จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 842 เหตุใดไม่ให้ข้าไปด้วย
ฮวาเชียนจั่นเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้ของนาง ก็ไม่กล้าล้อเล่นอีก “เมื่อครู่นี้ข้าพูดจาไร้สาระ อย่าโกรธไปเลย เจ้าก็ทำเหมือนกับว่าข้าเป็นผายลม ปล่อยข้าไปก็พอ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ก็แลกมาซึ่งการดูหมิ่นของบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา
นี่ยังเป็นเจ้าเมืองที่เย่อหยิ่งจองหอง คิดว่าตัวเองเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าคนนั้นของพวกเขาอีกหรือ ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าผู้หญิงคนนี้เช่นนี้ ช่างน่าอายหน้าจริงๆ
แต่ว่าทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไร ในเมื่อนางเป็นลูกสาวของเจ้าทะเล เช่นนั้นก็คือคุณหนูของเกาะเทียนหลงไม่ใช่หรือ บ่าวรับใช้อย่างพวกเขาย่อมไม่กล้าพูดอะไรอีก
หยุนถิงถึงได้หายโกรธ ถามออกมาอย่างราบเรียบประโยคหนึ่ง “เจ้าวางแผนจะขนสินค้าเหล่านี้ไปไหน?”
“ย่อมขนไปที่ถิ่นของข้าอยู่แล้ว น้ำปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์อย่าปล่อยให้ไหลเข้าที่นาคนอื่น ข้าได้แจ้งเขตทะเลไร้ขอบที่อยู่ในเขตอำนาจของข้าแล้ว อีกไม่ช้าอาหารรสเลิศเหล่านี้ก็จะเข้าสู่เขตทะเลไร้ขอบทั้งหมด ถึงเวลานั้นทุกคนล้วนกินสิ่งที่ข้าขาย นั่นจะเป็นเงินมากมายขนาดไหน” ฮวาเชียนจั่นกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ไม่เลว ต่อไปเจ้าก็มาขนเสบียงที่เมืองสือ รอให้เมืองสือสร้างเสร็จในภายหลัง สามารถจัดเก็บเสบียงได้ ตราบใดที่เจ้าไม่มีใจเป็นอื่น เราสามารถร่วมมือกันต่อไป อาหารของข้าไม่ได้มีเพียงเท่านี้!” หยุนถิงกล่าวอย่างราบเรียบ
“ได้เลย ไม่ง่ายกว่าที่จะได้ร่วมงานกับเจ้า นอกเสียจากว่าสมองข้าถูกลาถีบจนโง่เท่านั้น ข้าย่อมไม่ใจเป็นอื่นอยู่แล้ว” ฮวาเชียนจั่นกล่าวอย่างอวดดี
บรรดาลูกศิษย์ขนสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจากไปฮวาเชียนจั่นมองดูหยุนถิงครู่หนึ่ง
“เจ้าไม่อยากจะทำความรู้จักกับเขาจริงหรือ? ความจริงหลายปีมานี้เจ้าทะเลทนทุกข์ทรมานมาก ตอนนั้นเขาก็ถูกวางแผนทำร้ายไม่มีทางเลือก หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถจัดการให้พวกเจ้าได้พบกัน”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่อยากพบ” หยุนถิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะอะไร ตอนนั้นทำผิดต่อท่านแม่เช่นนั้น หลังจากนั้นท่านแม่ก็คลอดยากจนถึงแก่ชีวิต เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน สิ่งนี้ทำให้หยุนถิงไม่สามารถอภัยให้เขาได้
“ก็ได้ รอให้เจ้าคิดได้เมื่อไหร่ ค่อยบอกข้า แต่ว่าเกาะแห่งนี้เจ้าสร้างได้แปลกใหม่เฉพาะตัวจริงๆ ข้าชอบ” ฮวาเชียนจั่นถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หันหลังก็ขึ้นเรือไป
“การไปของพวกเจ้าในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“ทุกอย่างราบรื่นดี คนอื่นทำให้ข้าขุ่นเคืองข้าย่อมตอบแทนกลับไปเป็นร้อยเท่า” หยุนถิงเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์โดยสังเขป
หยุนหลีที่มาถึงพอดีก็ได้ยินเช่นกัน อดที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาไม่ได้ “สมกับที่เป็นพี่ใหญ่ข้า เจ๋งจริงๆ ทีนี้วี่รั่วยีคนนั้นอยากตายก็คงยากแล้ว”
“นางกล้าวางแผนทำร้ายท่านพี่ ข้าย่อมไม่ปล่อยนางไปง่ายๆอยู่แล้ว” หยุนถิงตอบ
“ในเมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปเถอะ เมื่อวานได้รับข่าวของเสี่ยวเหยียน นางบอกว่าคิดถึงพ่อแม่แล้ว!” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก
“ข่าวของเสี่ยวเหยียน รีบให้ข้าดูหน่อยเร็ว” หยุนถิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่จดหมาย เป็นอินทรีทอง นางให้อินทรีทองส่งข้อความถึงข้า” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึมลงมาในชั่วพริบตา “นังหนูที่ไม่มีมโนธรรมคนนี้ นางรู้จักให้อินทรีทองส่งข้อความให้เจ้า แต่ไม่รู้จักบอกข้าสักคำเลยหรือ”
หยุนถิงหัวเราะออกมาเบาๆ “นางอาจจะลืมไป”
“ลืมไป ข้าว่าในใจของนางไม่มีข้าเลยต่างหาก สำหรับนางแล้วโม่เหลิ่งเหยียนสำคัญกว่าข้ามากนัก” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความน้อยใจ
ว่ากันว่าลูกสาวคือแก้วตาดวงใจ เหตุใดแก้วตาดวงใจของเขาถูกคนอื่นเลื่อยขาเก้าอี้ซะล่ะ
“ฮ่าๆ ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน” โม่เหลิ่งเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ
หยุนหลีที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความตกตะลึง “ซวนอ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านยิ้ม เวลาท่านยิ้มช่างดูดีจริงๆ ดูดีมากกว่าตอนที่ท่านทำหน้าเคร่งขรึมเสียอีก”
สีหน้าของเสวี่ยเชียนโฉว เคร่งขรึมลงมาอย่างเห็นได้ชัด
นังหนูคนนี้ถึงขนาดต้องพูดเกินจริงเช่นนี้เลยหรือ ก็แค่ยิ้มไม่ใช่หรือ ใครทำไม่เป็นกัน
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนแข็งทื่อเล็กน้อย ชำเลืองไปทางเสวี่ยเชียนโฉวที่สีหน้าไม่น่าดูเล็กน้อย กล่าวให้ความร่วมมืออย่างหาได้ยาก “ตกลง ต่อไปข้าจะยิ้มให้มากๆ”
“ในเมื่อเสี่ยวเหยียนส่งข้อความมาแล้ว เช่นนั้นเราก็รีบกลับไปกันเถอะ” จวินหย่วนโยวเสนอแนะ
“ได้! ไปแจ้งศิษย์พี่จิ่วฟ่าง ให้เขาพาจิ่นฉิงไปด้วย” หยุนถิงคิดถึงลูกๆทั้งสองมากกว่าใครทั้งนั้น
“ขอรับ!”
ไม่นานนัก จิ่วฟ่างก็อุ้มจิ่นฉิงเดินออกมา ยายขุยติดตามมา สีหน้าของโอจื่อโฝวไม่พอใจเล็กน้อย
“ซื่อจื่อเฟย เหตุใดท่านถึงพาจิ่วฟ่างจากไปคนเดียว แต่ไม่ให้ข้าไปด้วย?”
“จิ่นฉิงยังต้องการการรักษาในระยะต่อไป ไปพร้อมกับข้าจึงสะดวกกว่า และข้าต้องการให้เจ้าอยู่ต่อ ช่วยข้าดูแลเมืองสือ ต่อไปเจ้าก็คือเจ้าเมืองของเมืองสือแห่งนี้ รับผิดชอบด้านการสื่อสารและสินค้าทั้งหมดของเมืองสือ” หยุนถิงอธิบาย
โอจื่อโฝวตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง “ท่าน ท่านจะให้ข้าเป็นเจ้าเมือง แถมยังจะให้ข้าดูแลของพวกนี้อีก ท่านไม่กลัวว่าข้าจะขนของพวกนี้หนีไป หรือไม่ก็ทรยศท่านหรือ?”
หลังจากผ่านหลายวันมานี้ โอจื่อโฝวรู้จักบ้านเรือนทั่วทั้งเกาะอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาหารเครื่องนุ่งห่มที่พักอาศัยอาวุธและอุปกรณ์มากมาย สิ่งเหล่านี้เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นมาก่อน สามารถพูดได้ว่ามีเงินก็หาซื้อไม่ได้ นางกลับมอบหมายให้ตนเองด้วยความไว้วางใจเช่นนี้
“อันคำว่าใช้คนอย่าระแวงหากจะระแวงก็อย่าไปใช้ ข้าเชื่อใจเจ้า และไม่มีใครรู้จักเขตทะเลไร้ขอบและเกาะเทียนหลงมากไปกว่าเจ้าแล้ว มอบหมายให้เจ้า ข้าวางใจมาก
ข้าจะทิ้งคนไว้ช่วยเจ้า ต่อไปเมืองสือเจ้าเป็นคนตัดสินใจ หากมีความต้องการอะไร ก็ให้คนส่งจดหมายให้ข้าโดยตรงก็พอ” หยุนถิงกล่าวอย่างจริงจังหนักแน่น สีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
โอจื่อโฝวตื่นเต้นไม่สิ้นสุด เบ้าตาแดงก่ำในชั่วพริบตา
เขาติดตามท่านอวี๋มาหกปี กลายเป็นศิษย์เอกของเขา สิ่งที่ได้กลับมาคือเขาวางยาพิษและลอบทำร้ายตัวเอง
แต่เขากับหยุนถิงรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน นางกลับยินดีมอบหมายอำนาจของเมืองให้กับตนเอง ความเชื่อใจและความจริงใจนี้ ทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างสุดซึ้ง
ในที่สุดก็มีคนให้ความสำคัญกับเขา และมีคนมองเห็นคุณค่าของตนเอง
“ท่านวางใจ ตราบใดที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็จะต้องปกป้องเมืองสือเป็นอย่างดีแน่นอน ไม่ยอมให้ผู้ใดมารุกรานเด็ด!” โอจื่อโฝวกล่าวด้วยความหนักแน่น
นี่คือคำมั่นสัญญาที่เขามีต่อหยุนถิง ยิ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่มีต่อตนเอง
“ข้าเชื่อเจ้า ห้องที่หกฝั่งซ้ายมือคือห้องยา ข้าเก็บยาโอสถเอาไว้ให้เจ้ามากมาย มีความต้องการอะไรไปที่นั่นก็พอ!” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ตกลง!”
มองดูพวกเขาจากไป จนกระทั่งเรือของพวกเขาหายลับไปในทะเล โอจื่อโฝวมองดูท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ยืนอยู่นานพักใหญ่จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในเมือง
นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะรับใช้เพียงหยุนถิงคนเดียวเท่านั้น
………………….
แคว้นต้าเยียน
วันนี้ โม่หลานไปเยี่ยมจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียน จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนขอร้องให้นางพาพวกเขาออกไปเล่น โม่หลานคิดดูแล้วก็คิดว่าไม่เป็นไร ก็เลยรับปาก
ฮูหยินเฒ่าฟู่ส่งองรักษ์ลับทั้งหมดปกป้องเด็กสองคนโดยเฉพาะ อย่างไรเสียหยุนถิงก็ฝากฝังพวกเขาเอาไว้ให้ตัวเอง จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
โม่หลานพาเด็กสองคนไปเดินตลาด จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนเดินไปด้วย ซื้อไปด้วย กินไปด้วย อย่าให้พูดเลยว่ามีความสุขแค่ไหน
เด็กน้อยสองคนในเวลานี้กำลังชูถังหูลู่ขึ้นมากิน โม่หลานพาพวกเขาเข้าไปที่ร้านขนมอบ แต่แล้วในตอนที่จวินเสี่ยวเทียนเข้าประตู ไม่ทันได้ระวังไปสะดุดธรณีประตูเข้า ถังหูลู่ที่อยู่ในมือลอยออกไปในพริบตา
บังเอิญ ถังหูลู่นั่นตกไปใส่เสื้อผ้าของเป่ยตันเสวี่ยพอดี
วันนี้นางออกจากจวนมาเดินเล่น รู้ว่าหลีอ๋องชอบกินขนมอบของร้านนี้ บังเอิญเดินเล่นมาถึงที่นี่ก็เลยเข้ามาซื้อ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาก็ถูกถังหูลู่หนึ่งไม้ทำให้ชุดกระโปรงเปรอะเปื้อน
“เด็กป่าเถื่อนจากไหนกัน ถึงกับมาทำให้เสื้อผ้าของหวางเฟยเราเปื้อน อยากตายหรือ?” สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว