จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 912 ท่านจับจนข้าเจ็บแล้ว
“เพราะข้าชอบฝ่าบาท ข้าไม่อยากให้กู้สวิ๋นอวี่เกาะแกะเขาอยู่ตลอดเวลา อันที่จริงข้าก็รู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่ากู้สวิ๋นอวี่ชอบฝ่าบาท แม้ว่านางจะเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี แต่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ข้าจึงมองออกเป็นธรรมดา
ชุดเจ้าสาวครั้งแรกของข้าถูกฮูหยินรองเอาไปใส่ ทำให้โดนยาพิษตาย ข้าก็เดาได้แล้วว่าเป็นการกระทำของกู้สวิ๋นอวี่ ไม่ว่ายังไงคนที่กล้าวางยาพิษในชุดเจ้าสาวที่ฝ่าบาทพระราชทาน ก็น้อยจนนับได้
ครั้งที่สองที่ฝ่าบาทให้คนส่งชุดแต่งงานมา ข้ากลัวว่าจะถูกคนเล่นลูกไม้อีก แอบหาลูกสุนัขตัวหนึ่งมาลองดูผลสรุปก็ยังมียาพิษอีก แค่คิดก็รู้แล้วว่ากู้สวิ๋นอวี่เกลียดข้าเข้ากระดูกดำ
ดังนั้นข้าจึงใช้แผนซ้อนแผน จงใจสวมชุดแต่งงานที่มียาพิษ เช่นนี้แล้วเมื่อข้าพิษกำเริบฝ่าบาทก็จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างกระจ่าง ด้วยความสามารถของฝ่าบาทจะต้องสืบกู้สวิ๋นอวี่ออกมาได้แน่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็จะต้องทำโทษกู้สวิ๋นอวี่อย่างแน่นอน และข้าก็จะได้กำจัดศัตรูความรักที่อยากจะได้ฝ่าบาททิ้งไปคนหนึ่ง แม้ว่าวิธีการนี้จะไม่ได้โจ่งแจ้งนัก แต่ข้าก็ไม่หวังจะให้มีคนมาคิดทำร้ายข้าอยู่ตลอด
ฝ่าบาทจะมีหญิงงามในวังหลังเป็นสามพันคนข้าไม่สามารถขัดขวางได้ แต่สนมกำนัลนางในเหล่านั้นจะต้องไม่โหดเหี้ยมและมีแผนการเหมือนกู้สวิ๋นอวี่เด็ดขาด
บางทีซื่อจื่อเฟยอาจจะคิดว่าข้าทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรืออาจจะรู้สึกว่าข้าทำได้ทุกวิถีทางโดยไม่เลือกเพื่อเป้าหมายของตัวเอง แต่ข้าก็เพียงแค่ใช้วิธีการของตัวข้าเองเพื่อปกป้องตัวเอง และนี่ก็เป็นวิธีการเดียวที่ข้าคิดได้!” รั่วเฟิงซีพูดความในใจที่ฝังอยู่ในส่วนลึกออกมาทั้งหมด
เพราะนางรู้ อยู่ต่อหน้าของซื่อจื่อเฟยผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดผู้นี้ การตรงไปตรงมาเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หยุนถิงมองดูรั่วเฟิงซีที่มีใบหน้าอันซีดขาว สีหน้าท่าทางเป็นการทุ่มหมดหน้าตัก ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “ท่านแค่ไม่อยากนั่งนิ่งๆรอความตาย จะเป็นความผิดได้อย่างไร!”
คำพูดประโยคหนึ่ง รั่วเฟิงซีมองไปทางหยุนถิงด้วยความตะลึงงัน “ซื่อจื่อเฟย ท่านไม่โทษข้า ไม่คิดว่าข้าโหดร้ายหรือเพคะ?”
“จะเป็นได้ยังไง ท่านเพียงแค่ตอบโต้คนที่ทำร้ายท่านอย่างสุดความสามารถ ก็เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่ตำหนิท่านเจ้า ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่ได้บอกทุกอย่างกับข้าหมดแล้วหรือ
แต่ครั้งหน้าอย่าใช้วิธีการที่อันตรายเช่นนี้อีก ท่านไม่กลัวหรือไงว่าพิษอันร้ายแรงในชุดแต่งงานนั่นพอที่จะเอาชีวิตท่านได้
หากว่าไม่ระวังจนต้องจบชีวิตไป หลังจากนี้ยังจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเป่ยหมิงฉี่ได้อย่างไร ตอบโต้ได้ แต่ต้องรักชีวิตด้วย ข้าคิดว่าเป่ยหมิงฉี่ก็ไม่ได้อยากจะเห็นท่านเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ” หยุนถิงกล่าวปลอบโยน
รั่วเฟิงซีเบ้าตาแดงไปหมด ความรู้สึกในใจปะปนซับซ้อน รู้สึกซาบซึ้งอย่างไร้ที่เปรียบ “ซื่อจื่อเฟยขอบพระทัยในความเข้าใจและความเมตตาของท่านเพคะ ข้าคิดว่าหลังจากที่ท่านรู้แล้วจะคิดว่าข้าโหดเหี้ยมซะอีกเพคะ——“
“การปกป้องตัวเองไม่มีความผิด การตอบโต้ก็ยิ่งไม่ผิด หากว่าเปลี่ยนเป็นข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองสวมชุดแต่งงานนั่น แต่จะให้กู้สวิ๋นอวี่สวมมันซะ เช่นนี้จะไม่ยิ่งระบายความโกรธได้ดีกว่ารึ!” หยุนถิงตอบกลับเบาๆประโยคหนึ่ง
รั่วเฟิงซีรู้สึกประหลาดใจก่อน ทันทีจากนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้หยุนถิง “สมแล้วที่เป็นซื่อจื่อเฟย เฟิงซีละอายใจไม่สามารถเทียบได้เพคะ!”
“เอาล่ะ รักษาบาดแผลให้ดีๆเถอะ วันนี้คำที่พวกเราพูดกันจะไม่มีคนที่สามรับรู้อีก!” หยุนถิงกล่าวปลอบ
“ขอบพระทัยซื่อจื่อเฟยยิ่งนัก ขอบพระทัยยิ่งนักเพคะ!” รั่วเฟิงซีซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้
จากนั้นหยุนถิงก็ปลอบนางอีกสองสามคำ จึงได้เดินออกไป จากแผนการของรั่วเฟิงซีก็พอที่จะสามารถปักหลักที่วังหลังได้ เป่ยหมิงฉี่เลือกฮองเฮาที่มีความสามารถผู้หนึ่งได้จริงดังคาด เป็นเช่นนี้นางก็วางใจแล้ว
และทางนี้ จวินหย่วนโยวกำลังดูปลาคาร์ฟกับจวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนในสระน้ำที่อุทยานด้านหลังอยู่พอดี หยุนถิงถือชาแก้วหนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไม่ไกล
“ท่านพี่ ดื่มชาให้ชุ่มคอเถอะเพคะ!” หยุนถิงยกเข้ามาให้อย่างเป็นธรรมชาติ
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปรับมาโดยไม่ลังเล “ขอบใจถิงเอ๋อร์มาก”
“ท่านพี่เกรงใจแล้ว” หยุนถิงยิ้มบางๆ
ขณะที่จวินหย่วนโยวกำลังจะดื่มชาเมื่อดมได้กลิ่นจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่เหมือนชาที่หยุนถิงชงให้เขาในวันปกติ
เขาเงยหน้าขึ้นมองหยุนถิงที่อยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มแพรวเสน่ห์บางๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือผิดปกติตรงไหน
“ท่านพี่ ไม่อร่อยหรือเพคะ?” หยุนถิงถาม
“ไม่ใช่ แค่รสชาติเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย” จวินหย่วนโยวพูดพลาง ก็แหงนหน้าดื่มอีกสองสามคำ
“ก็แค่อยากเปลี่ยนรสชาติให้ท่านพี่ตามปกตินั่นแหละเพคะ” หยุนถิงเห็นเขาดื่มชา ดวงตาอันงดงามก็เป็นความภูมิใจวาดผ่าน แต่แค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก็ถูกนางปิดบังไว้แล้ว
“เสี่ยวเทียน เสี่ยวเหยียนแม่พาพวกเจ้าไปจับผีเสื้อดีกว่า!” หยุนถิงกล่าวพลางก็เดินไปทางเด็กทั้งสองคนพลาง
ในนาทีนั้นที่นางเดินเข้าไป จวินหย่วนโยวหันหน้าอ้วกชาในปากทั้งหมดออกมา เพราะว่าก่อนหน้านี้หยุนถิงเคยบอกตัวเองไว้ว่า หากนางมีอะไรแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองจะต้องห้ามประมาท แต่ก็หวังว่าจะเป็นตัวเขาเองที่คิดมากไป
“ข้าชอบจับผีเสื้อที่สุดเลยเพคะ” จวินเสี่ยวเหยียนยื่นมือไปจูงมือของแม่ไว้ด้วยความดีใจ
แต่จวินเสี่ยวเทียนกลับไม่ได้สนใจมากนัก “ท่านแม่ ข้าดูปลาคาร์ฟดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ชอบจับผีเสื้อ”
“ได้” หยุนถิงจูงมือจวินเสี่ยวเหยียนเดินไปด้านข้างอุทยาน ฝีเท้านั้นมีความเร็วมาก สำหรับเสี่ยวเหยียนแล้วก็เป็นการถูกลากให้เดิน
“ท่านแม่ ท่านเดินช้าหน่อย ข้าแทบจะตามไม่ทันแล้ว ท่านจับจนข้าเจ็บแล้วเพคะ!” จวินเสี่ยวเหยียนตะโกนกล่าวเสียงดัง
แต่มือของหยุนถิงที่จับจวินเสี่ยวเหยียนไว้ไม่ได้คลายออก “เจ้าเดินช้าเกินไปแล้ว ไม่เร็วหน่อยผีเสื้อก็บินหนีไปหมดแล้ว!”
เห็นเงาหลังของหยุนถิง ทั้งยังมีการออกแรงจูงมือของเสี่ยวเหยียนอีก แล้วมองไปยังท่าทีที่ต่อต้านของลูกสาว สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็เคร่งขรึมดั่งน้ำแข็งขึ้นมาทันที โจมตีหยุนถิงไปฝ่ามือหนึ่งอย่างรุนแรง
“ปล่อยเสี่ยวเหยียน!” จวินหย่วนโยวคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง
แต่หยุนถิงซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรนั้นรับรู้ได้ถึงอันตรายที่อยู่ด้านหลัง ดึงเสี่ยวเหยียนหลบไปอีกทาง พวกนางยังยืนได้ไม่มั่นคง องครักษ์เงามังกรที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับในพระราชวังก็ต่างพากันลงมาจากฟากฟ้า ล้อมรอบหยุนถิงและจวินเสี่ยวเหยียนไว้ตรงกลาง แต่องครักษ์เงามังกรทั้งหมดก็ถูกสะเทือนแล้ว ทำไมจู่ๆซื่อจื่อถึงได้ลงมือกับซื่อจื่อเฟยเช่นนี้ได้
เหยียนซู่เสวี่ยมองไปยังจวินหย่วนโยวที่สงบนิ่งปลอดภัยด้วยสายตาอันเย็นชา ทั้งคนก็ตกตะลึงไปแล้ว “ท่านไม่เป็นอะไรได้ยังไง?”
“เจ้าปลอมตัวเป็นซื่อจื่อเฟยของข้า ทั้งยังวางยาพิษข้าอีก ฝีมือการแสดงอ่อนด้อยขนาดนี้ก็ยังริอ่านมาอวดดีต่อหน้าข้าอีกรึ ปล่อยเสี่ยวเหยียนซะไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!” จวินหย่วนโยวกล่าวคำรามด้วยความโกรธอันน่าเกรงขาม
องครักษ์เงามังกรเข้าใจได้ทันที คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าปลอมตัวเป็นซื่อจื่อเฟย รนหาที่ตาย พวกเขาทั้งหมดชักดาบเตรียมพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
“ท่านพ่อท่านเป็นอะไรไป ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!” จวินเสี่ยวเหยียนตกใจขวัญเสีย ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาทันที
“น้องสาว ระวัง!” จวินเสี่ยวเทียนตะโกนเสียงดัง รู้สึกเป็นห่วงอย่างที่สุด
“ไม่ต้องกลัว มีพ่ออยู่ จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด” จวินหย่วนโยวกล่าวปลอบใจ
เหยียนซู่เสวี่ยคิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยวจะเฉลียวฉลาดเช่นนี้ นางเลียนแบบหยุนถิงมานานเพียงนี้ กลับยังถูกเขาเปิดโปงได้ แม้ว่านี่จะเกินความคาดหมายของนาง แต่มียัยเด็กน้อยนี่อยู่ในมือ เหยียนซู่เสวี่ยก็ยังแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
“จวินซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์สง่างาม ฉลาดเฉลียวดังคาด ไม่ผิด ข้าก็คือตัวปลอม แม้ว่าท่านจะจำข้าได้แล้วจะยังไง ตอนนี้บุตรสาวของท่านอยู่ในกำมือข้า ไม่อยากให้นางตายท่านก็ตายเองซะสิ!” เหยียนซู่เสวี่ยถอดหน้ากากหนังคนบนหน้าทิ้ง ขณะเดียวกันกริชในมือก็วางค้ำยันอยู่บนคอของจวินเสี่ยวเหยียน
จวินหย่วนโยวได้เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน ความโกรธทะยานค้ำฟ้า “เจ้าคือเจ้าสำนักของสำนักหิมะ ทำไมถึงต้องปลอมตัวเป็นซื่อจื่อเฟยของข้าด้วย?”
“คิดไม่ถึงว่าจวินซื่อจื่อยังจะจำข้าได้ ข้าปลอมตัวเป็นหยุนถิงก็เพื่อจะแก้แค้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เจว๋กู่เจ็บปวดทรมานจนไม่อยากจะมีชีวิต มีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นก็เพราะยาพิษของหยุนถิง
ข้าเห็นเขาเจ็บปวดชักกระตุกอยู่บนเตียงด้วยตาตัวเอง ยืนไม่ไหว นั่งไม่ลง นอนไม่ได้ คนก็ถูกทรมานจนแทบจะเป็นคนก็ไม่ใช่ เป็นผีก็ไม่เชิง สุดท้ายก็ทรมานจนตาย
หยุนถิงฆ่าคนที่ข้ารักมากที่สุด ดังนั้นข้าจึงต้องการจะฆ่าท่าน ฆ่าลูกของพวกท่าน และทำให้นางได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียคนอันเป็นที่รัก ทำให้ถูกความเจ็บปวดทรมานไปทั้งชีวิต!” เหยียนซู่เสวี่ยคำรามด้วยความโกรธ