จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 829 ห้ามแย่งเนื้อของนาง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 829 ห้ามแย่งเนื้อของนาง

“ได้เลย เรื่องแบบนี้ข้าถนัดนัก ท่านวางใจได้เลย ข้าจะให้นางอยู่ไม่สู้ตายแน่” หยุนหลีสาบาน

กล้ามาทำร้ายท่านแม่ของพี่หญิงใหญ่ นางจะไม่ละเว้นมันผู้นั้นแน่นอน

เสวี่ยเชียนโฉวเองก็เดือดดาลนัก ว่ากันว่าสตรีและคนชั่วช้านั้นอย่าได้ยุ่ง เซียวหรูซื่อผู้นี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก

มือที่ถือจอกน้ำชาของโม่เหลิ่งเหยียนออกแรงแน่น บีบถ้วยชาแตกละเอียดคามือเขาเลย

“เจ้าวางใจเถอะ เอานางไว้ที่นี่ ข้าจะให้นางเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้เลย!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดเน้นทีละคำอย่างเย็นชายิ่งนัก

“ขอบคุณมาก! หม้อไฟเสร็จแล้ว กินทั้งที่ร้อนๆเถอะ!” หยุนถิงบอก

“ถิงเอ๋อรชอบกินเนื้อ ข้าใส่เนื้อเอง!” จวินหย่วนโยวยกตะเกียบขึ้นคีบเนื้อใส่

“พี่หญิงใหญ่ชอบกินผักนี่ ข้าใส่เอง ใครก็ห้ามแย่งข้า!” หยุนหลีรีบยกตะเกียบขึ้น

เสวี่ยเชียนโฉวคีบแต่อันที่หยุนหลีชอบกิน แต่ละคนขยับตะเกียบทันที

หม้อไฟร้อนเดือดปุดๆ แต่ละคนไม่หลงเหลือบรรยากาศเย็นเยียบเมื่อครู่เลย ทั้งพูดคุยหัวเราะกัน อบอุ่นมาก

โอจื่อโฝวที่อยู่ข้างๆมองตะลึงอึ้งไปเลย เขามองหยุนถิงที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้างดงามเลิศล้ำ งามล่มชาติล่มเมือง ภายใต้ไอร้อนนี้ยิ่งทำให้นางดูเย้ายวนมีเสน่ห์มากขึ้น แต่คำที่พูดออกมา เรื่องที่ทำออกมากลับทำคนขนหัวลุก โหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งนัก

ฮูหยินเจ้าทะเลยังโดนนางจับตัวมาได้ โดยที่ไม่ทำให้เกาะเทียนหลงรู้ สตรีผู้นี้ช่างกล้าแกร่งยิ่งนัก ฝีมือร้ายกาจเพียงใดกันนี่

เขาในฐานะศิษย์คนโตของเรือนอวี๋ หลายปีมานี้ยังไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอาจารย์เลย ทุกปีก็ทำได้แค่มาร่วมงานวันเกิดของฮูหยินเจ้าทะเล ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฮูหยินเจ้าทะเลเป็นคนโหดร้ายเช่นนี้

แต่นางมาแค่ครึ่งเดือนก็สืบรู้เรื่องทั้งหมด เก่งกาจยิ่งนัก

ทันใดนั้นโอจื่อโฝวพลันรู้สึกถึงสายตาเย็นเยียบเยือกเย็น พอเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาคมปลาบดุจใบมีดของจวินหย่วนโยวพอดี ทำเอาตกใจจนสะท้านเยือก

“ข้า ข้าแค่เลื่อมใสนางนิดหน่อย!” โอจื่อโฝวละล่ำละลักบอก

“เก่งกาจมากจริงๆ!” หายากนักที่จิ่วฟ่างจะเลื่อมใสใครสักคนเช่นนี้ วินาทีนี้กลับเลื่อมใสหยุนถิงอย่างหมดใจ

นางเป็นหญิงปลอมตัวเป็นชายแอบแฝงอยู่ในเรือนอวี๋โดยไม่โดนใครพบเข้าเลย อีกทั้งเผยความเฉลียวฉลาดท่ามกลางคนมากมายนั่น ทำให้ผู้อาวุโสอวี๋ทึ่งได้ จนสำเร็จได้ไปเกาะเทียนหลง แค่เวลาเพียงครึ่งเดือนก็สืบเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ละเอียดชัดเจน และยังจับตัวฮูหยินเจ้าทะเลมาได้อีก ฝีมือเช่นนี้ ความสามารถเช่นนี้ ความกล้าเช่นนี้ จิ่วฟ่างยอมแพ้ให้เลย!

“คนกันเองทั้งนั้น อย่าทำตัวแปลกอย่างนี้เลย พวกเจ้าสองคนกินด้วยกัน ลองชมหม้อไฟนี้ดู!” หยุนถิงบอก

จิ่วฟ่างยกตะเกียบขึ้น คนเขาพูดขนาดนี้แล้ว หากตนยังปฏิเสธอีก จะดูเรื่องมากเกินไป

โอจื่อโฝวมองทุกคนอย่างอึ้งๆ ความเคียดแค้นเดือดดาลเมื่อครู่กลายเป็นความอบอุ่นไปโดยพลัน ทุกคนร่วมกินอาหารหม้อเดียวกัน พูดคุยเรื่องน่าสนใจด้วยกัน คุยถึงความรู้ของอีกฝ่าย บรรยากาศอบอุ่นยิ่งนัก

วันเวลาเช่นนี้เขาอิจฉามากเลย

เมื่อก่อนในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของเรือนอวี๋ โอจื่อโฝวคิดว่าตนเองเหนือผู้อื่นขั้นหนึ่ง ไม่ยอมร่วมทานอาหารกับศิษย์คนอื่นเลย เพราะในสายตาเขา ศิษย์เหล่านั้นไม่คู่ควร

แต่ผ่านประสบการณ์ความโหดร้ายของโลกมาแล้วถึงรู้ซึ้งจิตใจคนเรา ตอนนี้มาเห็นคนเหล่านี้ตรงหน้า พวกเขาล้วนมีฐานะของตนเอง กระทั่งต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ก็นั่งกินข้าวหม้อเดียวกันได้ ความรู้สึกนี้ดีจัง

โอจื่อโฝวยกตะเกียบขึ้น “ได้ ข้าไม่เกรงใจละนะ” จากนั้นเริ่มต้นกินเลย

ครั้งนี้โอจื่อโฝวชะงักกึกไปเลย “นี่อะไรน่ะ รสชาติพิเศษนัก อร่อยนัก?”

“อร่อยมากจริงๆ” จิ่วฟ่างยังทนไม่ไหวชมออกมา

“นี่เรียกว่าหม้อไฟ วางไว้บนเตาจากนั้นใส่เนื้อและผักต้มกิน สะดวกสบาย ง่ายกว่าผัดนัก” หยุนถิงอธิบาย

“พวกเจ้าหลายคนกินหม้อไฟกันก็ไม่รอข้าเลย ใจดำนัก” หมิงจิ่วซางบอก เดินพุ่งเข้ามาเลย พลางหยิบตะเกียบจะคีบเนื้อขึ้นมา

เพียงตะเกียบนั้นยังไม่ทันพ้นหม้อ ก็โดนตะเกียบอีกคู่ห้ามไว้

“นี่เป็นเนื้อที่ข้าต้มให้ถิงเอ๋อร์ เจ้าอยากกิน ก็ทำเอง!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น

“อย่างกนักได้ไหม แค่เนื้อไม่กี่ชิ้นเอง!” หมิงจิ่วซางคีบต่อไป

“หากถิงเอ๋อร์จะกิน แค่เนื้อชิ้นเดียวก็ไม่ได้” ตะเกียบของจวินหย่วนโยวตีตะเกียบของหมิงจิ่วซางเลย

หมิงจิ่วซางย่อมไม่ยอมแพ้ง่ายๆอยู่แล้ว “ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ใช้ตะเกียบยังสู้เจ้าไม่ได้!”

จากนั้นทั้งสองคนก็ตีกัน หนึ่งคนหนึ่งตะเกียบ ไม่เกรงใจกันจริงๆ

ทำเอาโอจื่อโฝวตะลึงไปเลย ผู้ชายตัวใหญ่สองคนตีกันเพราะเนื้อไม่กี่ชิ้น เด็กจริงๆ รีบคีบผักข้างๆขึ้นมากินแทน

ขอเพียงไม่กินเนื้อ ก็ไม่เกี่ยวกับเขา

สายตาเย็นชาของจิ่วฟ่างฉายแววอิจฉา สามีของถิงหยุนดีต่อนางยิ่งนัก ในสายตาเขานี่ไม่ใช่เด็ก แต่เป็นรักมั่นคง

เพื่อคนที่ตนรัก ต่อให้เป็นเนื้อไม่กี่ชิ้นก็ไม่มีวันยอมยกให้

โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มอง พลางหันหาหยุนถิง “ต่อไปจะเอายังไง?”

“หลายปีมานี้เซียวหรูซื่อซุกอำนาจไว้ไม่น้อย ต้องดึงเขี้ยวเล็บนางออกมาทำลายทั้งหมด อย่าให้เหลือ

ข้าจะให้นางดูว่า ทั้งหมดที่นางวางแผนมาในหลายปีนี้ สุดท้ายก็ต้องสูญเสียไปทั้งหมด มันทำให้นางทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก

ข้าสืบรู้มาว่าเมืองซ่งน่ะเป็นทหารเดนตายที่นางเลี้ยงมาทั้งหมด เมืองหลีนั่นเป็นสถานที่ที่นางเก็บอาวุธและสมบัติเอาไว้ คืนนี้จะลงมือกับสองที่นี้ล่ะ!” หยุนถิงตอบ

“คืนนี้ลงมือจากพวกเขาก่อนเลย ลองอานุภาพของอาวุธใหม่พวกนั้นเสียเลย!” โม่เหลิ่งเหยียนรับปากออกมาเลย

“อืม นำเซียวหรูซื่อไปด้วย ข้าจะให้นางเห็นด้วยตาตนเองว่า ทุกสิ่งที่นางมีนั้นถูกทำลายลงอย่างไร!” สายตาหยุนถิงฉายแววคมปลาบ

“ตกลง! คืนนี้ข้ากับพวกหมิงจิ่วซางไปก็พอแล้ว เจ้ากับจวินหย่วนโยวพักผ่อนเถอะ!” โม่เหลิ่งเหยียนบอก

ระยะนี้พวกเขาอยู่ที่เกาะเทียนหลง รู้ได้เลยว่าต้องคอยระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว ลำบากแค่ไหน

“ลำบากพวกเจ้าแล้ว!” คำพูดนี้จวินหย่วนโยวเป็นคนพูด

ระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ถิงเอ๋อร์เหนื่อยมากเกินไปจริงๆ เขาเองก็อยากให้หยุนถิงได้พักผ่อนให้ดี

“ไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก!” โม่เหลิ่งเหยียนบอก

โอจื่อโฝวที่อยู่ข้างๆหันมองจวินหย่วนโยวอย่างตะลึง “เจ้า เจ้าคือจวินหย่วนโยว จวินซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียน?”

“ใช่ ข้าเอง!” จวินหย่วนโยวตอบออกมาหน้าตาเฉย

โอจื่อโฝวหันมองหยุนถิงอีก “ดังนั้นเจ้าก็คือ หยุนถิง ซื่อจื่อเฟยที่จวินหย่วนโยวรักใคร่เพียงผู้เดียวคนนั้น?”

“เจ้ายังไม่โง่เกินไปนะ” หยุนถิงบอก

“สวรรค์ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปกระมัง ข้านั่งกินข้าวด้วยกันกับจวินซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียนและซื่อจื่อเฟย งั้นพวกเจ้า พวกเจ้าเองก็ฐานะสูงส่งมากด้วยใช่หรือไม่?” โอจื่อโฝวหน้าตาเหลือกอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

ถึงเขาจะอยู่ที่สำนักหมอเทวดา แต่ก็รู้จักบุคคลของทั้งสี่แคว้นดี โดยเฉพาะเรื่องที่จวินหย่วนโยวรักใคร่หยุนถิงเพียงผู้เดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกคนพากันอิจฉาในเขตทะเลนิรนามเหมือนกัน

“ข้าคือหยุนหลี น้องสาวของพี่หญิงใหญ่ คนนี้คือท่านอา เจ้าอุทยานแห่งอุทยานตระกูลเสวี่ย ยังมีนี่คือซวนอ๋อง นี่คือหมิงจิ่วซาง!” หยุนหลีรีบอธิบายทันที

ตะเกียบในมือโอจื่อโฝวตกลงพื้นดังแกร๊ก โต๊ะนี้นี่ระดับเทพทั้งนั้นเลย ต่อให้ฝันเขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอเหล่าเทพ แถมยังเจอเสียหลายคนในคราวเดียว

จวินซื่อจื่อ เทพสงครามแห่งแคว้นต้าเยียน แค่สองคนนี้ก็ทำให้เขาเลื่อมใสอย่างหมดใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหยุนถิงอีก

งดงามเลิศล้ำ เฉลียวฉลาด ฝีมือการแพทย์ลือเลื่อง อัจฉริยะการค้าขาย แค่ความคิดเดียวก็สามารถสั่นคลอนรากฐานะของแคว้นหนึ่งได้เลย—

มือที่ถือตะเกียบของจิ่วฟ่างชะงักกึกทันที “ข้าได้ยินมาว่าฝีมือการแพทย์ของเจ้านั้นไร้ผู้เทียมทานในสี่แคว้น ขอร้องเจ้าช่วยจิ่นฉิงหน่อยได้หรือไม่?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท