จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 871 ปล่อยให้เจ้าหนาว ข้าปวดใจ
“ถิงเอ๋อร์ ดึกดื่นค่ำคืนไม่หลับไม่นอน เจ้าให้ข้ามาดูพวกเขาต่อสู้กันหรือ?” จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว
“นอนน่าเบื่อจะตาย ดูว่าวี่รั่วยีจะตายอย่างไรมันจะไม่น่าสนุกกว่าหรือ ใครใช้ให้นางอยากได้ตัวท่านกัน” หยุนถิงเบะปาก
“ได้ ข้าไปดูพร้อมกับเจ้า”
ไม่ไกลออกไป กระบี่ที่อยู่ในมือขององครักษ์กล้าตายคนหนึ่งฟันมาทางวี่รั่วยี
มองดูกระบี่แหลมคมนั่นกำลังจะแทงมาทางตนเอง วี่รั่วยีตกใจจนสีหน้าซีดขาว กรีดร้องออกมา
เมื่อจั๋วยีได้ยินเสียง และหันกลับมาเห็นคนต้องการจะฆ่าคุณหนูใหญ่ เขาไม่มีเวลาคิดมาก ใช้เท้าเตะองครักษ์กล้าตายที่ต่อสู้กับเขาออกไปอย่างแรง หันหลังก็วิ่งเข้าไป
กระบี่ของจั๋วยีขวางกระบี่ขององครักษ์กล้าตายที่ฟันเข้าไปพอดี สายตาเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา กระบี่ที่อยู่ในมือแทงไปทางหน้าอกของคนคนนั้น
องครักษ์กล้าตายเสียชีวิตทันที แต่องครักษ์กล้าตายที่อยู่ด้านข้างหาจังหวะเวลา หนึ่งกระบี่แทงทะลุแผ่นหลังของจั๋วยีจากด้านหลัง กระบี่ยาวแทงทะลุหน้าอกโดยตรง
“อ๊า!” จั๋วยีครางเสียงเบา มองไปทางหน้าอกของตัวเองโดยสัญชาตญาณ ปลายกระบี่ของกระบี่ยาวแทงทะลุร่างกายของเขาแล้ว
วี่รั่วยีก็ยิ่งตกใจจนเบิกตากว้าง ลืมที่จะตอบสนองไปแล้ว
“คุณหนูใหญ่ ต่อไปข้าไม่สามารถปกป้องท่านได้อีกแล้ว” จั๋วยีพูดประโยคนี้จบ ก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ไม่ จั๋วยี ไม่นะ!” วี่รั่วยีตะโกนเสียงดัง เป็นห่วงและกังวลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
องครักษ์กล้าตายชักกระบี่ออก เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดไปบนใบหน้าของวี่รั่วยีพอดี
อุณหภูมิของเลือดนั่นราวกับของเหลวที่ร้อนผ่าว เผาไหม้ใบหน้าของนาง ยิ่งแผดเผาหัวใจของนาง
วี่รั่วยีมองดูจั๋วยีล้มลงไปกับพื้นกับตาตัวเอง และสายตาของเขากลับมองมาทางตนเองตลอด จั๋วยีอยากจะพูดอะไร แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ คนทั้งคนสิ้นลมหายใจอยู่กับพื้น
“จั๋วยี!” วี่รั่วยีตะโกนออกมา ต้องการจะพุ่งเข้ามา แต่ทั้งร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
นางทนต่อความเจ็บปวดค่อยๆคลานเข้ามา จั๋วยีเป็นคนเดียวในโลกใบนี้ที่ดีต่อนาง
เขาหลบอยู่ในความมืดให้ความสนใจตัวเองเงียบๆมาโดยตลอด วี่รั่วยีกลับไม่เคยใส่ใจมาก่อน เพราะองครักษ์คนหนึ่งไม่มีทางเข้าตาของนาง
ตอนนี้นางกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ คนที่ช่วยตัวเองก็คือเขา คนที่ช่วยรับกระบี่แทนนางก็เป็นเขาเช่นกัน
จู่ๆวี่รั่วยีก็คำรามด้วยความเจ็บปวด เพราะใช้แรงมากเกินไปก็เลยสะเทือนไปถึงบาดแผลที่อยู่บนแก้ม นางเจ็บจนสีหน้าซีดขาว แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ได้แต่มองดูจั๋วยีสิ้นลมไปอย่างนั้น
“พี่ใหญ่ระวัง!” วี่รั่วชิงมองดูองครักษ์กล้าตายสองคนจู่โจมไปทางวี่รั่วยีอีกครั้ง นางต้องการจะพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกองครักษ์กล้าตายพัวพันอยู่ ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้เลย
วี่หนานเสวียนที่ขี้ขลาดและหวาดกลัว มีแต่หลบหลีกมาโดยตลอดจู่ๆก็พุ่งเข้าไปกะทันหัน รับกระบี่สองเล่มนั้นแทนวี่รั่วยี
กระบี่ยาวสองเล่มนั้นฟันไปที่แผ่นหลังของวี่หนานเสวียน ชุดคลุมสีขาวของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงในชั่วพริบตา
“หนานเสวียน ไม่!” วี่รั่วยีตะโกนเสียงดัง เจ็บปวดใจสุดขีด
นาทีนี้วี่รั่วยีรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์จริงๆ มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย
“พี่ใหญ่ ข้า ข้าไม่เป็นอะไร!” วี่หนานเสวียนฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างยากลำบาก จากนั้นคนทั้งคนก็ล้มลงไปกับพื้น
“หนานเสวียน!” วี่รั่วชิงยิ่งรู้สึกเอ็นดูสงสาร ถึงแม้นางจะมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่เลว แต่องครักษ์กล้าตายเหล่านี้ก็ไม่ได้กระจอก ถูกพัวพันจนไม่สามารถปลีกตัวได้เลย
วี่รั่วชิงไม่ทันได้ระวัง แขนก็ถูกองครักษ์กล้าตายแทงจนบาดเจ็บอีก นางเจ็บจนทิ้งกระบี่ที่อยู่ในมือไปโดยสัญชาตญาณ
หัวใจของว่านซินที่อยู่ในที่ลับกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ นางเฝ้าดูรั่วชิงเติบโตขึ้นมา ถึงแม้ในเวลาปกตินังหนูคนนี้จะไม่เอาการเอางาน แต่ทุกครั้งที่ออกไปก็มักจะนำของอร่อย ของเล่นสนุกๆกลับมาให้นางเสมอ มักจะนึกถึงตัวเองอยู่เสมอ
แต่นางก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของฮูหยิน เห็นวี่รั่วชิงบาดเจ็บสาหัส ว่านซินกำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยพวกเขาอย่างไร ก็เห็นคนชุดดำสิบกว่าคนมาจากทุกทิศทั่วทาง ในมือถือสิ่งของสีดำเอาไว้ เล็งไปที่องครักษ์กล้าตายพวกนั้น
องครักษ์กล้าตายพวกนั้นยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็ล้มลงไปกับพื้นไม่ขยับเขยื้อนอีก
ว่านซินสะดุ้งตกใจ นางไม่กล้าส่งเสียง ยิ่งไม่ได้ไปขัดขวาง เห็นวี่รั่วชิงและคนอื่นๆได้รับความช่วยเหลือ ก็แอบโล่งใจเงียบๆ
วี่รั่วชิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็ตะลึงงันไป มองดูคนชุดดำสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน นางยังไม่เห็นพวกเขาลงมือเลยด้วยซ้ำ ก็เห็นองครักษ์กล้าตายพวกนั้นล้มลงไปกับพื้นไม่ขยับเขยื้อนอีก ช่างน่าตกใจจริงๆ
“พวกเจ้าเป็นใครกัน เหตุใดต้องช่วยเราด้วย?”
คนชุดดำพวกนั้นไม่ได้ตอบคำถาม จัดการองครักษ์กล้าตายทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็หันหลังและหายไปในความมืดอีกครั้ง
มาอย่างรวดเร็ว และจากไปรวดเร็วเช่นกัน
วี่รั่วชิงมองดูแผ่นหลังของพวกเขา ในใจเดาออกว่าเป็นใครบางคน
“พี่รอง เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” วี่หนานเสวียนกล่าวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน
“ตกลง!” วี่รั่วชิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเช่นกัน ดึงวี่หนานเสวียนขึ้นมา จากนั้นทั้งสองคนก็ประคองวี่รั่วยีจากไป
“พี่ใหญ่ พี่รองถ้าอย่างไรเราไปหาผู้อาวุโสดีไหม?” วี่หนานเสวียนถาม
“ตอนนี้ทั่วทั้งเกาะเทียนหลงล้วนเป็นคนของเซียวหลันทั้งนั้น เกรงว่าผู้อาวุโสทั้งหลายคงจะเอาตัวเองไม่รอดด้วยซ้ำ เราอย่าทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย ต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถหาเจอ” วี่รั่วชิงตอบ
“แดนต้องห้ามหลังเขา ที่นั่นเป็นสถานที่ของท่านพ่อ เซียวหลันน่าจะไม่ไปที่นั่น” วี่รั่วยีกล่าวอย่างอ่อนแรง
เวลานี้นางยืนอยู่บนพื้น ถูกหิ้วแขนเอาไว้ ความเจ็บปวดที่ทะลวงใจจู่โจมมาจากขาทั้งสองข้าง เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่รั่วชิงกับหนานเสวียนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส จะให้พวกเขาอุ้มตัวเองอีกไม่ได้แล้ว
มองดูพวกเขาสามคนเดินไปทางแดนต้องห้ามที่อยู่หลังเขา หยุนถิงเกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “การแสดงจบแล้ว เรากลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าบอกว่าจะไม่ช่วยพวกเขาไม่ใช่หรือ?” จวินหย่วนโยวถามกลับ
“หากตายไปจริงๆ มันก็จะไม่มีอะไรดีๆดูแล้วไม่ใช่หรือ พรุ่งนี้ยังมีการแสดงชุดใหญ่อยู่อีก” ขณะที่พูด หยุนถิงก็เห็นว่านซินที่อยู่กลางภูเขาจากไป ถึงได้ลุกยืนขึ้นมา
“โอ้ย!” จวินหย่วนโยวส่งเสียงครางออกมา สีหน้าขมวดกันเป็นก้อน
“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไป?” หยุนถิงมองมาทันที
“นั่งนานไปหน่อย ขาก็เลยชา”
“ข้าช่วยนวดให้ท่าน” หยุนถิงยื่นมือเข้ามานวดขาให้จวินหย่วนโยวทันที
การกระทำนุ่มนวลระมัดระวัง ราวกับกลัวจะทำให้เขาเจ็บ อย่างไรเสียหลังจากที่ขาชาแล้วเมื่อแตะถูกความชานั่น มันทรมานจริงๆ
จวินหย่วนโยวค่อยๆฟื้นคืนความรู้สึก มองดูหยุนถิงที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใย รู้สึกประทับใจและปลื้มปิติอย่างยิ่ง
เขายื่นมือไปจับมือของหยุนถิงเอาไว้ “ข้าหายแล้ว เรากลับไปกันเถอะ”
“ตกลง”
ทั้งสองคนจูงมือกันจากไปเช่นนี้ องครักษ์กล้าตายถูกฆ่าปิดปากไปหมดแล้ว และที่นี่ก็เป็นหลังเขา ไม่มีคนเห็นอยู่แล้วดังนั้นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวจึงจากไปกันอย่างเปิดเผย
ลมกลางคืนหนาวเย็นมาก หยุนถิงตัวสั่นโดยสัญชาตญาณ ทันทีที่จวินหย่วนโยวเห็นก็รีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก และคลุมให้กับหยุนถิง
“ข้าไม่เป็นไร ท่านพี่เองก็หนาวเหมือนกัน รีบใส่เร็วเข้า” หยุนถิงกล่าว
“ร่างกายของข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ปล่อยให้เจ้าหนาวข้าจะรู้สึกปวดใจ” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตามใจ
“แต่ท่านหนาว ข้าก็รู้สึกปวดใจเช่นกันนี่นา”
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปดึงหยุนถิงเข้ามาในอ้อมแขน กอดเอาไว้ทั้งคนและเสื้อ “กอดกันไว้เช่นนี้ก็ไม่หนาวแล้ว”
หยุนถิงหมดคำพูด “ท่านนี่นะ นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะตีฝีปากอีก”
“ที่ข้าพูดคือเรื่องจริง กอดและพิงเจ้าเอาไว้ ราวกับกอดเตาไฟ อบอุ่นไร้ที่เปรียบ ย่อมไม่หนาวอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวเย้าแหย่
หยุนถิงไม่พูดอะไรอีก ระยะนี้เจ้าหมอนี่ปากหวานมากเกินไปแล้ว พูดคำหวานเป็นชุดๆ นางทนไม่ไหวเล็กน้อยจริงๆ
ทั้งสองคนกลับไปถึงเรือที่อยู่ริมทะเล จวินหย่วนโยวรู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้ช่างดีจริงๆ จอดเอาไว้ใต้ทะเล ไม่เพียงสามารถสังเกตการณ์สถานการณ์บนฝั่ง แถมยังไม่ถูกคนสังเกตเห็นอีก ถิงเอ๋อร์ช่างฉลาดมากจริงๆ
“ฮัดชิ้ว!” จวินหย่วนโยวเพิ่งจะกลับมาถึง ก็จามออกมาทันที
“ใครใช้ให้ท่านดื้อล่ะ รีบห่มผ้านวม ดื่มชาร้อนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเร็ว” หยุนถิงหยิบผ้านวมมาล้อมรอบจวินหย่วนโยวทันที
มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวดึงผ้านวมเอาไว้ และคลุมหยุนถิงเอาไว้ข้างใต้ด้วย ก้มหน้าลงไปจูบนาง