จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 832 ดูท่าจะมีคนคิดถึงท่านพี่นะ
“ความหวังดีของท่านเฒ่าข้าเข้าใจ ทำเต็มที่ก็พอ ข้าเก็บกู่พิษในห้องลับของเซียวหรูซื่อมาหมดแล้ว ท่านลองดูเถิดว่ามีสิ่งใดใช้ได้หรือไม่” หยุนถิงรีบเอากู่พิษเหล่านั้นออกมาจากในมิติทันที
ระยะนี้สิ่งที่ยายขุยได้ยินได้เห็นมามันเหนือความคาดหมายของนางทั้งนั้น พอรู้ว่านี่เป็นความชอบของหยุนถิง ถึงยายขุยจะตกตะลึง แต่ก็พอเข้าใจได้
นางเป็นลูกของคุณหนู ย่อมต้องไม่เหมือนผู้อื่นอยู่แล้ว
ดังนั้นตอนนี้มาเห็นหยุนถิงหยิบกู่พิษออกมา ยายขุยตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นเทา
“นี่ นี่มันหนอนกู่ที่หาได้ยากยิ่งในรอบหลายสิบปีหรือแม้กระทั่งร้อยปีนี่ หลายชนิดในนี้เป็นระดับราชากู่เลยทีเดียว หาได้ยากจริง”
“ของพวกนี้เซียวหรูซื่อทุ่มเทกำลังกายใจเลี้ยงมาหลายปีน่ะ ท่านเฒ่าลองดูหน่อยเถิดว่ามีชนิดที่สามารถรักษาจิ่นฉิงหรือไม่?” หยุนถิงถาม
“มีจริงๆ สองชนิดนี้ได้ มีฤทธิ์ต้านคานกับกู่พิษในตัวนาง ใช้พิษต้านพิษ แต่ในเมื่อเป็นกู่พิษที่พิษร้ายหมด ย่อมต้องเจ็บจนอยากตายนะ” ยายขุยอธิบาย
“ท่านเฒ่ามาเถอะ ข้าเชื่อท่าน ต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกมาได้เลย ข้าคิดว่าจิ่นฉิงสลบไสลมาหลายปี ย่อมต้องอยากเจอจิ่วฟ่างเร็วๆแน่นอน” หยุนถิงถอนหายใจบอก
“ได้!”
จากนั้นยายขุยก็ใช้มีดสั้นกรีดฝ่ามือจิ่นฉิงหนึ่งแผล จากนั้นรองเลือดจากฝ่ามือนางลงในชาม และวางหนอนกู่ตัวนั้นลงในชามเลือดอีก—
หยุนถิงดูอยู่ข้างๆอย่างละเอียด ฟังอย่างตั้งใจ เป็นลูกมือให้อย่างระมัดระวัง
ส่วนจิ่วฟ่างที่อยู่ด้านนอกก็หิ้วหัวใจรอ กังวลอย่างมาก เดินวนไปมาหน้าประตู พลางหันมองในประตู
แต่มองไม่เห็นอะไร และไม่ได้ยินอะไรเลยเหมือนกัน มันทำให้เขายิ่งร้อนใจมากขึ้น
องครักษ์คนนั้นที่รับผิดชอบอาหารการกินของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงถือชามสองชามเข้ามา “จวินซื่อจื่อ บะหมี่ได้แล้ว”
“ซื่อจื่อเฟยกำลังยุ่ง ให้ห้องครัวอุ่นอาหารรอไว้ รอซื่อจื่อเฟยหิวแล้วก็จะกินได้เลย บะหมี่สองชามนี้เจ้ายกออกไปเถอะ!” จวินหย่วนโยวบอก
ถิงเอ๋อร์ยุ่งอยู่ด้านใน เขารออยู่ด้านนอกมีหรือจะกินลง
“ขอรับ!” องครักษ์รีบยกออกไปทันที
โม่เหลิ่งเหยียนพาพวกโอจื่อโฝวเดินเข้ามาจากด้านนอก พอเห็นจวินหย่วนโยวกับจิ่วฟ่าง โม่เหลิ่งเหยียนเข้าใจในบัดดล
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทำการรักษาอยู่ด้านใน” จวินหย่วนโยวตอบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มาวางหมากสักตาแล้วกัน” โม่เหลิ่งเหยียนเสนอ
จวินหย่วนโยวคิดๆดู รออยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ เลยรับปากไป
จากนั้นองครักษ์ก็นำกระดานหมากหยกขาวเข้ามาวางบนโต๊ะหินในสวน จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนนั่งลงเดินหมากกัน
โอจื่อโฝวเดินเข้าไปหาจิ่วฟ่างทันที เขาดึงแขนจิ่วฟ่างอย่างตื่นเต้น พูดเสียงสั่นเทาว่า “จิ่วฟ่าง เรื่องคืนนี้มันช่างเหนือความคาดหมายของข้า จริงๆ
หยุนถิงมีอาวุธร้ายกาจขนาดนั้นด้วย สามารถเดินเหินใต้ทะเลได้ และยังบอกพิกัดได้ พอเจาะจงตำแหน่งในระยะทางที่ไกลจากสองเมืองขนาดนั้นก็เริ่มระเบิดเลย
ไม่ต้องใช้กำลังคนเลยสักนิด ระเบิดไม่กี่ลูกจัดการระเบิดเกาะทั้งเกาะให้ราบเป็นหน้ากลอง ชาตินี้ข้าไม่เคยเจออาวุธร้ายกาจขนาดนี้มาก่อนเลย
นั่นน่ะเป็นสองเกาะที่ฮูหยินเจ้าทะเลให้ความสำคัญที่สุด มาโดนทำลายลงง่ายดายขนาดนี้ เจ้าไม่เห็นใบหน้าซีดเหมือนปลาตายของฮูหยินตอนนั้น โกรธจนสลบไปเลย
ข้าไม่เคยเลื่อมใสใครมาก่อน แต่ผ่านเมื่อคืนมาแล้วข้าเลื่อมใสต่อหยุนถิงอย่างหมดใจ ข้าตัดสินใจแล้ว ชาตินี้ขอเพียงนางไม่ไล่ข้าไป ข้าจะติดตามนางแน่นอน!”
พอฟังโอจื่อโฝวพรั่งพรูทุกอย่างออกมา จิ่วฟ่างสีหน้าตึงเครียดยิ่งนัก “เจ้าบอกว่า ระเบิดเกาะสองเกาะไปเลย อาวุธอะไรร้ายกาจขนาดนี้?”
โอจื่อโฝวสีหน้าภูมิใจ “ดังนั้นถึงได้บอกว่าเมื่อคืนเจ้าไม่ได้ไปน่ะน่าเสียดายนัก ข้าได้เห็นเองกับตาแล้ว ร้ายกาจมากจริงๆ รอต่อไปหากมีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปนั่งสักครั้ง”
“เห็นท่าทางภูมิใจของเจ้าแล้ว พูดราวกับว่าเป็นของเจ้าอย่างนั้นแหละ นั่นเป็นอาวุธที่พี่หญิงใหญ่ข้าคิดค้นขึ้น!” หยุนหลีที่เดินเข้ามามองค้อนเขา
“เจ้า เจ้าบอกว่าอาวุธที่ร้ายกาจขนาดนั้นหยุนถิงเป็นคนคิดค้นรึ?” โอจื่อโฝวถามอย่างตกใจ
“แน่นอนล่ะ พี่หญิงใหญ่ข้าน่ะรู้เรื่องอาวุธดีจะตายไป ยังเปิดร้านอาวุธให้ข้าเลย” หยุนหลีพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
พอเอ่ยถึงหยุนถิงทีไร นางก็เลื่อมใสอย่างมากทุกที
คราวนี้โอจื่อโฝวไม่นิ่งละ พอคิดถึงท่าทางเย่อหยิ่งอวดภูมิของตนก่อนหน้านี้ เขาพลันรู้สึกว่าตนกำลังโอ้อวดต่อหน้าผู้รู้
“เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ ซื่อจื่อเฟยน่าจะอีกนานกว่าจะเสร็จ “เสวี่ยเชียนโฉวบอก
หยุนหลีหาวหวอดๆ “ได้” จากนั้นก็ตามท่านอาไปพักผ่อน
จิ่วฟ่างไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่กังวลสถานการณ์ข้างใน ไม่สนใจอย่างอืนเลย
เวลาค่อยๆผ่านไป จนพระอาทิตย์ตกดิน หยุนถิงกับยายขุยถึงได้เดินออกมาจากด้านใน
“ท่านเฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง อาการของจิ่นฉิงเป็นอย่างไรบ้าง?” จิ่วฟ่างถามอย่างกังวล
“วางใจเถอะ กู่พิษเคลื่อนย้ายออกได้อย่างประสบความสำเร็จมาก โชคดีที่ถิงเอ๋อร์คอยช่วย แต่ว่านี่เป็นเรื่องพื้นฐานเท่านั้น อีกสามวันข้าจะมาตรวจดูอาการนางอีกที
นางสลบไสลมานานเกินไป เจ้าเข้าไปพูดกับนางหน่อยเถอะ เวลานี้มีเจ้าอยู่ บางทีอาจจะช่วยเรียกความอยากมีชีวิตอยู่ต่อของนางได้” ยายขุยถอนหายใจบอก
“ขอบคุณมาก ขอบคุณท่านเฒ่า ขอบคุณซื่อจื่อเฟย” จิ่วฟ่างพุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา “ลำบากถิงเอ๋อร์แล้ว ข้าให้คนอุ่นอาหารรอไว้ พวกเราไปกินกันเถอะ”
“ได้!”
โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆพยักหน้าให้หยุนถิง “ทุกอย่างราบรื่น สองเกาะนั้นราบเป็นหน้ากลองแล้ว!”
“ลำบากเจ้าแล้ว พักผ่อนเถอะ” หยุนถิงบอกอย่างซาบซึ้ง
“ยังดีอยู่ แค่ไม่ได้นอนไปค่อนคืน อานุภาพของเรือเจ้าลำนั้นร้ายกาจมากจริงๆ!” โม่เหลิ่งเหยียนทนไม่ไหวชมเชยออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว”
โอจื่อโฝวพลันพุ่งเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย ท่านรับศิษย์ไหม ข้าอยากกราบไหว้ท่านเป็นอาจารย์!”
คนมากมายล้วนพูดกันอย่างนี้ โอจื่อโฝวเลื่อมใสหยุนถิงจริงๆ
หยุนถิงอึ้งกับคำถามเขาไปเลย “ข้าไม่รับศิษย์นะ”
โอจื่อโฝวยังอยากพูดอะไรอีก ก็รับรู้ถึงสายตาคมปลาบเย็นเยียบของจวินหย่วนโยวมองมาที่ตน ทำเอาเขาขนหัวลุก
“รอต่อไปหากท่านอยากรับศิษย์ จะพิจารณาข้าได้หรือไม่?” โอจื่อโฝวได้แต่กระซิบเสียงเบา
“ได้ ไว้ข้าอยากรับเมื่อไหร่ค่อยว่ากันนะ”
มองดูจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงจากไป โอจื่อโฝวเลื่อมใสยิ่งนัก ทำไมเมื่อก่อนเขาตาบอดไปเคารพผู้อาวุโสอวี๋เป็นอาจารย์นะ ฝีมือเขาแค่นั้นเทียบกับอาวุธของหยุนถิงแล้วเท่ากับขี้ผงเลยนะ
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไปหาของกิน โม่เหลิ่งเหยียนคอยอยู่ด้วยตลอด ทั้งหมดพากันปรึกษาแผนการต่อไป หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถึงได้กลับไป
เกาะเทียนหลง จวินหย่วนโยวกลับถึงห้องตนเอง ฟ้าก็มืดแล้ว เขามองแวบเดียวก็สังเกตเห็นกล้วยไม้กระถางนั้นที่วางข้างหน้าต่าง สีหน้าพลันเย็นชาลงทันที
“ไอ้โหย ดูท่าจะมีคนคิดถึงท่านพี่อยู่นะ” หยุนถิงแกล้งเย้า
นางในตอนนี้ ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ เพื่อให้เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
สายตาคมปลาบของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยแววรังเกียจ สะบัดมือจนกระถางดอกไม้กระถางนั้นลอยออกไปเลย
วี่รั่วยีรออยู่สองวัน ก็ไม่เห็นจิ่วฟ่างกลับมาเสียที ในใจรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี เลยอยากมาดูสักหน่อย
สุดท้ายพอนางมาที่ชั้นหนึ่ง ก็เห็นกระถางดอกไม้หนึ่งหล่นลงมาจากชั้นสอง เพล้งดังขึ้น แตกกระจายต่อหน้านาง
พอดูดอกไม้นั้นชัด วี่รั่วยีสีหน้าซีดเผือดฉับพลัน
นั่นคือดอกกล้วยไม้ที่นางปลูกด้วยตัวเอง ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงมีแค่กระถางนี้กระถางเดียว