรบกวนอยู่แล้ว
“พี่รอง อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของท่านแม่แล้ว วันนี้เจ้าอยู่พอดีเลย ไปฉลองวันเกิดให้ท่านแม่พร้อมกันเถอะ” วี่หนานเสวียนเสนอแนะ
“ไม่ไป!” วี่รั่วฉิงตอบโดยไม่คิดเลย
“ท่านเป็นอะไรกับท่านแม่กันแน่ ข้าจำได้ว่าตอนเด็กเจ้าติดท่านแม่ที่สุดแล้ว แม้แต่ข้ายังหึงเลย ทำไมหลายปีนี้เจ้ากับแม่ถึงได้ห่างเหินกันเช่นนี้” วี่หนานเสวียนสับสน
ในขณะที่วี่รั่วฉิงกำลังจะพูดอะไร ก็เหลือบไปเห็นหยุนถิงพอดี “เจ้าไปรอข้างนอก!”
“เจ้าค่ะ!” หยุนถิงรีบออกไปทันที
ก่อนหน้านี้นางก็ได้ใส่อุปกรณ์ดักฟังไว้ใต้โต๊ะแล้ว ดังนั้นทันทีที่ออกมาก็ได้ยินการสนทนาระหว่างสองพี่น้องทันที
“หนานเสวียนเจ้าโง่หรือ เจ้าดูไม่ออกหรือว่าท่านแม่ไม่เหมือนเดิมแล้ว?” วี่รั่วฉิงถามกลับ
“ไม่เหมือนเดิม ทำไมข้าถึงไม่รู้สึก เจ้าลอยอยู่บนทะเลนานเกินจนโง่ไปหรือเปล่า?” วี่หนานเสวียนโต้กลับ
“เจ้านั่นแหละที่โง่ ทั้งครอบครัวของเจ้านะโง่กันหมดเลย ไม่สิ ข้าก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของเจ้าเหมือนกัน ยังไงก็ตาม ข้ารู้สึกว่าท่านแม่ไม่เหมือนเดิมแล้ว
แม้ว่าการพูดการกระทำ พฤติกรรมและทุกสิ่งที่นางชอบล้วนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ข้าก็มักรู้สึกเช่นนี้ แต่เป็นอย่างไรข้าก็พูดไม่ถูก” วี่รั่วฉิงตอบ
“นั่นหรือเป็นเหตุผลที่หลายปีมานี้เจ้าไม่สนิทกับท่านแม่?”