จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 870 อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่870 อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต

“อย่าหุนหันพลันแล่น ในเมื่อพวกเขาล้อมพวกข้าไว้และไม่ทำอะไรพวกข้า ก็แสดงว่าเซียวหลันยังไม่อยากหักหน้าอย่างเปิดเผยกับพวกข้า หากตอนนี้สามารถติดต่อผู้อาวุโสของเกาะเทียนหลงได้ก็ดีแล้ว” วี่รั่วฉิงพูดห้าม

“แต่ที่สำคัญคือพวกข้าออกไปไม่ได้นะสิ” วี่หนานเสวียนทำหน้าโกรธเคืองยิ่งนัก

“ข้ามีวิธี” วี่รั่วยีที่อยู่บนเตียงพูดอย่างอ่อนแรง

“พี่ใหญ่ เจ้ามีวิธีอะไร?” วี่หนานเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ

“ในลานของข้ามีหญ้าชิงเหอปลูกเอาไว้ เมื่อสัมผัสกับน้ำหญ้าเหล่านั้นก็จะส่งกลิ่นหอมจางๆหนึ่ง หากคนดมเป็นเวลานานก็จะเป็นลมไป” วี่รั่วยีตอบ

วี่หนานเสวียนมองออกไปที่นอกหน้าต่างทันที “พี่ใหญ่ เจ้าล้อเล่นข้าหรือ ตอนนี้ข้างนอกฟ้าโปร่งใสยิ่งนัก ฝนจะตกได้อย่างไร?”

“ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องให้เจ้าช่วยเหลือแล้ว” วี่รั่วยีกล่าว

“หมายความว่าอย่างไร?” วี่หนานเสวียนงงงวย

วี่รั่วฉิงยิ้มและมองดูเขา “เมื่อครู่ข้าเข้ามา เห็นที่ลานของพี่ใหญ่มีโอ่งใบใหญ่ ด้านในมีน้ำเต็ม เจ้าเสียสละตัวเองสักหน่อยละกัน”

“พี่รอง ข้าเป็นคุณชายน้องแห่งเกาะเทียนหลงนะ เจ้าให้ข้าทำเรื่องที่ปัญญาอ่อนเช่นนี้?”

“หรือเจ้าจะให้ข้าไป หรือให้พี่ใหญ่ไป หากพวกข้าถูกเซียวหลันแอบคิดร้าย เจ้ายังจะไปมีประโยชน์อะไร” วี่รั่วฉิงโต้กลับ

วี่หนานเสวียนคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผลดี “ถ้าอย่างนั้นข้าก็เสียสละหน่อยละกัน” จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

ผู้เฝ้าพิทักษ์นอกประตูเห็นเขาออกมา ก็ทำความเคารพ “คำนับคุณชายน้อย ฮูหยินมีคำสั่ง คุณชายน้อยออกจากที่นี่ไม่ได้”

“เจ้าตาบอดหรือ ตาข้างไหนของเจ้าที่เห็นข้าจะออกไป เมื่อกี้ว่านซินบอกว่าท่านแม่หาข้า ข้ายังไม่เต็มใจที่จะไปเลย” วี่หนานเสวียนแสร้งทำเป็นโกรธและรีบวิ่งไปที่โอ่งน้ำแล้วกระโดดเข้าไปโดยตรง

ฉากนี้ เกิดขึ้นในพริบตา เหล่าผู้เฝ้าพิทักษ์ต่างก็ตกตะลึงกันหมด

“คุณชายน้อย ที่ท่าน?”

“ข้าร้อน อาบน้ำหน่อยไม่ได้หรือไง” วี่หนานเสวียนทำเสียงเชอะอย่างไม่พอใจ

เหล่าผู้เฝ้าพิทักษ์ต่างก็หมดคำพูดในทันที แต่ก็รู้ดีว่าปกติวี่หนานเสวียนก็เป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง ดังนั้นทำเรื่องที่เกินไปเช่นนี้ออกมา ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจ

ฮูหยินสั่งไว้เพียงว่า ห้ามให้พวกเขาออกจากลานก็พอ ส่วนจะทำอะไร พวกเขาไม่สน

วี่หนานเสวียนแช่ลงในโอ่งทั้งตัว ร่างกายเต็มไปด้วยน้ำ จากนั้นจึงค่อยออกมาแล้ววิ่งไปรอบๆลาน

ผู้เฝ้าพิทักษ์ไม่อยากมองเลย คุณชายน้อยนี้คงบ้าไปแล้วมั้ง

ส่วนวี่รั่วฉิงในห้องเห็นวี่หนานเสวียนตัวเปียกโชกและวิ่งบ้าคลั่งไปในรอบๆลาน และยังจงใจเข้าใกล้หญ้าชิงเหอในลานแล้วสะบัดน้ำบนตัวอย่างแรง หากไม่ใช่เป็นเพราะรู้ว่าหญ้าชิงเหอต้องโดนน้ำถึงจะส่งกลิ่นหอมจางๆออกมา นางเองก็นึกว่าวี่หนานเสวียนบ้าไปแล้ว

วี่หนานเสวียนวิ่งได้พอสมควรแล้ว ก็กระโดดเข้าโอ่ง ตัวเปียกโชก และวิ่งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำอย่างงี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวิ่งไม่ไหวแล้ว

“คุณชายน้อยท่านเป็นไรหรือเปล่า ให้ข้าน้อยไปเชิญหมอให้ท่านหรือไม่?” ผู้เฝ้าพิทักษ์คนหนึ่งหยั่งถามดู

“ข้าไม่ได้ป่วย ก็แค่ว่างไม่มีไรทำ อยู่ในห้องสามวันแล้วรู้สึกอึดอัด จึงออกมาระบาย” วี่หนานเสวียนทิ้งประโยคนี้ไว้ หันหลังและเข้าห้องไป

“หนานเสวียนลำบากเจ้าแล้ว รีบไปเปลี่ยนเสื้อที่เปียกทิ้งซะ” วี่รั่วฉิงพูดอย่างเป็นห่วง

วี่หนานเสวียนถอดเสื้อออกทันที ถอดเสร็จก็ค่อยนึกได้ว่านี่เป็นลานของพี่ใหญ่ ไม่มีเสื้อของเขา ดังนั้นเขาจึงเรียกผู้เฝ้าพิทักษ์คนหนึ่งไปเอาเสื้อให้ตัวเองทันที

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว วี่หนานเสวียนก็นอนลงบนตั่งนอนอย่างเหนื่อยล้า “เหนื่อยยิ่งนัก นี่ไม่ใช่งานที่คนทำจริงๆเลย”

“รีบพัก” วี่รั่วฉิงก็หาที่หนึ่งแล้วนั่งลง ตอนนี้ทำได้เพียงรอ

ในช่วงกลางดึก ผู้เฝ้าพิทักษ์ที่ยืนอยู่ในลานก็ล้มลงทีละคน จนกระทั่งคนสุดท้ายล้มลง วี่รั่วฉิงก็ออกไปทันที

“เฮ้ ตื่น ตื่น!” นางถามอย่างหยั่งเชิง แต่ผู้เฝ้าพิทักษ์ที่นอนอยู่บนพื้นไม่มีการตอบสนองใดๆเลย

นางรีบกลับไปที่ห้อง และปลุกวี่หนานเสวียนตื่น “คนพวกนั้นล้มลงหมดแล้ว พวกข้ารีบจากไป”

วี่หนานเสวียนที่มึนงงรีบอุ้มวี่รั่วยีขึ้นมาทันที สามพี่น้องก็รีบออกไป

เพียงแต่ว่าพวกเขาพึ่งออกลานมา ก็เจอกับคนคนหนึ่งทันที

จั๋วยีจับตามองอยู่นอกลานมาโดยตลอด เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฮูหยินถึงได้ส่งคนไปกักขังคุณหนูใหญ่ และยังไม่ให้เขาเข้าไปยุ่ง ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่ข้างนอกอยู่ตลอด

“คุณหนูใหญ่ พวกท่านจะไปไหน เหตุใดฮูหยินถึงกักขังพวกท่าน?”

สีหน้าของวี่รั่วฉิงเย็นลง มือไปจับยาพิษข้างเอว เตรียมที่จะออกมือทุกเมื่อ

“จั๋วยี ฮูหยินเจ้าทะเลคนปัจจุบันนี้ไม่ใช่แม่ของข้า แต่เป็นเซียวหลันปลอมตัว น้องรองรู้ความลับของนาง นางเลยโยนรั่วฉิงลงในทะเล ตอนนี้รั่วฉิงหนีกลับมาบอกความจริงกับพวกข้า ดังนั้นจึงถูกเซียวหลันกักขัง จั๋วยีหากเจ้าขวางข้า อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต!” วี่รั่วยีทำเสียงเชอะ

จั๋วยีตกตะลึง “เป็นอย่างงี้ได้อย่างไร?”

“นี่คือความจริง เซียวหลันจะฆ่าพวกข้าปิดปาก จั๋วยีหากเจ้ากล้าเป็นขี้ข้าของนาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่” วี่หนานเสวียนพูดด้วยความโกรธ

“แน่แล้ว มีคนมา พวกข้ารีบจากไปเร็ว” สีหน้าของวี่รั่วฉิงตึงเครียดเล็กน้อย

“พวกท่านตามข้ามา ข้าพาพวกท่านจากไป” จั๋วยีหันหลังกลับและจากไป เขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก พาคุณหนูใหญ่พวกเขาไปที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“พี่ใหญ่ นี่—–”

“ข้าเชื่อใจจั๋วยี ตามเขาไป” วี่รั่วยีกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าตอนนี้ตัวเองคงกลายเป็นศพในหลังเขาแล้ว

วี่หนานเสวียนและคนอื่นๆเดินตามจั๋วยีไปทันที แต่เมื่อพวกเขาไปถึงทางออกของหลังเขา ก็ถูกหน่วยกล้าตายหลายร้อยคนล้อมรอบเอาไว้

“จั๋วยี เจ้ากล้าทรยศฮูหยินงั้นหรือ?” หน่วยกล้าตายที่นำหน้าทำเสียงเชอะ

“ซวยยิ่งนัก ตอนนี้ควรทำอย่างไร?” วี่หนานเสวียนตกใจกลัวยิ่งนัก คนเยอะเช่นนี้ เขาสู้ไม่ไหว

“ยังไงก็ตาย ฝ่าเส้นทางสายเลือดสู่เส้นทางชีวิตใหม่” วี่รั่วฉิงชักดาบสั้นข้างเอวออกมา และเริ่มต่อสู้กับหน่วยกล้าตายเหล่านั้น

จั๋วยีก็ชักดาบ และต่อสู้กับพวกเขา แต่ก็ปกป้องวี่รั่วยีไว้ข้างหลังเขาโดยไม่รู้ตัว

ปกติวี่หนานเสวียนก็เอ้อระเหยลอยชาย วรยุทธก็ไม่ได้สูงมาก ขณะนี้ก็อุ้มวี่รั่วยีไว้อีกด้วย จึงทำได้เพียงหลบหนี มองดูดาบยาวที่ฟานมาทางเขา ก็กรีดร้องโหยหวนด้วยความตกใจกลัว

จั๋วยีได้ยินเช่นนี้ ก็รีบไปช่วยทันที เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณหนูใหญ่

ในไม่ไกล เซียวหลันยืนอยู่ครึ่งขุนเขาของหลังเขา มองดูฉากนี้อย่างเย็นชา

“ฮูหยิน จะฆ่าพวกเขาจริงหรือ?” ว่านซินคนไว้เนื้อเชื่อใจถาม

“ในเมื่อพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว แน่นอนว่าก็จะเก็บพวกเขาไว้ไม่ได้ ไม่ใช่พวกเขาตายก็คือข้าถูกเปิดโปง และข้าก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายทุกสิ่งที่ข้าได้มาอย่างยากลำบากนี้ไม่ได้เด็ดขาด” ระหว่างคิ้วของเซียวหลันมีความโหดเหี้ยมและเย็นชา คำที่พูดออกมาไร้ความปรานียิ่งนัก

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งเข้ามา “ฮูหยิน ฮวาเชียนจั่นขอพบ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะมารายงาน”

เซียวหลันขมวดคิ้ว “เขามาทำอะไร ว่านซินเจ้าเฝ้าดูอยู่ที่นี่ ข้าไปดูหน่อย”

“เจ้าค่ะ!” ว่านซินรับคำสั่ง

เซียวหลันตามผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นไปทันที ว่านซินมองดูด้านล่างเห็นวี่รั่วฉิงกับจั๋วยีได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ก็ยังต่อสู้กับความเป็นความตายอยู่ ก็รู้สึกใจอ่อนทำไม่ลงเล็กน้อย

“อ๊าก!” วี่หนานเสวียนกรีดร้องอย่างเวทนา มงกุฎทองบนหัวถูกหน่วยกล้าตายคนหนึ่งตัดออก ทำเอาเขาตกใจกลัวจนล้มลงกับพื้น และวี่รั่วยีที่เขาอุ้มไว้ก็ถูกโยนออกไป

เดิมทีวี่รั่วยีที่ยังคงมีบาดแผลที่ดีบนร่างกายนั้น จู่ๆก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง เจ็บจนนางขมวดคิ้ว และน้ำตาก็ไหลออกมา

ในที่ลับ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมองดูฉากนี้อย่างเย็นชา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่นิด

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท