จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 905 หากเจ้าอยาก ข้าก็แบกเจ้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่905 หากเจ้าอยาก ข้าก็แบกเจ้า

หัวซินตกใจกลัวจนหน้าซีดลง คนทั้งคนทรุดตัวลงกับพื้น มองดูชามน้ำแกงที่มีพิษนั้น และมองดูสีหน้าที่เย็นชาของจวินหย่วนโยว ก็รีบร้องขอความเมตตา

“จวินหย่วนโยวโปรดไว้ชีวิตด้วย บ่าวถูกชิงหนิงคิดร้าย บ่าวถูกใส่ร้าย หากบ่าวรู้ว่าน้ำแกงนี้มีพิษ ต่อให้ตายก็ไม่กล้ายกมา จวินซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วยเพคะ!”

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชา หยุนถิงก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าจะไม่รู้ แต่ก็เป็นเพราะความไม่รู้ของนางที่เกือบทำร้ายโดนลูกของตัวเอง หากไม่ใช่เป่ยจิงจิง ตอนนี้คนที่ถูกพิษนั้นก็คือเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนแล้ว

“หยุนถิง ปล่อยนางเถอะ นางไม่ได้ตั้งใจ นางแค่เชื่อคนผิด” จู่ๆ เป่ยจิงจิงที่เจ็บปวดและอ่อนแอก็พูดขอความเมตตา

หยุนถิงมองดูเป่ยจิงจิงโดยไม่รู้ตัว หากเป็นอดีต เป่ยจิงจิงมักจะเหมาะกับตัวเองก็ได้แล้ว และไม่เคยสนใจความเป็นความตายของคนอื่น

ดูเหมือนว่า นางเปลี่ยนไปมากแล้วจริง

“หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า ตอนนี้คนที่ถูกพิษนั้นก็คือลูกของข้า ในเมื่อเจ้าเอ่ยปากแล้ว งั้นก็ปล่อยนางไปเถอะ” หยุนถิงกล่าว

จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

หลงเอ้อที่อยู่ข้างๆเห็นฉากนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่เป่ยจิงจิง

นางในขณะนี้ ไม่ได้กำเริบเสิบสานและโอหังอวดดีเหมือนในอดีตอีกต่อไป ใบหน้าซีดขาว ลมหายใจ…แผ่ว แผ่ว กำลังพิงตัวไว้บนโต๊ะหินในลานอย่างอ่อนแรง ไม่ได้มีความโกรธแม้แต่นิด

นางในแบบนี้ ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลยแต่กลับยังจะขอความเมตตาแทนสาวรับใช้คนหนึ่ง ซึ่งทำให้หลงเอ้อที่ไม่มีความรู้สึกดีต่อนางนั้น เปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่กับนางทันที

หัวซินรู้สึกตื่นเต้นมาก และรีบคำนับขอบคุณ “ขอบคุณซื่อจื่อเฟย จวินซื่อจื่อที่ทรงไม่ฆ่า ขอบคุณสำหรับบุญคุณการช่วยชีวิตขององค์หญิง ขอบคุณยิ่งนัก!”

“ยังคุกเข่าอยู่ที่นี่ทำไม ยังไม่รีบไปให้พ้น!” จวินหย่วนโยวคำรามด้วยความโกรธ

“เพคะ บ่าวไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!” หัวซินวิ่งหนีตะเกียกตะกาย

เป่ยหมิงฉี่ที่เขียนพระราชกฤษฎีกาเสร็จแล้วก็มาอีกครั้ง “หยุนถิง พิษของจิงจิงถอนได้หรือไม่?”

“แม้ว่าจะมีพิษร้ายแรง แต่โชคดีที่ถอนพิษได้ทันเวลา ได้ขับพิษออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำการฝังเข็มอีกสองครั้งและกินยาตามใบสั่งยาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถฟื้นฟูได้แล้ว” หยุนถิงตอบ

เป่ยหมิงฉี่จึงค่อยรู้สึกโล่งอกลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ลำบากเจ้าแล้ว”

หยุนถิงเก็บเข็มเงิน “พานางลงไปพักผ่อน”

“อืม” เป่ยหมิงฉี่นั่งยอง “ขึ้นมา เสด็จพี่แบกเจ้า”

เป่ยจิงจิงก็ตกตะลึงเช่นกัน “เสด็จพี่ทำเช่นนี้ไม่ได้ ท่านเป็นฝ่าบาท”

“ฝ่าบาทแล้วจะทำไม ข้าก็ยังคงเป็นเสด็จพี่ของเจ้าเหมือนเดิม ตอนเด็กเจ้าชอบให้ข้าเป็นม้าแล้วขี่ม้าที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?” เป่ยหมิงฉี่พูดหยอกล้อ

ขอบตาของเป่ยจิงจิงแดง นางคิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จะยังจำได้ จึงไม่ได้ยับยั้งชั่งใจและขึ้นบนหลังของเป่ยหมิงฉี่

เมื่อเห็นเป่ยหมิงฉี่แบกเป่ยจิงจิงจากไป ระหว่างคิ้วของหยุนถิงก็มีความปลื้มใจเล็กน้อย “คิดไม่ถึงเลยว่า เป่ยหมิงฉี่ผู้เป็นพี่นี้ก็ไม่เลว”

“หากเจ้าอยาก ข้าก็แบกเจ้า!” จวินหย่วนโยวพูดมาคำหนึ่ง

หยุนถิงกลอกตาใส่เขา “ท่านรู้ ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”

“เป่ยจิงจิงถูกพิษแทนเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียน นางก็คือผู้มีพระคุณของพวกข้า เป่ยหมิงฉี่ดีกับเป่ยจิงจิงในเวลานี้ ก็เพียงเพื่ออยากให้เจ้ากับข้าออมมือกับเขาเท่านั้น ต่อให้จะเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเป่ยจิงจิงก็ตาม!” จวินหย่วนโยวพูดตรงๆด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

หยุนถิงถอนหายใจ “ท่านพี่ ท่านจำเป็นต้องเฉียบขาดขนาดนี้เลยหรือ?”

“ข้าแค่พูดตามความจริง”

“แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่หากไม่ใช่เป็นเพราะความภราดรภาพ เป่ยหมิงฉี่ก็สามารถหาองครักษ์หรือคนรับใช้ส่งนางกลับไปได้” หยุนถิงโต้กลับ

จวินหย่วนโยวไม่พูดอะไรอีก ถิงเอ๋อร์พูดอะไรก็คืออย่างนั้น

นอกพระราชวัง ราชโองการที่เป่ยหมิงฉี่ปลดตำแหน่งองค์หญิงของเป่ยตันเสวี่ยออกมาทันที ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยลี่ต่างก็ตกตะลึงกันหมด ประชาชนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ องค์หญิงรองผู้สง่างามและอ่อนโยนมาโดยตลอดนั้น ทำไมจู่ๆก็ถูกปลดเป็นสามัญชน..

แต่ก่อนหน้านี้มีเรื่องของรั่วจื่ออวิ้นมาแล้ว ทุกคนต่างก็เดาว่าอาจเป็นเพราะองค์หญิงรองล่วงเกินจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยสินะ

ส่วนจวนหลีอ๋องแห่งต้าเยียนนั้น หลังจากเจ็ด แปดวันผ่านไปก็ได้รับราชโองการของเป่ยหมิงฉี่ หลีอ๋องโม่ฉือหานไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่พระราชวัง ไม่ได้อยู่ในบ้าน

เมื่อเป่ยตันเสวี่ยได้ยินว่าเป็นทูตส่งข่าวด่วนจากแคว้นเป่ยลี่ ก็รู้สึกประหลาดใจมาก หรือว่าชิงหนิงทำสำเร็จแล้ว?

ไม่น่านี่นา หากชิงหนิงทำสำเร็จก็ต้องส่งจดหมายลับมาให้ตัวเองสิแต่ไม่ใช่ใช้ทูตส่งข่าวของราชวงศ์

หรือว่าเป็นเสด็จพี่มีเรื่องจะหาตัวเอง เป่ยตันเสวี่ยออกไปต้อนรับทันที เพียงแต่ว่าเมื่อเห็นเนื้อหาบนราชโองการ เป่ยตันเสวี่ยก็ตกตะลึงทันที

นางมองดูลายมือที่คุ้นเคยนั้นด้วยความงุนงง คำพูดที่ใจร้าย เลือดในร่างกายก็แข็งตัวทันที

“เป็นอย่างงี้ได้อย่างไร ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เสด็จพี่ไม่มีว่าทำอย่างงี้กับข้า!” เป่ยตันเสวี่ยขุ่นเคืองอย่างยิ่ง นิ้วที่จับพระราชโองการไว้ก็ซีดลง

“ทูตส่งข่าว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ราชโองการนี้ต้องมีคนปลอมแปลงลายมือของเสด็จพี่แน่เลย?” เป่ยตันเสวี่ยสอบถาม

“ฝ่าบาทบอกว่าตั้งแต่วินาทีที่ท่านให้ชิงหนิงวางยาพิษนั้น ก็ควรรู้ถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับแคว้นเป่ยลี่อีกต่อไป ความเป็นความตายของท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฝ่าบาทอีกต่อไป!” ทูตส่งข่าวพูดจบ ก็ขึ้นหลังม้าและจากไป

เป่ยตันเสวี่ยโกรธมากจนฉีกราชโองการในมือเป็นชิ้นๆ

ชิงหนิงอีบ้านี้ ให้เสด็จพี่รู้เข้าจนได้ ต้องเป็นเพราะถูกหยุนถิงยุยงแน่เลย นางจะให้เสด็จพี่ทำกับตัวเองเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากไม่มีฐานะองค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยลี่แล้ว ตั้งแต่นี้ไปก็เป็นเพียงสามัญชน เช่นนั้นท่านอ๋องจะมองตัวเองอย่างไร ตำแหน่งหลีหวางเฟยนี้ของนางคงอยู่อย่างมั่นคงไม่ได้แล้ว

ทันใดนั้น เป่ยตันเสวี่ยก็รู้สึกปวดท้องจนทนไม่ได้ หน้าซีดลง คนทั้งคนไม่สามารถยืนตรงได้

“หวางเฟย ท่านเป็นอะไรไป?” สาวรับใช้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเป่ยตันเสวี่ย และรีบเอื้อมมือไปพยุงนาง

“อ๊าก ข้าเจ็บมากเลย ท้องข้าเจ็บมากเลย รีบไปเชิญหมอหลวงมาเร็วเข้า!” เป่ยตันเสวี่ยพูดด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเพียงถึงความร้อนที่ไหลออกมาระหว่างขา นางก็ตกใจกลัวทันที

เมื่อองครักษ์ที่หน้าประตูจวนหลีอ๋องเห็นเช่นนี้ ก็ตกใจกลัวมาก คนหนึ่งไปเชิญหมอ คนหนึ่งรีบไปช่วย

เป่ยตันเสวี่ยถูกยกเข้าไป คนรับใช้ทั้งหมดในจวนต่างก็ตกใจกลัวกันหมด พ่อบ้านก็รีบให้คนเข้าวังไปแจ้งหลีอ๋องทันที

“เร็วเข้า รีบไปต้มน้ำร้อน เชิญหมอตําแยมา หวางเฟยจะคลอดแล้ว เร็วเข้า!” พ่อบ้านตะโกน

ทั่วทั้งจวนหลีอ๋องยุ่งขึ้นมาในทันที เพราะหวางเฟยให้กำเนิดบุตรนั้นยังต้องอีกหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้หวางเฟยเป็นอย่างนี้อย่างกระทันหัน อาจไม่ใช่ลางดี

ในจวนมีหมอตำแยและมามาที่ท่านอ๋องเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ในขณะนี้ต่างก็เข้าไปในห้องกันหมด

หลังจากนั้นไม่นาน หลีอ๋องโม่ฉือหานก็กลับมาพร้อมหมอหลวง และเมื่อเห็นเป่ยตันเสวี่ยที่นอนอยู่บนเตียงและกำลังจะตายนั้น โม่ฉือหานก็ตกใจกลัวเหมือนกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เรียนท่านอ๋อง อีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะถึงวันคลอดของหวางเฟย และวันนี้จู่ๆก็ปวดท้องขึ้นมา คลอดก่อนกำหนด พวกบ่าวกำลังทำคลอดให้หวางเฟยเจ้าคะ!” หมอตำแยตอบทันที

สีหน้าของโม่ฉือหานเคร่งขรึม “หมอหลวง รีบทำคลอดให้หวางเฟย ผู้ใหญ่และเด็กก็ห้ามเป็นอะไรไป!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงต่างก็รีบมาช่วย

“ท่านอ๋อง ท่านเป็นผู้ชายไม่สะดวกที่จะอยู่ตรงนี้ ออกไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลิวกล่าว

“ท่านอ๋อง อ๊าก เจ็บมากเลย——” เป่ยตันเสวี่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดของท้องนั้นยากที่จะทนได้ ได้แต่คร่ำครวญ ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย

“หวางเฟยอย่ากลัว มีหมอหลวงหลิวอยู่ เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นอน” โม่ฉือหานพูดประโยคหนึ่งจบ ก็เดินออกไป

ทันทีที่ออกมาจากลาน เขาก็เรียกพ่อบ้านมาทันที “ทำไมจู่ๆ หวางเฟยถึงปวดท้องขึ้นมา?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท