จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 882 ทำข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก
“คำนับประธาน!” ผู้ดำเนินการร้องเสียงดัง
คู่บ่าวสาวคำนับทันที ฮ่องเต้สีหน้ายิ้มละไม พอใจมาก จนการคำนับทั้งสามครั้งจบลง
“พิธีเสร็จสิ้น ส่งตัวเข้าหอ!” ผู้ดำเนินการตะโกนอีก
“รอก่อน!” ฮ่องเต้ขัดขึ้น
ทุกคนตกใจมาก หยุนถิงสีหน้าขมวดคิ้วฉับพลัน หรือว่าฮ่องเต้รอจนตอนนี้
หลันซานที่คลุมผ้าอยู่ยิ่งแทบกลั้นหายใจ เสด็จพี่จะเปิดโปงตนหรือจะลงโทษตนกันนะ?
คนที่รู้ฐานะของหลันซานพากันสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เพราะนี่เป็นโทษหลอกลวงเบื้องสูง หากฮ่องเต้จะลงโทษจริงๆ จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยต้องไม่รอดแน่
“ในเมื่อเป็นการแต่งงาน ข้าก็มีของขวัญจะมอบให้คู่บ่าวสาวเช่นกัน ซูกงกง!” ฮ่องเต้ร้องเรียกเสียงดัง
ซูกงกงที่อยู่ท่ามกลางผู้คนรีบพาคนหามกล่องหนึ่งเข้ามา ทุกคนพากันมองอย่างประหลาดใจ
“รั่วจิ่งเป็นลูกน้องมือฉกาจของจวินหย่วนโยว หายากนักที่ข้าออกมาเดินเล่นก็เจอกับวันน่ายินดีเช่นนี้ ย่อมจะมามือเปล่าไม่ได้อยู่แล้ว นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้คู่บ่าวสาว!” ฮ่องเต้บอกอย่างใจป้ำ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” รั่วจิ่งถวายบังคมทันที
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” หลันซานพูดตามเช่นกัน
“ดี ดี!” ฮ่องเต้มองไปทางเจ้าสาวที่คลุมหน้าอยู่ และพูดคำว่าดีสองครั้ง
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงประทานของขวัญ ขอเชิญฝ่าบาทเข้าร่วมงานเลี้ยงเถิด!” จวินหย่วนโยวเอ่ยเชิญ
“งานเลี้ยงวันนี้มีอาหารมากมายที่ข้าคิดขึ้นมาใหม่ ขอฝ่าบาทลองชิมดูเถิด!” หยุนถิงเอ่ยต่อ
“ฝีมือทำอาหารของหยุนถิง ข้าเชื่อได้อยู่แล้ว!” ฮ่องเต้ยิ้มยินดีปรีดา ลุกขึ้นเข้าไปในงานเลี้ยงด้านใน คนอื่นแอบถอนหายใจโล่งอก
เฉินอ๋องและโม่หลานส่งตัวรั่วจิ่งและเจ้าสาวเข้าห้องหอด้วยตัวเอง โม่หลานถามอย่างเป็นห่วงว่า “พวกเจ้าสองคนรีบทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเสีย ทำไมจู่ๆวันนี้ฝ่าบาทก็มาได้ล่ะ รีบไปดูเร็วว่าของขวัญคืออะไร อย่าเป็นอาวุธลับนะ?”
องครักษ์ด้านนอกรีบหามกล่องเข้ามาทันที
“เสด็จพี่ไม่น่าจะใส่อาวุธลับไว้ในกล่อง หากเขาอยากจะต่อกรกับใครจริงๆ มีราชโองการออกมาเลยก็ได้แล้ว” เฉินอ๋องย้อน
“ว่าไปก็จริง”
รั่วจิ่งหยิบกระบี่มาเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง
หลันซานก็ไม่สนอะไรมาก เปิดผ้าคลุมหน้าออก พอเห็นของข้างในกล่อง หลันซานน้ำตาคลอทันที
ในกล่องมิใช่อาวุธลับอะไร เพียงแต่วางของเล็กน้อยมากมาย ยังมีหนังสือหลายเล่ม ดูแล้วเก่ามีอายุพอควร
“ของพวกนี้เป็นของเล่นสมัยเด็กของข้า ไม่คิดว่าเสด็จพี่จะจำได้ เขาต้องรู้ฐานะของข้าตั้งแต่แรกแน่ เขาไม่ได้เปิดโปงข้า แถมยังส่งของพวกนี้มาให้ข้า เขาตั้งใจช่วยข้าให้สมหวัง!” หลันซานน้ำตาไหลอาบแก้ม
“ถึงเสด็จพี่จะดูเหมือนไร้หัวใจ แต่เขาดีกับน้องหญิงสามไม่เลวเลย บัดนี้เขาให้คนนำของเหล่านี้มา คืออวยพรเจ้าจากใจจริง” เฉินอ๋องเองก็ตื้นตันใจไปด้วย
รั่วจิ่งกอดหลันซานไว้ “ฝ่าบาททำให้พวกเราสมหวัง พวกเราน่าจะดีใจถึงจะถูกนะ!”
“อืม ขอบคุณบุญคุณเสด็จพี่นัก” หลันซานเอนกายพิงอ้อมกอดเขา ร้องไห้น้ำตาไหลพราก
ในงานเลี้ยงด้านหน้า คนที่มีล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายทั้งนั้น เดิมเพราะฝ่าบาทอยู่ด้วย ทุกคนเลยตัวเกร็งๆ แต่สุราเลิศรสและอาหารในจวนซื่อจื่อช่างอร่อยยิ่งนัก ทุกคนดื่มกินไปพลางพูดคุยหัวเราะไปพลาง ก็เลยเริ่มผ่อนคลายขึ้น
ฮ่องเต้เห็นจวินเสี่ยวเหยียนเกาะติดโม่เหลิ่งเหยียนตลอดอดหัวเราะเย้าไม่ได้ว่า “เสี่ยวเหยียนนี่ชอบซวนอ๋องจริงนะ ไว้วันหลังซวนอ๋องมีลูกสาวเป็นของตนเองแล้ว ต้องเป็นพ่อที่ดีแน่”
โม่เหลิ่งเหยียนสีหน้าเรียบเฉย แกะเปลือกกุ้งออกวางลงในชามของจวินเสี่ยวเหยียน “ยัยหนูชอบข้า ถือเป็นเกียรติของข้า”
“ข้าชอบท่านอาซวนอ๋อง ต่อไปข้าจะเลี้ยงเขาตอนแก่เอง!” จวินเสี่ยวเหยียนบอกอย่างดีใจ
คำพูดเดียวทำทุกคนฮาครืน ผู้ใหญ่อาจจะรู้สึกว่าพูดจาไม่ค่อยเป็นมงคล แต่เด็กไม่รู้”เรื่องนี้ พวกเขาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นแล
“ฮะฮะ ดี!” โม่เหลิ่งเหยียนพอใจมาก
ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เหล่มองจวินเสี่ยวเหยียนอย่างมีนัยยะ หากนังหนูนี่อายุมากหน่อย หรือไม่โม่เหลิ่งเหยียนอายุน้อยลงหน่อย บางทีพวกเขาอาจจะเป็นไปได้ เพียงแต่อายุก็ห่างกันมากเกินไปอยู่ดี
ทุกคนกินอิ่มดื่มพอ พากันกลับ วันนี้ฮ่องเต้เองก็ดื่มไปไม่น้อย ตอนกลับไปยังต้องให้เฉินอ๋องพยุงขึ้นรถม้าเลย
ในรถม้า ซูกงกงยื่นน้ำแกงแก้เมาค้างให้ “ฝ่าบาท วันนี้เหตุใดพระองค์ดื่มมากมายเพียงนี้เล่า?”
“ข้าดีใจ นี่เป็นงานแต่งงานขององค์หญิงสาม ข้าต้องมาอยู่แล้ว นางสามารถหาคนที่นางรักได้ ข้าก็ดีใจกับนางด้วย” ฮ่องเต้บอกพลางทอดถอนใจ
ตั้งแต่เล็กเขาก็สนิทสนมกับน้องหญิงสามคนนี้นัก และเฝ้าวาดหวังมาตลอดว่านางจะได้อยู่อย่างมีความสุข แต่หลังจากกลายเป็นฮ่องเต้ การทะเลาะเบาะแว้งทั้งในราชสำนักและตำหนักหลังทำให้เขาจำต้องมีแผนการเดินหน้าทีละก้าว
นับจากวินาทีที่องค์หญิงสามถูกไฟคลอกตาย ฮ่องเต้ก็ถึงได้รู้ตัวว่า เป็นเขาเองที่บีบคั้นนางจนตาย ฮ่องเต้เสียใจยิ่งนัก
ต่อมาสืบรู้มาว่า ข้างกายหยุนถิงมีหลันซานเพิ่มมาหนึ่งคน หลังจากสืบหลายครั้ง ฮ่องเต้รู้ว่านางคือองค์หญิงสาม แต่ไม่ได้เปิดโปงนาง และมิได้หาเรื่อง ทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้แทน
ในเมื่อนางอยากได้อิสระ โดยไม่แยแสที่จะทำลายชื่อเสียงทำลายรูปโฉม กระทั่งแกล้งตาย สิ่งที่ฮ่องเต้ทำได้ก็มีเพียงแค่ช่วยนางให้สมหวังเท่านั้น
“ฝ่าบาททรงมีเมตตากรุณา เชื่อว่าองค์หญิงสามต้องเข้าใจความหวังดีของพระองค์แน่” ซูกงกงปลอบ
…………………..
ตระกูลเก๋อ
พอเก๋อฮูหยินกลับไป ก็โกรธจนปัดของบนโต๊ะตกพื้นหมด หลายปีมานี้นางไม่เคยเห็นลูกสาวลับๆอย่างหงหลิงอยู่ในสายตาเลยสักนิด พอมีอะไรไม่พอใจก็ระบายความโกรธไปที่ตัวนาง
เก๋อฮูหยินที่ทุบตีด่าทอนางมาตลอด วันนี้กลับมาโดนคนอื่นข่มขู่ให้ต้องขอโทษหงหลิง นี่มันน่าแค้นเสียยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก น่าตายนัก
“ท่านแม่ ท่านรีบคิดหาหนทางเร็วสิ จะให้หงหลิงแต่งงานกับคุณชายเซวี่ยนไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นชาตินี้ข้ามิสู้นางไม่ได้ตลอดไปงั้นรึ?” เก๋อฉีโกรธเดือดดาลนัก
“ข้าย่อมไม่มีวันยอมให้นางสมหวังแน่ ในเมื่อเปิดเผยไม่ได้ งั้นพวกเราก็มาทางลับ นังแพศยานั่นต้องกินต้องดื่มสิ พวกเราวางยาในอาหารของนางก็ได้แล้ว” สายตาเก๋อฮูหยินฉายแววเหี้ยมเกรียม
เก๋อฉีพลันเข้าใจทันที “ท่านแม่มีวิธีจริงๆด้วย”
“เจ้าต่างหาก นังแพศยานั่นยั่วยวนคุณชายเซวี่ยนได้ เจ้าเป็นลูกสาวของข้า หน้าตาความสามารถเพียบพร้อม ต่อไปต้องได้แต่งเข้าราชวงศ์แน่ อีกสองเดือนให้หลังก็จะเป็นการคัดเลือกสนมแล้ว หากฝ่าบาททรงเลือกเจ้า ตระกูลเก๋อของเราก็กลายเป็นชนชั้นสูงแล้ว ถึงเวลานั้นแม่จะเตรียมการให้เจ้าเอง เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดีนะ”
เก๋อฉีมีสีหน้ายินดีปรีดากระหยิ่มยิ้มย่อง “วางใจเถอะท่านแม่ ข้าจะต้องทำให้ฝ่าบาททรงโปรดข้าให้ได้”
สองแม่ลูกวางแผนกัน ถึงได้สงบจิตใจที่เดือดดาลลงไปได้ แต่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของพวกนางนั้นโดนองครักษ์ลับที่อยู่บนหลังคาได้ยินหมดแล้ว
องครักษ์ลับทำสีหน้าเหยียดหยัน สองแม่ลูกนี่เป็นหมูมาเกิดกระมัง กล้าคิดวางแผนไปถึงฝ่าบาท คิดว่าฝ่าบาทโง่มากงั้นรึ
วันนั้นเก๋อฮูหยินส่งคนสนิทไปวางยาพิษลงในอาหารของหงหลิง จากนั้นก็ให้คนรับใช้ส่งไป
องครักษ์ลับบอกแผนการของสองแม่ลูกกับหงหลิงตามคำสั่งของซื่อจื่อเฟย หงหลิงเลยไม่ได้กิน และเทอาหารพวกนั้นทิ้งไป องครักษ์ลับออกไปเอาอาหารข้างนอกมาให้หงหลิง
หงหลิงซาบซึ้งใจนัก นางคอยระมัดระวังตลอด แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือน หงหลิงก็สีหน้าซีดเผือด ร่างกายไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอึดอัดที่หน้าอก แค่ยืนยังยืนไม่อยู่ เป็นลมสลบลงไปเลย