จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 861 เหตุใดเจ้าถึงวางยาพิษคิดร้ายข้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่861 เหตุใดเจ้าถึงวางยาพิษคิดร้ายข้า

พระราชวังต้าเยียน

ตำหนักฮองเฮา คืนนี้ ฮองเฮามีอาการแน่นหน้าอก อึดอัดมากจนตื่นคลื่นไส้ในกลางดึก

สาวรับใช้รีบเดินมา “เหนียงเหนียง บ่าวไปเชิญหมอหลวงมาให้ท่านเพคะ?”

ฮองเฮาส่ายหัว “ไม่ต้อง ข้าเป็นเช่นนี้ทุกวัน หมอหลวงมาก็แค่เบิกยาสงบครรภ์เท่านั้น ซื่อจื่อเฟยบอกแล้วว่าลูกของข้ายังเล็ก กินยาพวกนั้นไม่ได้”

“งั้นท่านดื่มน้ำหน่อยเพคะ” เย้นสี่รีบยกถ้วยชามาทันที

ฮองเฮาเอื้อมมือไปรับ จิบไปสองจิบ และรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็อาเจียนอีก อึดอัดยิ่งนัก

“เหนียงเหนียง บ่าวเอาลูกพลัมมาให้ท่าน ปกติท่านเสวยลูกพลัมไปสักสองสามลูกก็จะสบายขึ้นหน่อย” เย้นสี่กล่าว

“อืม!” ฮองเฮาพยักหน้า

เย้นสี่รีบออกไป แต่ค้นหาไปทั่วห้องครัวก็ไม่เห็นลูกพลัมพวกนั้น ปกติจูเอ๋อร์เป็นคนดูแลลูกพลัม คืนนี้จูเอ๋อร์ออกวังไป ดังนั้นเย้นสี่จึงต้องไปเอาที่ห้องพระเครื่องต้น

หลังจากนั้นไม่นาน เย้นสี่ก็กลับมาพร้อมกับตะกร้าลูกพลัม “เหนียงเหนียง ฝ่าบาททรงสั่งให้หลังครัวเตรียมลูกพลัมที่สดใหม่ที่สุดไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลย ท่านรีบเสวยสักสองสามลูกเพคะ”

ฮองเฮาเสวยลูกพลัมหลายลูกติดต่อกัน จากนั้นก็ดีขึ้นเล็กน้อย ลิ้มรสลูกพลัมในปาก นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทำไมนางถึงรู้สึกว่า มันแตกต่างจากที่จูเอ๋อร์เอามาในปกติ เหมือนว่าอันนี้จะเปรี้ยวกว่า

“เย้นสี่ ลูกพลัมนี้เจ้าเอาจากไหนมา?” ฮองเฮาถาม

“ทูลเหนียงเหนียง บ่าวไปหาในห้องครัวไม่ดี ดังนั้นจึงไปที่หลังครัวของห้องพระเครื่องต้น ขันทีน้อยบอกว่าพึ่งเอามาใหม่ในคืนนี้ พึ่งถึงได้หนึ่งชั่วยาม” เย้นสี่ตอบ

ฮองเฮาคิดว่าอาจเป็นเพราะเป็นของที่พึ่งเอามาใหม่ถึงได้เปรี้ยวเยี่ยงนี้ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก

หลังจากรุ่งสาง จูเอ๋อร์เข้าวังมา เห็นบนโต๊ะของฮองเฮามีลูกพลัม ถามเย้นสี่ว่าเกิดอะไรขึ้น และให้คนเปลี่ยนลูกพลัมนั้นไปทันที

เมื่อฮองเฮาเสวยอีกที ลูกพลัมนั้นก็มีรสหวานกว่าเดิมเล็กน้อย

แต่ลูกพลัมที่จูเอ๋อร์นำมาให้ในทุกครั้งนั้นล้วนหวานกว่าที่เย้นสี่นำกลับมาในคืนนั้น เหมือนว่าหลังกินลูกพลัมไปแล้ว ฮองเฮาก็ไม่รู้สึกอึดอัดขนาดนั้นแล้ว

ฮองเฮาก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีกุศโลบาย ทันใดนั้นก็ให้คนจับตามองจูเอ๋อร์ไว้เลย ลูกพลัมชนิดเดียวกันแต่รสชาติกลับแตกต่างกัน ต้องมีอะไรผิดปกติแน่

เหมือนที่คาดเดาเอาไว้ สามวันต่อมาก็ถูกคนพบว่าจูเอ๋อร์วางยาพิษในลูกพลัม

ฮองเฮาก็สั่งให้คนจับกุมตัวจูเอ๋อร์ไว้ทันที “ข้ารู้สึกว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่เลวนัก เจ้าอยู่กับข้ามาหลายปี จากตำหนักเย็นจนถึงวังหลังในปัจจุบัน เหตุใดเจ้าถึงวางยาพิษคิดร้ายข้า?”

จูเอ๋อร์คุกเข่าลงทันที และร้องขอความเมตตา “เหนียงเหนียงท่านเข้าใจบ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจงรักภักดีต่อท่านยิ่งนัก จะวางยาพิษในลูกพลัมได้อย่างไร?”

“เด็กๆ ไปเชิญหมอหลวงหลิว!” ฮองเฮาทำเสียงเชอะ

องครักษ์ไปเชิญทันที และในไม่ช้าก็พาหมอหลวงหลิวมา หมอหลวงหลิวทำความเคารพต่อฮองเฮา “ถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง!”

“ไม่ต้องพิธีรีตอง หมอหลวงหลิวเจ้าดูลูกพลัมนี้ ถูกคนวางยาพิษหรือไม่?” ฮองเฮากล่าว

เย้นสี่ที่ตื่นตระหนกเกินไป จึงค่อยได้สติและยกลูกพลัมถาดนั้นมาทันที

หมอหลวงหลิวรีบหยิบเข็มเงินออกมาและลองไปหลายครั้ง แต่เข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี

จูเอ๋อร์แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เหนียงเหนียง ท่านเป็นเจ้านายของบ่าว บ่าวจะคิดร้ายท่านได้อย่างไรกันเพคะ”

“แล้วเจ้าใส่อะไรลงไปในลูกพลัม?” ฮองเฮาถามอย่างเย็นชา

“นั่นเป็นน้ำตาลไอซิ่ง ลูกพลัมเปรี้ยวเกินไป บ่าวจึงแช่ลูกพลัมเหล่านี้ไว้ในน้ำตาล เช่นนี้เมื่อเหนียงเหนียงทานแล้วก็จะไม่เปรี้ยวขนาดนั้น” จูเอ๋อร์อธิบาย

หมอหลวงหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหนียงเหนียง จู่ๆกระหม่อมก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ซื่อจื่อเฟยได้มอบกระดาษลิตมัสหนึ่งให้กับกระหม่อม ซึ่งใช้ตรวจหาพิษโดยเฉพาะ ใช้กับสิ่งที่เข็มเงินตรวจไม่ออกโดยเฉพาะเลย”

“ตรวจทันที!” ฮองเฮาทำเสียงเชอะ เหลือบมองจูเอ๋อร์ก็เห็นความตื่นตระหนกที่แวบผ่านในดวงตาของนางพอดี และก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก

“เหนียงเหนียง ของของซื่อจื่อเฟก็ไม่ใช่จะมีประโยชน์ทุกอย่างไป บางทีนางอาจไม่ชอบบ่าวใส่ร้ายบ่าวก็ได้เพคะ?” จูเอ๋อร์รีบหาข้อแก้ตัว

“นางเป็นถึงซื่อจื่อเฟย จะใส่ร้ายเจ้างั้นหรือ?” ฮองเฮาถามกลับอย่างเย็นชา

ประโยคนี้ ก็เท่ากับที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง แม้แต่คนรับใช้ในวังหลังก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้

(ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง=อยากเก็บซ่อนเรื่องเรื่องหนึ่งเอาไว้ แต่สุดท้ายกลับเป็นคนที่ทำให้มันเปิดเผยออกมา)

จูเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไป และกำลังคิดอยู่ว่าจะรับมือกับมันอย่างไร

หมอหลวงหลิวก็เอากระดาษลิตมัสออกมาตรวจ และกระดาษลิตมัสนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

“เหนียงเหนียง นี่เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ซื่อจื่อเฟยเคยบอกกับกระหม่อมว่า หากเป็นสีแดงก็แสดงว่าเป็นพิษร้ายแรง และหากเป็นสีน้ำเงินก็แสดงว่าเป็นพิษที่ออกฤทธิ์ช้า!” หมอหลวงหลิวรีบรายงาน

สีหน้าของฮองเฮาเย็นยะเยือกในทันที “จูเอ๋อร์ เจ้ากล้าวางยาพิษให้ข้า ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”

จูเอ๋อร์รู้ว่าตัวเองไม่สามารถปกปิดอีกได้แล้ว ไม่มีความถ่อมตนและตื่นตระหนกเหมือนในเมื่อครู่ แต่กลับลุกขึ้นยืนอย่างสงบ

“ถูกต้อง ข้าเองที่วางยาพิษให้ท่าน ยาพิษนี้เจาะจงกับทารกในครรภ์ท่าน หากไม่มียาถอนพิษ ลูกชายของท่านเกิดมาก็จะโง่เขลาและพิการ!” จูเอ๋อร์ทำเสียงเชอะ

ฮองเฮาโกรธมาก “มอบยาถอนพิษมา มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น!”

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่าขู่ข้าไปเลย หากข้าตายไป เด็กในท้องของท่านก็จบจริงแล้ว หากเหนียงเหนียงอยากได้ลูกคนนี้ ก็ให้พวกเขาออกไปให้หมด ข้าอยากพูดคุยกับเหนียงเหนียงตามลำพัง!” จูเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม

หลายปีฮองเฮาก็ไม่ท้อง แต่ในที่สุดนางก็ท้องสักที นี่เป็นลูกคนแรกของนาง จูเอ๋อร์คาดการณ์ได้ว่านางจะต้องตอบตกลง

ฮองเฮาโกรธจนหน้าซีด เพราะโกรธมากเกินไป ก็รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมา คราวนี้นางรู้สึกถึงความปวดท้องที่รุนแรงนี้ได้อย่างชัดเจน และจับท้องไว้โดยไม่รู้ตัว

“เหนียงเหนียง เป็นอะไรไป จูเอ๋อร์เจ้าทำเช่นนี้กับเหนียงเหนียงได้อย่างไร?” เย้นสี่พูดอย่างเป็นทุกข์

“ออกไป พวกเจ้าออกไปให้หมด!” ฮองเฮาคำรามด้วยความโกรธ

ทำเอาทุกคนตกใจกลัวจนออกไปกันหมด ห้องบรรทมขนาดใหญ่เหลือเพียงฮองเฮากับจูเอ๋อร์

“ตอนนี้บอกได้หรือยัง เจ้าอยากได้อะไรกันแน่?” ฮองเฮาจ้องมองโดยความโกรธ

“ข้าแค่ต้องการให้เหนียงเหนียงฆ่าซื่อจื่อเฟยทิ้ง ยาพิษขวดนี้ไร้สีและไร้กลิ่น ขอแค่ซื่อจื่อเฟยกินลงไป ต่อให้เป็นเทวดาก็ช่วยนางไม่ได้” จูเอ๋อร์หยิบขวดยาหนึ่งออกมาจากอกและยื่นมา

ฮองเฮายื่นมือออกไปตีแจกันหก “ข้าจะไม่มีวันทำร้ายซื่อจื่อเฟย หากไม่มีนาง ก็ไม่มีข้าในวันนี้!”

“หรือว่าในใจของเหนียงเหนียง ซื่อจื่อเฟยสำคัญกว่าสายเลือดของตัวเองหรือ?” จูเอ๋อร์ถามกลับ

ฮองเฮาจ้องมองนางด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าถึงต้องการทำร้ายซื่อจื่อเฟย นางไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกันกับเจ้า?”

“เรื่องนี้ก็ไม่รบกวนเหนียงเหนียงมาคิดหนักแล้ว ยาพิษข้าวางไว้นี่ เหนียงเหนียงพิจารณาเอง หากอยู่มากไปหนึ่งวัน พิษในร่างกายของท่านก็จะทำร้ายเด็กมากกว่านี้ ลูกแท้ๆกับซื่อจื่อเฟย ท่านเลือกเองเถอะ” จูเอ๋อร์วางขวดยาลง หันหลังกลับและเดินออกไป

ฮองเฮากัดฟันด้วยความแค้น และตบลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ อาการปวดท้องอย่างรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง เย้นสี่และหมอหลวงหลิวที่อยู่นอกประตูเห็นจูเอ๋อร์ออกไป ก็รีบเข้ามา

“เหนียงเหนียง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” เย้นสี่พูดด้วยความเป็นห่วง

หมอหลวงหลิวรีบทำการฝังเข็มให้ฮองเฮา “เหนียงเหนียง ตอนนี้ร่างกายของท่านอ่อนแอมาก ไม่ควรโกรธ มิฉะนั้นมีแต่จะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์”

หลังผ่านไปหนึ่งก้าน ฮองเฮาจึงค่อยดีขึ้นหน่อย “ตามคำสั่งของข้า เรื่องในคืนนี้ห้ามใครพูดออกไปเด็ดขาด หากถูกแพร่ไหลออกไป ข้าจะประหารเก้าชั่วโคตรของคนคนนั้น!”

“เพคะ พ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนกลัวแทบตาย ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดไปมั่ว

สีหน้าของหมอหลวงหลิวตึงขึ้นเล็กน้อย ฮองเฮาถูกพิษนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กเลย และเป็นเขาที่ทำการตรวจรักษาให้ฮองเฮามาโดยตลอด หากเกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทจะไม่ปล่อยเขาไปคนแรกเลย แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่แล้ว?

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท