จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 907 ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับเขาสักที

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่907 ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับเขาสักที

ฝ่าบาทหมดคำพูด “โม่หลานเจ้าเป็นถึงเฉินหวางเฟยแล้ว พูดจาให้มันสุภาพหน่อยไม่ได้หรือไง!”

“ฝ่าบาท สุภาพกินไม่ได้สักหน่อย ในสนามรบใครจะมาสุภาพกันท่าน ขอแค่คำพูดหนึ่งคำของฝ่าบาท หม่อมฉันก็จะนำกองทัพไปที่ชายแดนทันที!” โม่หลานพูดอย่างตรงไปตรงมา

ปกตินางก็เป็นคนที่อยากพูดอะไรก็พูดออกมา มีนิสัยที่ตรงไปตรงมา ในใจคิดอย่างไรก็พูดออกมาเช่นนั้น

จี้อวี๋ที่อยู่ข้างๆหัวเราะออกมา “ฝ่าบาท ท่านอย่าทำให้นางลำบากใจไปเลย หากจะให้นางพูดสุภาพ ยังไม่ดีกว่าให้แม่หมูปีนต้นไม้เลย เช่นนั้นยังง่ายกว่าเยอะเลย”

สีหน้าของโม่หลานมืดครึ้มทันที “จี้อวี๋ เจ้าพูดอะไรของเจ้าห้ะ”

“ข้าแค่พูดตามความจริง เจ้าจะโกรธไม่ได้นะ หากกระทบต่อทารกในครรภ์เฉินอ๋องของเจ้าก็จะมาสู้สุดชีวิตกับข้าอีก ข้าไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว” จี้อวี๋แบะปาก

“นิ้วหนึ่งนิ้วของข้าก็สามารถฆ่าเจ้าทิ้งได้ ยังจำเป็นต้องให้เฉินอ๋องของข้ามาหรือ” โม่หลานโต้กลับ

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกัน ใบหน้าของฝ่าบาทก็หมดความอดทนเล็กน้อย “พอแล้ว ข้าให้พวกเจ้ามาก็เพื่อให้ปรึกษาหารือว่าจะรับมือกับมันอย่างไร ไม่ใช่มาดูพวกเจ้าทะเลาะกัน!”

โม่หลานกับจี้อวี๋จึงค่อยหุบปาก และขณะที่ทั้งสองกำลังจะเอ่ยปาก ขันทีน้อยที่อยู่นอกประตูก็มารายงานอีกครั้ง “ฝ่าบาท เฉินอ๋องขอเข้าพบ!”

ไม่รอฝ่าบาทเอ่ยปาก เฉินอ๋องก็เดินเข้ามาโดยตรง และคุกเข่าลง “เสด็จพี่ท่านจะให้โม่หลานไปสู้รบไม่ได้ ข้ามีเพียงหวางเฟยนี้คนเดียวเท่านั้น และตอนนี้ก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ หากนางเป็นอะไรไป ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”

เมื่อเห็นท่าทางที่ร้องโหยหวนเพื่อให้คนสงสารของเฉินอ๋องนั้น โม่หลานก็หมดคำพูดเลย “โม่ฉือหานท่านพูดดีๆ อะไรคือหากข้าเป็นอะไรไป?”

เฉินอ๋องจับแขนของโม่หลานโดยไม่สนอะไร ทำท่าทางเหมือนคนที่กลัวเมียในทันที “มีดดาบไร้ดวงตา เจ้าระวังตัวไว้หน่อยเถอะ!”

ฝ่าบาททนดูไม่ได้อีกต่อไป “เฉินอ๋อง ที่นี่คือห้องโถงใหญ่ เจ้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้ถูกเรียกแบบนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะลงโทษเจ้าหรือไง!”

“เสด็จพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าก็แค่สงสารหวางเฟยกับลูกที่ยังไม่ได้กำเนิด นี่เป็นลูกคนแรกของข้าเลยนะ เสด็จพี่ท่านได้โปรดเหลือคนสืบทอดตระกูลคนหนึ่งให้ข้าด้วยเถอะ!” เฉินอ๋องจงใจเช็ดน้ำตาที่ไม่มีบนแก้ม

“เอาล่ะ ข้าเรียกโม่หลานกับจี้อวี๋มาก็แค่อยากถามความคิดเห็นของพวกเขาเท่านั้น ไม่ได้ให้โม่หลานไปสู้รบ พูดเหมือนกับข้าไม่เห็นความเป็นความตายของโม่หลานเลย

จะอย่างไร นางก็เป็นแม่ทัพหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นต้าเยียน แน่นอนว่าข้าก็ไม่ส่งนางไปสนามรบในตอนที่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่แล้ว! ” ฝ่าบาทถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เฉินอ๋องตื่นเต้นมาก “ขอบพระทัยเสด็จพี่”

“ฝ่าบาท ในเมื่อแม่ทัพโม่กำลังตั้งครรภ์ไปไม่ได้ มิสู้ให้หม่อมฉันนำกองทัพไปที่ที่ชายแดนสืบดูว่าตกลงพวกเขาอย่างทำอะไรกันแน่ หากฝ่าบาททรงไม่ไว้ใจ ก็สามารถให้แม่ทัพโม่ฉีเฟิงติดตามไปด้วยก็ได้” จี้อวี๋เสนอแนะ

โม่หลานคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลดี ตอนนี้ตัวเองไม่สามารถออกไปสู้รบได้จริง “ฝ่าบาท พี่ชายหม่อมฉันไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

“เรื่องนี้ข้ายังต้องพิจารณาดู วันนี้พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ” ฝ่าบาทพูดอย่างเฉยชา

“พ่ะย่ะค่ะ เพคะ!”

ออกจากพระราชวัง โม่หลานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ “ไม่สิ จี้อวี๋ทำไมเจ้าถึงใจดีมาเสนอแนะพี่ใหญ่ข้า หรือว่าเจ้าชอบพี่ใหญ่ข้า?”

จี้อวี๋หัวเราะคิคิ “ถูกต้อง เจ้าตอบถูกแล้ว” หลังจากพูดจบ ก็เดินจากไป

โม่หลานตกตะลึง “หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าอย่าคิดเลย ข้าไม่มีวันให้เจ้ามาเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นอันขาด!”

หากในอนาคตเห็นจี้อวี๋แล้วต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้ใหญ่ โม่หลานแค่นึกดูก็ยังรู้สึกว่าคับข้องใจเลย

“โอ้ ท้องของข้า!” โม่หลานขมวดคิ้ว

“หวางเฟยเจ้าอย่าไปถือสากับนางเลย ระวังจะกระทบต่อทารกในครรภ์ ลูกของพวกข้าสำคัญกว่า พี่ใหญ่เจ้าเป็นคนฉลาด ไม่มีวันชอบจี้อวี๋ที่ปากไม่ดีนั้นอย่างแน่นอน!” โม่ฉือหานรีบปลอบโยนทันที

“ถูกต้อง พี่ใหญ่ข้าไม่ได้ตาบอดสักหน่อย” โม่หลานพูดเห็นด้วย

“งั้นพวกข้ากลับจวนไปพักกันเถอะ!” โม่ฉือหานพยุงโม่หลานไว้แล้วกลับจวน

“อืม!”

………………

แคว้นเป่ยลี่

โม่เหลิ่งเหยียนพาเหล่าองครักษ์ลับและทหารที่เชื่อได้ออกเดินทางอย่างไม่หยุดยั้ง และตอนนี้มาถึงเขตชานเมืองของเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยลี่แล้ว

“ท่านอ๋อง พวกข้าจะไปหาจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยหรือไม่ พรุ่งนี้ก็คืองานวันแต่งของเป่ยหมิงฉี่แล้ว?” หลันหวูถาม

“ไม่ต้อง ในเมื่อพวกเขาอยู่ในวังคาดว่าก็คงปลอดภัยดี พวกข้าอยู่ในนอกเมืองหลวง หากเกิดเรื่องอะไรจริงก็สามารถด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกันได้ กองกำลังที่ไม่รู้ที่มานั้นสืบได้หรือยัง?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยสืบได้ว่าพวกเขาเป็นหน่วยกล้าตายของหยู่อ๋อง และตอนนี้พวกเขาประจำการอยู่ในป่าห่างออกไปยี่สิบไมล์นั้น จะลงมือหรือไม่!” หลันหวูถาม

ดวงตาของโม่เหลิ่งเหยียนเฉียบคม “ไม่ต้อง ในเมื่อไม่ได้เป็นภัยต่อหยุนถิง พวกข้าก็ไม่จำเป็นต้องยุ่ง”

“ขอรับ!”

ในเช้าตรู่ของวันถัดไป เสียงประทัดดังขึ้นในแคว้นเป่ยลี่ เสียงฆ้องและกลองดังขึ้น วันนี้เป็นพิธีแต่งตั้งฮองเฮาของแคว้นเป่ยลี่ และยิ่งเป็นวันแต่งงานของเป่ยหมิงฉี่กับรั่วเฟิงซี ทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ก็ร่วมเฉลิมฉลองกัน

ในตอนเช้า จวินเสี่ยวเหยียนกับจวินเสี่ยวเหยียนก็ถูกปลุกให้ตื่น ได้ยินว่าพิธีแต่งตั้งฮองเฮาในวันนี้มีของอร่อยและสนุกสนาน ทั้งสองก็บอกว่าจะไปดูความครึกครื้น หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวพาลูกทั้งสองไปชมพิธีงานแต่ง

เหล่าข้าราชการรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ องครักษ์เข้าแถว เหล่าข้าราชการทำความเคารพ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าอลังการและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

ท่ามกลางฝูงชน กู้สวิ๋นอวี่มองดูรั่วเฟิงซีที่สวมชุดชุดเจ้าสาว บนหัวสวมมุงกฎหงส์ไว้แล้วยืนอยู่ข้างๆเสด็จพี่ และถูกเหล่าข้าราชการคำนับและตะโกนว่าฮองเฮาทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี อิจฉาจนหน้าซีดขาวเลย

ทำไม ทำไมรั่วเฟิงซีสามารถแต่งให้กับเสด็จพี่ ทำไมนางถึงได้เป็นฮองเฮาแห่งแคว้นเป่ยลี่ ทำไมนางต้องถูกเหล่าข้าราชการคำนับ——

ตัวเองเทียบกับนางไม่ได้ตรงไหน ทั้งหมดนี้ในวันนี้แต่เดิมควรเป็นของตัวเอง กู้สวิ๋นอวี่มองดูชุดสีแดงของรั่วเฟิงซีด้วยความแค้นเคือง ดวงตาแสนสวยนั้นฉายความได้ใจ

บนที่สูง รั่วเฟิงซีมองดูเป่ยหมิงฉี่ที่อยู่ข้างๆ เขาสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลือง สงบและใจกล้า ใบหน้าเย็นชาและเฉียบคม เขาในตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงมากขึ้น

ในที่สุดตัวเองก็แต่งให้เขาสักที ดียิ่งนัก เมื่อก่อนตอนเด็กๆนางมักจะวิ่งไล่ตามหลังเป่ยหมิงฉี่อยู่เสมอ เป็นหางน้อยของเขา

ตอนนี้ ในที่สุดนางก็ไม่ใช่ยืนอยู่ข้างหลังเขาสักที แต่กลับอยู่เคียงข้างกับเขา รั่วเฟิงซีรอจนถึงวันนี้สักที

เป่ยหมิงฉี่ยื่นมือออกไปจับมือของรั่วเฟิงซี มองดูนางคิ้วที่สวยงาม และแต่งหน้าอย่างงามนั้น ก็เอ่ยปากว่า “จากนี้ไป เจ้าก็คือฮองเฮาของข้า ร่วมมือปกครองใต้หล้าแห่งแคว้นเป่ยลี่นี้กับข้า!”

รั่วเฟิงซีพยักหน้าเบา ๆ “อืม!”

“ฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียง ดื่มสุราสมรสแก้วนี้แล้วพิธีงานแต่งก็เสร็จสิ้นแล้ว!” หยู่อ๋องกล่าว

เขาเป็นเสด็จอาของเป่ยหมิงฉี่ และเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในราชวงศ์ของแคว้นเป่ยลี่ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาในวันนี้นั้นเขาเป็นคนจัดการเอง หยู่อ๋องสั่งให้ยกสุราสองแก้วขึ้นมาทันที

เป่ยหมิงฉี่กับรั่วเฟิงซีรับสุราสองแก้วนั้นมา มองหน้ากัน แขนไขว้เขวกัน ดื่มแลกแก้วสุรา

“พิธีแต่งตั้งฮองเฮาเสร็จสิ้นแล้ว เชิญฝ่าบาทกับฮองเฮาเหนียงเหนียงเข้านั่ง เหล่าข้าราชย้ายไปที่ห้องโถงใหญ่!” หยู่อ๋องพูด

เป่ยหมิงฉี่จับมือรั่วเฟิงซี และทั้งสองเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ ด้านหลังตามด้วยเหล่าข้าราช ยิ่งใหญ่เกรียงไกรและสง่างาม

รั่วเฟิงซีกำลังจะนั่งลง ทันใดนั้นก็รู้สึกร่างกายเจ็บปวดยิ่งนัก สีหน้าซีดลง อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างแรง กระอักเลือดออกมา

“เฟิงซี เจ้าเป็นอะไรไป หมอหลวง รีบเรียกหมอหลวงเร็ว!” หัวใจของเป่ยหมิงฉี่บีบรัดแน่น กังวลมากจนรีบกอดรั่วเฟิงซีไว้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท