จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 891 เจ้ากล้าลอบพบบุรุษ
หากเฟิงซีไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเอง ต่อไปจะควบคุมวังหลังได้อย่างไร จะรับมือกับแผนการเจ้าเล่ห์ของเหล่าสนมพวกนั้นได้อย่างไร ดังนั้นเป่ยหมิงฉี่เลยจะทำต้องทำให้นางแข็งแกร่งขึ้น
ถึงเขาจะเป็นฮ่องเต้แคว้นหนึ่ง แต่แคว้นเป่ยลี่อันยิ่งใหญ่นี้ยังมีอำนาจลับอีกมากมาย คนที่ไม่ยอมลงให้เขา หากวันไหนตนเกิดเรื่องขึ้น เฟิงซีก็จะสามารถรับมือได้ ไม่ใช่กลายเป็นเหยื่อ
ดังนั้นเป่ยหมิงฉี่จำเป็นต้องโหด โหดต่อนาง และยิ่งโหดกับตนเอง
เพราะเขาไม่มีทางเลือก
ส่วนรั่วเฟิงซีเดินทางพร้อมกับพวกจวินหย่วนโยว ไม่เจอนักฆ่าอีกจริงๆด้วย นอกเสียจากว่าพวกมันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นใครจะกล้าลงมือกับจวินซื่อจื่อ เพราะคนที่คอยตามพวกเขานั้นคือองครักษ์เงามังกร
รั่วเฟิงซีมองดูความอ่อนโยนเอาใจใส่ของจวินหย่วนโยวที่มีต่อหยุนถิง รวมถึงลูกๆน่ารักสดใสสองคนด้วย นางอิจฉามาก
พอเห็นจวินหย่วนโยวหวีผมให้หยุนถิง รั่วเฟิงซียิ่งเบิกตาโต “ได้ยินมาตลอดว่าจวินซื่อจื่อรักใคร่ซื่อจื่อเฟยแต่เพียงผู้เดียว บัดนี้ได้มาเห็นกับตา ช่างทำให้คนรอบข้างอิจฉาจริงๆ ความรักของจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยเป็นเรื่องดีจริงๆ!”
หยุนถิงยิ้มบอก “ข้าเองก็รักซื่อจื่อของข้ามาก”
รั่วเฟิงซีพยักหน้า “หากสตรีใดมีชีวิตเฉกเช่นซื่อจื่อเฟย ชีวิตนี้ก็มิมีสิ่งใดเสียดายอีกแล้ว”
น้ำเสียงมีแววหม่นหมอง และเหงาหงอยด้วย
ระหว่างทางเห็นพวกเขาสองคนรักใคร่กัน ท่าทีปรองดองยิ่งนัก สาดเทความหวานไม่หยุดไม่หย่อน รั่วเฟิงซีเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว
น้ำตาลนี่ไม่อยากกินก็ไม่ได้ นางจะเป็นตากุ้งยิงแล้ว
“ชีวิตคนเราก็แค่หลายสิบปี การแต่งงานก็เป็นเรื่องของชั่วชีวิต หยวนๆไม่ได้ ข้าไม่หวังลาภยศสรรเสริญ แต่หวังเพียงใจรักเดียว” หยุนถิงตอบ
ใจรักเดียว ทั้งน่าฟังและทำให้คนทั้งเข้าใจและอิจฉา แต่ฐานะของนางไม่อนุญาต
“พี่สาว ท่านหน้าตางดงามขนาดนี้ ต้องพบเจอคนที่เป็นใจรักเดียวของตนได้แน่” จวินเสี่ยวเหยียนคลานเข้ามา พูดพลางกินขนมไปพลาง
รั่วเฟิงซีขบขันออกมา “นังหนูอย่างเจ้านี่ช่างพูดจริงนะ เจ้าอายุน้อยเพียงนี้รู้รึว่าอะไรคือใจรักเดียว?”
“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว เหมือนท่านพ่อกับท่านแม่ไง ดีต่อกันเท่านั้น รักต่อกันเท่านั้น” จวินเสี่ยวเหยียนพูดด้วยท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่
“เจ้าอายุน้อยแค่นี้กลับเฉลียวฉลาดเพียงนี้ สมเป็นลูกสาวของซื่อจื่อเฟยจริงๆ” รั่วเฟิงซีชมเชยออกมา
พอเห็นจวินเสี่ยวเหยียนตรงหน้า ใบหน้าน้อยอันงดงามราวรูปแกะสลักทั้งไร้เดียงสาทั้งน่ารัก นางพลันอยากมีลูกสาวขึ้นมา ดูท่าจะไม่เลว ในสมองพลันปรากฏภาพใบหน้านั้นของเป่ยหมิงฉี่
“พี่สาว ทำไมท่านหน้าแดงล่ะ?” จวินเสี่ยวเหยียนถาม
“ไม่มีอะไร พี่แค่ร้อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง” รั่วเฟิงซีรีบหาข้าอ้างทันที
หยุนถิงเห็นสีหน้านางทั้งหมด ดูท่ารั่วเฟิงซีผู้นี้จะไม่ได้ไม่มีใจต่อเป่ยหมิงฉี่ เรื่องอย่างบุพเพสันนิวาสต้องให้เป็นไปตามธรรมชาติ
พวกจวินหย่วนโยวมาถึงเมืองของแคว้นเป่ยลี่ในอีกไม่กี่วันให้หลัง เพราะมีอำนาจและฐานลับของจวนซื่อจื่อ ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้เลยเร็วมาก ไม่ถึงสิบวันก็มาถึงเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่แล้ว
“จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ระหว่างทางมานี้ขอบคุณในความดูแลของพวกท่านมาก หากไม่รังเกียจไปตระกูลรั่วเถิด ข้าจะทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของทั้งสองท่าน” รั่วเฟิงซีซาบซึ้ง
หยุนถิงกำลังจะเอ่ยขึ้น แต่จวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนโดนดึงดูดจากน้ำตาลปั้นข้างทางไปเลย
“ท่านแม่ ข้าอยากกินน้ำตาลปั้น” เด็กสองคนพูดขึ้น และวิ่งเข้าไป
หยุนถิงเห็นอย่างนั้นก็รีบตามไปทันที แต่เดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดลอยมา
“ไอ้โหย นี่ไม่ใช่พี่หญิงใหญ่รึ พี่หญิงใหญ่หลายวันนี้ไปไหนมารึ ท่านน่ะเป็นฮองเฮาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเอง หลายวันนี้ไม่กลัวบ้านคงมิใช่ไปลอบพบบุรุษที่ไหนกระมัง ท่านจะทำเรื่องผิดต่อฝ่าบาทไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นตระกูลรั่วของเราคงต้องขายขี้หน้าเพราะท่านแน่!”
น้ำเสียงดังมาก ทำให้ชาวบ้านรอบด้านพากันหันมามองหมด
“นี่คือคุณหนูใหญ่รั่ว ข้ารู้จักนาง นางไม่กลับบ้านหลายวันเชียวรึ” ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งออกมา
“คุณหนูรองรั่วนี่คงมิได้พูดเรื่องจริงกระมัง?”
ชาวบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา และชี้นิ้วใส่รั่วเฟิงซี
รั่วเฟิงซีสีหน้าเดือดดาลทันที ถลึงตาใส่รั่วจื่ออวิ้นที่อยู่ข้างๆ “หุบปาก เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล ข้าไม่มีวันทำเรื่องผิดต่อฝ่าบาทแน่”
“งั้นรึ งั้นบุรุษข้างเจ้าคือใครเล่า หน้าตาดีอยู่หรอก น่าเสียดายเป็นแค่ชายบำเรอ!” รั่วจื่ออวิ้นหันมองจวินหย่วนโยวพลางใส่ไฟ
บุรุษผู้นี้หน้าตาดีนัก หน้าตาหล่อเหลาเสียยิ่งกว่าบุรุษใดที่นางเคยเห็นมาเลย ดวงตาแหลมคมสุกสกาว ใบหน้าหล่อเหลาทุ้มลึก ท่าทางองอาจมีอำนาจ ชุดขาวส่องให้ดูสูงส่งผิดธรรมดา พอเห็นก็ไม่อาจละสายตาไปได้
รั่วเฟิงซีน่าตายนัก ไปหาบุรุษหน้าตาดีเช่นนี้จากที่ไหนกัน ไว้กลับไปนางจะต้องแย่งมาให้ได้ รั่วจื่ออวิ้นแอบสาบานในใจ
หยุนถิงหันมองสตรีชุดม่วงข้างๆ แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้คนอยากอาเจียน
กล้าพูดว่าสามีตนเป็นชายชู้ หาเรื่องตายนะ
“จื่ออวิ้นเจ้าหุบปาก อย่าพูดเหลว—“ รั่วเฟิงซียังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกว่ามีพลังฝ่ามือแรงกล้าพกพาอานุภาพอำมหิตซัดไปจากด้านข้าง
“อ๊า!” รั่วจื่ออวิ้นยังไม่ทันตั้งตัว ก็ร้องเสียงหลงเพราะโดนฝ่ามือจวินหย่วนโยวซัดกระเด็น
ทุกคนตกใจยิ่งนัก หันไปดูอีกที รั่วจื่ออวิ้นก็ลอยไปสิบกว่าเมตร กระแทกเข้ากับหน้าต่างชั้นสองของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และล้มลงกระแทกกับพื้นดังพลั่ก หน้าต่างไม้ก็ร่วงหล่นลงมากระแทกร่างนางอีก ทำเอานางกระอักเลือดออกมาเลย
“ฆ่าคน ฆ่าคนแล้ว!” ชาวบ้านร้องเสียงดัง พากันตกใจวิ่งหนีอลหม่าน กลัวตนเองจะโดนหางเลขไปด้วย
ถนนที่เดิมแออัดไปด้วยผู้คนว่างโล่งทันที แต่ชาวบ้านยังอยากดูเรื่องสนุกอยู่ ถึงจะวิ่งไปไกลแล้ว ก็ยังไม่จากไป เพียงแค่มองมาไกลๆเท่านั้นเอง
“เจ้า ชายบำเรออย่างเจ้ากล้าทำร้ายข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” รั่วจื่ออวิ้นพูดอย่างเคียดแค้น
จวินหย่วนโยวดึงชายเสื้อกลับ “ในโลกนี้คนที่กล้าด่าว่าข้าเป็นชายบำเรอ มีเจ้าเป็นคนแรก หลงเอ้อร์ไปตัดลิ้นของนางแล้วแขวนไว้หน้าประตูพระราชวังแคว้นเป่ยลี่ซะ!”
“ขอรับ!” หลงเอ้อร์ชักกระบี่เดินเข้ามา
“ไม่ อย่านะ หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า ท่านแม่ข้าต้องไม่ปล่อยเจ้า—อ๊า!” รั่วจื่ออวิ้นยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนหลงเอ้อร์ตัดลิ้น
เลือดสดกบปาก นางตกใจจนสลบเหมือดไปเลย
ชาวบ้านคนอื่นตกใจกันยิ่งนัก คนผู้นี้กระหายเลือดเกินไปแล้ว ตัดลิ้นคุณหนูรองรั่วเช่นนี้เลย เขาช่างบังอาจมากนัก ชาวบ้านไหนเลยจะกล้าอยู่ดูเรื่องสนุกต่อ ต่างพากันรีบหนีหายไปจากตรงนี้ให้ไวที่สุด
รั่วเฟิงซีเห็นภาพนี้แล้วมิได้มีอารมณ์ร่วมมากนัก “เมื่อครู่ขออภัยจวินซื่อจื่อด้วย เป็นเพราะน้องสาวข้ามีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินท่าน”
“ข้าลงโทษแล้ว เจ้าไปได้แล้ว” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
“เจ้าค่ะ!” รั่วเฟิงซีไม่พูดมากอีก หมุนตัวจากไปทันที“ท่านพี่ เมื่อครู่ท่านหล่อเหลาเกินไปแล้ว” หยุนถิงชมเชย คุณหนูรองรั่วผู้นี้สมองมีปัญหา กล้าบอกว่าสามีนางดีแค่รูปงามเท่านั้น สมน้ำหน้าหาเรื่องตายเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว คนอื่นลบหลู่ข้า ก็ต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า ไปเถอะ ไปพระราชวังแคว้นเป่ยลี่!” จวินหย่วนโยวตอบ
“ได้เลย!”