จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 837 คุกเข่าขอขมา

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 837 คุกเข่าขอขมา

“พี่หญิงใหญ่ ท่านเคยเห็นหน้ากากหนังมนุษย์บนหน้าเขาจริงรึ?” วี่หนานเสวียนที่แวะมาเพราะอยากดูเรื่องสนุกเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทนไม่ไหวถามออกมา

“แน่นอน ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย เรื่องแบบนี้ข้าจะพูดจาเพ้อเจ้อได้อย่างไร หนานเสวียนเจ้าไปตรวจดูสิ” วี่รั่วยีเอ่ยปากทันที

หนานเสวียนเป็นน้องชายแท้ๆของนาง ต้องไม่หลอกตนแน่

“ในเมื่อพี่หญิงใหญ่พูดเช่นนี้ ข้าจะไปดูหน่อย” วี่หนานเสวียนเดินเข้าไปอย่างสงสัย และดึงทึ้งแก้มของจิ่วฟ่าง

คนอื่นเห็นดังนั้นอดเห็นใจจิ่วฟ่างไม่ได้ คุณชายน้อยคนนี้ลงมือหนักไปหน่อยกระมัง

“พี่หญิงใหญ่ ท่านมองผิดไปแล้วกระมัง ใบหน้าเขาไม่ได้แปลงโฉมมาจริงๆ ข้าขยี้ขนาดนี้ ต่อให้เป็นหน้ากากหนังมนุษย์ที่ดีแค่ไหนก็ต้องเผยรอยเหี่ยวย่นหรือแตกออกมาบ้างสิ” วี่หนานเสวียนตอบ

คราวนี้วี่รั่วยีสีหน้าเหมือนปลาตาย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เขาคือจวินหย่วนโยวชัดๆนี่

“ตอนนี้คุณหนูใหญ่ยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่ พวกท่านสงสัยฐานะของข้า แต่ผลลัพธ์ได้รับการพิสูจน์จากหลายคน หรือว่ายังไม่เชื่อกันอีกรึ

ต่อให้อาจารย์ข้าไม่อยู่ ก็ไม่มีวันยอมให้พวกท่านมาลบหลู่รังแกข้าเยี่ยงนี้ ขอฮูหยินทำตามสัญญาเมื่อครู่ด้วย ให้คุณหนูใหญ่ขอขมาข้า!” จิ่วฟ่างเดือดดาลทะลุฟ้า บรรยากาศรอบตัวเย็นจนติดลบ

ครั้งนี้ทุกคนพากันเหงื่อตก ยิ่งรังเกียจวี่รั่วยีมากขึ้น เรื่องนี้เป็นใครก็ต้องไม่สบอารมณ์ทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังเป็นศิษย์ร่วมสำนักกันอีก

สีหน้าเซียวหลันทะมึนขั้นสุด ออกคำสั่งทันที “ยีเอ๋อร์ ขอโทษซะ!”

เมื่อคืนนางก็สงสัยจิ่วฟ่างเช่นกัน แต่ผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่ที่สองผู้อาวุโสยืนยัน เซียวหลันเลยไม่สงสัยเขาอีก

วี่รั่วยีเดือดดาลนัก บอกอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่ ข้าไม่มีทางยอมขอโทษ ข้าพูดความจริงทั้งนั้น หลายวันก่อนข้าเจอศิษย์คนหนึ่งแบกเขาที่บาดเจ็บสาหัสสลบไปอยู่ ข้าหวังดีเลยช่วยรักษาเขาจนรู้ความจริง

ใช่ บาดเจ็บภายใน ท่านแม่ท่านให้คนมาจับชีพจรจิ่วฟ่างสิ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในหนักมาก นี่พึ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง ไม่มีทางหายดีแน่นอน

ท่านแม่ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางโกหก ข้าพูดจริงนะ ข้าเห็นเองกับตา และเคยช่วยจับชีพจรให้เขา ขอเพียงจับชีจรเขาก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเขาปลอมตัวมาหรือเปล่า”

เซียวหลันขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่วี่รั่วยีขอร้องตน ครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ นางยอมละความเย่อหยิ่งลงขอร้องตน มันทำให้เซียวหลันลังเล

เพียงแต่เมื่อครู่ตนก็พูดไปแล้ว หากจะตรวจสอบอีก เท่ากับเป็นการกลับคำพูดสิ

“ในเมื่อคุณหนูใหญ่ใส่ร้ายข้าอีก เช่นนั้นขอให้ฮูหยินจับชีพจรให้ข้าเองเถอะ หากข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้าจะให้คุณหนูใหญ่คุกเข่าขอขมาข้า!” เสียงเย็นเยียบของจิ่วฟ่าง เน้นพูดทีละคำ

“ได้ หากเจ้าคือจิ่วฟ่างจริงๆ ข้าจะขอขมาเจ้า!” วี่รั่วยีพูดออกมาโดยไม่คิดเลย

นี่เป็นไพ่ไม้ตายของนางแล้ว นางต้องพลิกกลับมาเอาชนะได้ ต้องเหยียบจิ่วฟ่างลงใต้ฝ่าเท้าให้ได้

จิ่วฟ่างเดินก้าวเท้ายาวเข้ามาหยุดยืนลงตรงหน้าเซียวหลัน ยื่นแขนออกให้อย่างสง่าผ่าเผย

เซียวหลันจับชีพจรเขาทันที ไม่นานเซียวหลันก็ถลึงตามองวี่รั่วยีอย่างเดือดดาล “ยีเอ๋อร์ ขอโทษซะ!”

คราวนี้วี่รั่วยีอึ้งตาแตกไปเลย “ไม่ ไม่มีทาง อาการบาดเจ็บของเขาจะหายเร็วเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เชื่อ”

ระหว่างที่พูด นางอดทนความเจ็บปวดที่ไหล่และพุ่งเข้ามา ยื่นมือลูบแขนจิ่วฟ่าง

ดวงตาดำขลับของจิ่วฟ่างดำเมี่ยมราวก้นหม้อ แต่ไม่ได้สะบัดนางออก ในเมื่อวี่รั่วยียังไม่ยอมแพ้ เขาจะให้นางตายตาหลับ

นั่นไง วี่รั่วยีอึ้งตะลึงไปเลย ถอยหลังไปหนึ่งก้าวในบัดดล พลางปล่อยมือ

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน เจ้าไม่ใช่จิ่วฟ่าง เจ้าได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมากแท้ๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ชีพจรของจิ่วฟ่างไม่เคยได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสเลย พูดได้เลยว่า ไม่มีร่องรอยว่าเคยได้รับบาดเจ็บเลย

ครั้งนี้จิ่วฟ่างไม่ได้ให้โอกาสวี่รั่วยีแก้ตัว เขายกขาเตะแข้งวี่รั่วยีอย่างแรง

“อ๊า!” วี่รั่วยีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางคุกเข่าลงพื้นในบัดดล

“คุณหนูใหญ่ คุกเข่าขอขมา ตอนนี้ท่านยังมีอะไรจะพูดอีกรึ!” จิ่วฟ่างสบถเดือดดาล เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน

“ไม่ ข้าไม่เชื่อ!” วี่รั่วยีย้อน

มันผิดพลาดตรงไหนกันแน่ ทำไมบนหน้าเขาไม่มีหน้ากากหนังมนุษย์ และไม่ได้รับบาดเจ็บภายในด้วย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้—-

“เพี๊ยะ!” เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังขึ้น เซียวหลันตบหน้าวี่รั่วยีเอง

“พอได้แล้ว ยีเอ๋อร์วันนี้เจ้าเหลวไหลมากนะ อยากจะก่อเรื่องถึงเมื่อไหร่ เจ้าทำเกาะเทียนหลงขายขี้หน้าหมดแล้ว ถึงผู้อาวุโสอวี๋หายตัวไป แต่จะอย่างไรจิ่วฟ่างก็เป็นศิษย์คนสนิทของผู้อาวุโสอวี๋ มีหรือจะยอมให้เจ้าสงสัยครั้งแล้วครั้งเล่าได้

ตอนนี้ทุกคนต่างพิสูจน์กันหมดแล้ว เจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมรับเช่นนี้ ทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก ใครก็ได้ นำตัวคุณหนูใหญ่ไปกักบริเวณที่หลังเขา ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกมาเด็ดขาด!” เซียวหลันสั่งการเสียงเฉียบ

หากเวลานี้ตนไม่ลงโทษวี่รั่วยี นางก็ไม่อาจทำให้ทุกคนยอมศิโรราบได้

“รอก่อน นางยังไม่ได้ขอขมา!” จิ่วฟ่างยืนกราน

ตบฉาดนั้นทำให้วี่รั่วยีได้สติขึ้นมาบ้าง นางถลึงตาใส่เซียวหลันอย่างเคียดแค้นเดือดดาล มองดูคนที่หน้าตาเหมือนท่านแม่ไม่ผิดเพี้ยน บังอาจมาตบตน น่าตายนัก

เพียงแต่ในเวลานี้ต่อให้นางพูดออกมาว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ท่านแม่ ทุกคนก็ไม่เชื่อตนหรอก

วี่รั่วยีถลึงตาใส่เซียวหลันอย่างเคียดแค้นเดือดดาล สุดท้ายก็ยอมแพ้ภายใต้สายตาอีกฝ่ายที่ดุดันทรงอำนาจ

“ขอโทษ!”

นางพูดคำนี้ออกมาอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความอัปยศในวันนี้วันหน้านางจะต้องคืนให้เขาเป็นเท่าตัวแน่

องครักษ์สองคนเข้ามา และจะคุมตัววี่รั่วยีออกไป

“เรื่องยังจัดการไม่เรียบร้อยเลย ศิษย์ของเรือนอวี๋เราตายไปมากมายเพียงนี้ หรือว่าคุณหนูใหญ่ไม่ควรให้ความยุติธรรมกับพวกข้าเลยรึ?” จิ่วฟ่างแค่นเสียงเย็น

“ความเป็นความตายของพวกมันเกี่ยวอะไรกับข้า?” วี่รั่วยีเกรี้ยวกราด

“คุณหนูใหญ่เช้ามาก็พาพวกฮูหยินบุกเข้ามาในเรือนตะวันตก มาถึงก็เริ่มใส่ร้ายปรักปรำข้า ข้าอยู่เรือนเดียวกับทุกคนยังไม่รู้เลยว่าทุกคนโดนวางยาพิษตายแล้ว ทำไมคุณหนูใหญ่อยู่ไกลกว่าแต่รู้เร็วนักล่ะ?” จิ่วฟ่างย้อนถาม

ทุกคนถึงพึ่งนึกออกว่า เมื่อเช้าคุณหนูใหญ่ส่งคนมาบอกพวกเขาแต่เช้าจริงๆ ให้พวกเขามาเรือนตะวันตก

พอคำถามนี้ออกมา ทุกคนล้วนมีการคาดเดาในใจ เมื่อครู่วี่รั่วยีใส่ร้ายจิ่วฟ่างหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับโดนย้อนเอา ตอนนี้ต่อให้นางบอกไม่ใช่นาง ก็ไม่มีใครเชื่อนางแล้ว

วี่รั่วยีเริ่มลนลาน “ข้าย่อมคิดถึงความปลอดภัยของเกาะเทียนหลงอยู่แล้ว แต่เช้ามาก็มีคนรับใช้มารายงานกับข้า บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่เรือนตะวันตก ข้าถึงรีบมา”

“คนรับใช้คนไหนกัน อยู่ที่นี่หรือไม่ ขอให้คุณหนูใหญ่ส่งเขาออกมาเสีย!” จิ่วฟ่างรุกไล่ถาม

วี่รั่วยีเริ่มลนลาน พิษนี้นางให้คนวางเอง องครักษ์ลับบอกว่าสำเร็จแล้ว หูตาของนางเลยกลับมารายงาน นางถึงได้เชื่อ

“คนรับใช้ในเกาะเทียนหลงมากมายขนาดนั้น ข้าจะจำได้อย่างไรว่าคนไหน?” วี่รั่วยีหาข้ออ้าง

“ในเมื่อคุณหนูใหญ่คิดไม่ออก งั้นข้าจะช่วยคุณหนูใหญ่คิดเอง” จิ่วฟ่างแค่นเสียงเย็น คนรับใช้ที่เป็นหยุนถิงแปลงโฉมมาคุมตัวศิษย์คนหนึ่งเข้ามา

พอเห็นคนผู้นั้น สีหน้าวี่รั่วยีซีดแล้วซีดอีก มันรู้ได้อย่างไรกัน

“คนผู้นี้คือหูตาที่คุณหนูใหญ่วางไว้ในเรือนตะวันตก โดนข้าจับได้พอดี ดังนั้นข้าเลยจับเขามา” จิ่วฟ่างอธิบาย

เซียวหลันเห็นปฏิกิริยาของวี่รั่วยีทั้งหมด เลยรู้ว่าจิ่วฟ่างไม่ได้โกหก สายตางามฉายแววเหี้ยมเกรียม

“จิ่วฟ่าง เจ้าปรักปรำข้า ข้าไม่รู้จักเขาสักนิด!” ให้ตายวี่รั่วยีก็ไม่ยอมรับหรอก

“คุณหนูใหญ่ย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เพราะพิษนี้ท่านเป็นคนวางเอง วางยาพิษศิษย์เรือนอวี๋และใส่ร้ายข้า!” จิ่วฟ่างพูดอย่างเดือดดาล

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท