จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 844 นังหนูอย่างเจ้าช่างกล้าคิดจริงๆ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 844 นังหนูอย่างเจ้าช่างกล้าคิดจริงๆ

และโม่หลานพาเด็กสองคนเดินจากไปไม่ไกลเท่าไหร่ ชาวบ้านที่อยู่บนท้องถนนต่างพากันนับถือโม่หลานอย่างยิ่ง

“แม่ทัพโม่เมื่อครู่นี้ท่านช่างหล่อเหลาจริงๆ องค์หญิงรองของแคว้นเป่ยลี่คนนั้นปฏิบัติตัวราวกับตัวเองสำคัญจริงๆ ถึงกับกล้ารังแกซื่อจื่อน้อย ท่านสั่งสอนได้สาแก่ใจมากจริงๆ” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

“แม่ทัพโม่ออกรบเพื่อแคว้นต้าเยียนของเรา นางที่เป็นสาวใช้ของแคว้นเป่ยลี่คนหนึ่งจะมาอวดดีเช่นนี้ได้หรือ สมน้ำหน้า”

“ล่วงเกินลูกชายของคุณหนูหยุน นั่นคือรนหาที่ตายเองไม่ใช่หรือ”

“คนของแคว้นเป่ยลี่ไม่ใช่คนดีสักคน ต่อไปเราต้องระวังกันหน่อยแล้ว”

ฟังคำสรรเสริญที่ชาวบ้านมีต่อตนเอง โม่หลานรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก “ทุกคนกล่าวถูกต้องแล้ว ตราบใดที่มีข้าอยู่ คนของแคว้นเป่ยลี่ก็อย่าคิดจะมากำเริบเสิบสานที่เมืองหลวงของต้าเยียนเรา”

“พี่โม่หลาน ข้าอยากฝึกวรยุทธกันท่าน” จวินเสี่ยวเทียนเอ่ยปาก

“เด็กโง่ พ่อแม่ของเจ้าส่งองครักษ์เงามังกรสอนพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ถึงแม้ข้าจะต่อสู้กับพวกเขา ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ ดังนั้นพวกเจ้าเรียนกับพวกเขาให้ดีๆ อนาคตเมื่อเติบโตแล้วหากต้องการจะเป็นทหาร สามารถมาหาข้าได้!” โม่หลานตอบ

จวินเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างแรง “ข้าจะเป็นแม่ทัพ”

“เจ้าหนูคนนี้มีปณิธานไม่น้อยนี่นา ไม่เลวๆ” โม่หลานกล่าวชม

“ข้าจะเป็นราชินี!” จวินเสี่ยวเหยียนเอ่ยปากตาม

โม่หลานหัวเราะออกมา “นังหนูน้อยอย่างเจ้าช่างกล้าคิดจริงๆ เหมือนหยุนถิงนี่นา”

ทั้งสามคนพูดคุยสนุกสนาน มุ่งหน้าไปที่หอใต้หล้า

ทางด้านนี้ เป่ยตันเสวี่ยกลับไปที่จวนหลีอ๋องด้วยความโกรธ ไม่ได้ไปหาหลีอ๋อง แต่กลับไปที่ลานของตนเองโดยตรง

โม่ฉือหานกลับมาจากพระราชวัง องครักษ์นายหนึ่งก็รีบมารายงานเรื่องที่หวางเฟยพบกับโม่หลานที่ถนนทันที

สีหน้าของโม่ฉือหานเย็นชาสุดขีด เส้นเลือดบนหน้าผากปูนขึ้นมารางๆ “เด็กสองคนนั้นไม่เป็นไรจริงหรือ?”

“เรียนท่านอ๋อง พวกเขามีโม่หลานคอยปกป้อง ไม่เป็นไร” องครักษ์วูเถียนตอบ ในใจกลับนึกสงสัยว่าทำไมท่านอ๋องไม่เป็นห่วงหวางเฟยก่อน แต่กลับเป็นห่วงลูกสองคนของหยุนถิง

“เจ้าส่งคนไปที่จวนเฉินอ๋อง บอกเฉินอ๋องว่าให้ดูแลหวางเฟยของเขาให้ดี มิเช่นนั้นครั้งหน้าข้าไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนโม่หลานแทนเขา!” โม่ฉือหานกล่าวอย่างเย็นชา

“ขอรับ” วูเถียนกำลังจะจากไป

“รอเดี๋ยวก่อน ให้คนไปบอกหวางเฟย ระยะนี้ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องออกไปเดินตลาดแล้ว!” เสียงที่เย็นยะเยือกของโม่ฉือหานดังมาอีกครั้ง

“ขอรับ!” วูเถียนรีบไปจัดการทันที

เป่ยตันเสวี่ยที่รออยู่ในลานของตัวเอง คำนวณเวลา ท่านอ๋องน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว ตัวเองถูกโม่หลานทำให้อับอายเช่นนี้ เขาจะต้องขอความเป็นธรรมเพื่อตัวเองอย่างแน่นอน

แต่แล้วก็เห็นองครักษ์นายหนึ่งขอเข้าพบ เป่ยตันเสวี่ยให้คนเข้ามา “มีเรื่องอะไร?”

“ท่านอ๋องบอกว่า ระยะนี้หากไม่มีธุระอะไรให้หวางเฟยอย่าไปเดินตลาด” องครักษ์กล่าวจบ หันหลังก็ถอยออกไป

สีหน้าของเป่ยตันเสวี่ยซีดขาวในชั่วพริบตา โกรธจนคว่ำโต๊ะน้ำชา และขว้างถ้วยชาลงพื้น น้ำชากระเซ็นไปทั่ว ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ

“นึกไม่ถึงว่าโม่ฉือหานจะไม่สนใจข้า เขาทำได้อย่างไร ข้าเป็นถึงชายาเอกที่ฮ่องเต้ต้าเยียนพระราชทานการแต่งงานให้กับเขา เขาไม่เพียงไม่ไปสั่งสอนโม่หลาน ขอความเป็นธรรมให้ข้า ถึงกับให้ข้าอย่าไปเดินตลาด?”

เป่ยตันเสวี่ยโกรธแค้นสุดขีด โกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว นี่ก็คือสามีของนาง นี่ก็คือคนที่นางแต่งงานด้วย

นาทีนี้ นางรู้สึกถึงเพียงความเยาะเย้ยถากถางและความอัปยศอดสูเท่านั้น

โม่ฉือหานปฏิบัติต่อตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร ทำได้อย่างไร

เฉินอ๋องแต่งงาน ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนต่างพากันไปแสดงความยินดี หอใต้หล้าก็ยิ่งจัดงานเลี้ยงให้เขาสามวัน เจ้าขุนมูลนายทั้งหมดก็ยิ่งไปแสดงความยินดี

แต่พอนางกับหลีอ๋องแต่งงานกัน หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไม่ได้มา ซวนอ๋อง จ้าวเคอ ฉินจิ้งอี๋ แม่ทัพหยุน กับซูชิงโยว แล้วก็คนทั้งกลุ่มไม่มีใครมาเลยสักคน

สองแคว้นแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ฝ่าบาทพระราชทานการแต่งงาน คนที่มามีเพียงขุนนางราชสำนักเหล่านั้น แม้แต่เฉินอ๋องก็ส่งเพียงของขวัญมาเท่านั้น งานแต่งงานเช่นนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก

และก็มีเพียงคืนวันแต่งงานเท่านั้น ที่หลีอ๋องเมาหนัก และร่วมหอกับเป่ยตันเสวี่ย วันรุ่งขึ้นเขาก็ย้ายไปที่ห้องหนังสือ

ตอนนี้เขาทำเช่นนี้ ช่างทำให้เป่ยตันเสวี่ยหงุดหงิดโมโห และโกรธแค้น

“องค์หญิง หลีอ๋องเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านเป็นหลีหวางเฟยของเขาเชียวนะ?” สาวใช้ลี่จูกล่าวอย่างเข้าข้างผู้ที่ไม่ได้รับความธรรม

“หุบปาก มันก็เป็นความผิดของเจ้าไม่ใช่หรือ หากไม่ใช่เจ้า ท่านอ๋องจะถึงกับรังเกียจข้าเช่นนี้หรือ” เป่ยตันเสวี่ยกล่าวด้วยความโกรธ ระบายความโกรธทั้งหมดไปที่ลี่จู

ด้านนอกลาน องครักษ์สองนายเข้ามา “ท่านอ๋องสั่งให้ข้าน้อยพาตัวลี่จูไป หวางเฟยโปรดอำนวยความสะดวกด้วย”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ลี่จูตกใจจนคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที “องค์หญิงช่วยบ่าวด้วย บ่าวผิดไปแล้ว ขอองค์หญิงโปรดช่วยบ่าวด้วย”

ถึงแม้เป่ยตันเสวี่ยจะโกรธ แต่อย่างไรเสียลี่จูก็เติบโตมาพร้อมกับนาง อย่างไรก็มีความผูกพัน

“ข้าจะคุยกับท่านอ๋องด้วยตัวเอง พวกเจ้าห้ามพาตัวลี่จูไป!”

“ท่านอ๋องบอกว่าสายในพระราชวังมารายงานว่า โม่หลานไปที่พระราชวังและขออาสานำทัพไปโจมตีแคว้นเป่ยลี่แล้ว หากไม่อยากให้สองแคว้นเปิดศึกกัน ขอองค์หญิงโปรดส่งคนออกมาด้วย!” องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยปาก

สีหน้าของเป่ยตันเสวี่ยไม่น่าดูสุดขีดในทันที เสียการทรงตัว คนทั้งคนเกือบจะล้มลงไป ถึงได้ตอบสนองกลับมา

นางมองดูลี่จูอย่างอาลัยอาวรณ์ครู่หนึ่ง “ลี่จู เจ้าอย่าโทษข้าเลย” กล่าวจบ ก็หันหลังไป

ลี่จูลนลานไปอย่างสิ้นเชิง “องค์หญิง บ่าวผิดไปแล้ว เป็นเพราะบ่าวสมควรตายเอง ขอองค์หญิงช่วยบ่าวด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้ว”

เป่ยตันเสวี่ยฟังการร้องขอความเมตตาของนาง ทั้งปวดใจและโศกเศร้า สุดท้ายก็ไม่ได้หันกลับมามองนาง

องครักษ์สองนายคุมตัวลี่จูจากไป และส่งไปที่ห้องหน้าสือโดยตรง

เมื่อลี่จูเห็นหลีอ๋อง ก็คุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นทันที “ขอท่านอ๋องปล่อยบ่าวไปเถอะ ต่อไปบ่าวไม่กล้าอีกแล้ว บ่าวผิดไปแล้ว”

สายตาของโม่ฉือหานเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้แย “เด็กสองคนนั้นไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถล่วงเกินได้ ปัญหาที่เจ้าก่อขึ้นมาเจ้าก็รับผิดชอบเอง ส่งไปที่จวนซื่อจื่อ!”

เขาไม่ได้เห็นโม่หลานอยู่ในสายตา แต่จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนเป็นลูกของหยุนถิง หยุนถิงเป็นคนเข้าข้างคนของตัวเองที่สุด หากรู้ว่าสาวใช้ของเป่ยตันเสวี่ยทำเช่นนี้ ต้องไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน

“ขอรับ!” องครักษ์สองนายกุมตัวคนจากไปทันที

โม่ฉือหานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หยิบภาพเหมือนภาพนั้นจากบนโต๊ะขึ้นมา นั่นคือหยุนถิงที่เขาวาดด้วยตัวเอง

ไม่เคยคิดมาก่อนว่า เขาที่เกลียดชังหยุนถิงอย่างยิ่งมาโดยตลอด วันหนึ่งก็จะถือภาพหยุนถิงขึ้นมามองอย่างตกในภวังค์ได้

“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าผิดต่อเจ้า วันนี้ถือว่าข้าให้คำอธิบายแก่เจ้าแล้ว!” เสียงที่เย็นยะเยือกของโม่ฉือหาน ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง

เวลาไม่เกินหนึ่งก้านธูป ลี่จูก็ถูกองครักษ์ของจวนหลีอ๋องโยนตัวไปที่หน้าประตูจวนซื่อจื่อ

เมื่อยามรักษาการณ์ที่อยู่หน้าประตูเห็น ก็รีบไปรายงานพ่อบ้านทันที

ฮูหยินเฒ่าฟู่ส่งองครักษ์ลับไปปกป้องเด็กสองคน ก่อนจากไปหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็ทิ้งองครักษ์เงามังกรเอาไว้สองสามนายเช่นกัน องครักษ์เงามังกรที่รับผิดชอบปกป้องอย่างลับๆกลับมารายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับพ่อบ้านนานแล้ว

พ่อบ้านโมโหไม่สิ้นสุด ถึงแม้โม่หลานไม่ได้ปล่อยให้ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยเสียเปรียบ แต่สาวใช้ข้างกายของเป่ยตันเสวี่ยรนหาที่ตายเช่นนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด

พ่อบ้านกำลังคิดอยู่ว่าจะจับคนมาอย่างไรโดยที่ไม่ทำให้หลีอ๋องแตกตื่น แต่แล้วก็ได้ยินว่าหลีอ๋องส่งคนมาแล้ว ก็รีบออกมาตรวจสอบทันที

“พ่อบ้าน นางนี่แหละที่ทำให้ซื่อจื่อน้อยอับอาย เกือบจะทำให้จวิ้นจู่น้อยล้ม” องครักษ์เงามังกรนายหนึ่งกระซิบ

“พาตัวไป ให้การต้อนรับอย่างดี กล้าทำให้ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยอับอาย รนหาที่ตาย!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท