จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 914 ให้นางพักผ่อนให้ดี
นางออกมาจากตำหนักของรั่วเฟิงซี ทีแรกก็คิดจะมาหาจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงฟาดฟันกันดังมาจากทางนี้ในระยะไกล จึงรีบตามมา
จากนั้นก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนอยู่ แต่สีหน้าของจวินเสี่ยวเหยียนไม่น่าดูเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนมีแรงแต่ไร้กำลัง
“เสี่ยวเหยียนอาจจะโดนยาพิษเข้าแล้ว เจ้ารีบดูนางหน่อย เหยียนซู่เสวี่ยนำคนของสำนักหิมะมาลอบโจมตี ข้าตามสืบกองกำลังที่ไม่ชัดเจนนี่มาตลอดทางจึงสืบได้ว่าพวกเขาจะดำเนินการลอบสังหารคืนนี้ กลัวว่าพวกเจ้าจะถูกคนคิดปองร้าย จึงได้รีบนำคนของหอดวงจันทร์มาช่วย” โม่เหลิ่งเหยียนตอบสั้นๆ
“ถิงเอ๋อร์ เสี่ยวเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความเป็นห่วง
สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึม ดวงตาอันงดงามจ้องมองไปทางเหยียนซู่เสวี่ยอย่างโกรธแค้น “สมควรตาย คิดไม่ถึงว่าจะกล้าวางยาพิษเสี่ยวเหยียน! ข้าจะช่วยเจ้าถอนพิษเดี๋ยวนี้ ท่านพี่อย่าปล่อยนางไป”
หยุนถิงทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง เอื้อมมือไปอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนกลับมา หมุนตัวมุ่งตรงไปที่ห้อง ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าชีวิตของเสี่ยวเหยียน เดี๋ยวนางค่อยกลับไปจัดการนังหญิงชั่วนั่น
โม่เหลิ่งเหยียนก็ตามเข้าไปด้วย ทว่าเขาไม่ได้เข้าห้อง แต่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตู
มิติและอุปกรณ์การแพทย์ของหยุนถิงให้คนอื่นเห็นไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะต้องดึงหายนะเข้ามาเป็นแน่
จวินหย่วนโยวฟันเข้าไปอีกดาบหนึ่ง ตัดแขนข้างหนึ่งของเหยียนซู่เสวี่ยไป เหยียนซู่เสวี่ยกลิ้งอยู่บนพื้น และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“มอบยาถอนพิษออกมาซะ!” จวินหย่วนโยวคำรามด้วยความโกรธ
“หึ ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะรอดออกไป ตอนนั้นเจ้าวางยาพิษฆ่าเจว๋กู่ วันนี้ข้าก็จะทำให้เจ้าเห็นลูกสาวของเจ้าตายไปต่อหน้าของเจ้า ทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ในความเกลียดแค้นและความเจ็บปวดทรมานไปชั่วชีวิต!” เหยียนซู่เสวี่ยหัวเราะเยาะด้วยความเย็นชา
สีหน้าท่าทางของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกจนตกผลึก ดวงตาอันงดงามเฉยเมยและอันตรายมองไปทางนาง ดาบหนึ่งแทงทะลุสะบักไหล่ของเหยียนซู่เสวี่ย
เลือดสีแดงสดย้อมชุดกระโปรงของเหยียนซู่เสวี่ยเป็นสีแดงในพริบตา ไหลลงมาตามเสื้อผ้าสีขาวของนาง น่าสยดสยอง เหยียนซู่เสวี่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นไหลออกมาที่หน้าผากอยู่ตลอด แต่ก็ยังคงไม่ได้ร้องขอชีวิต
จวินหย่วนโยวไม่มีความลังเลแม้สักนิด ชักดาบยาวออกมาด้วยความรวดเร็วและรุนแรง แล้วแทงไปที่สะบักไหล่อีกข้างของเหยียนซู่เสวี่ยอีกครั้ง
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นสนั่นฟ้า ทำให้คนที่ได้ยินขนหัวลุก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่มีสักคนเดียวที่เห็นใจ
เนื่องด้วยความเจ็บปวดจนเกินไป เหยียนซู่เสวี่ยเจ็บจนหมดสติไป
จวินหย่วนโยวไม่ได้มองเหยียนซู่เสวี่ยแม้สักแวบเดียว เอาดาบในมือโดนไปให้หลงซาน ยกเท้าขึ้นแล้วมุ่งตรงไปที่ห้อง
โม่เหลิ่งเหยียนหลบทางให้ทันที จวินหย่วนโยวเดินเข้าไป โม่เหลิ่งเหยียนเอื้อมมือไปปิดประตู ทั้งคนเป็นเหมือนดั่งเซียนเฝ้าประตูเช่นนั้น ยืนอยู่ที่นั่นไม่ขยับเขยื้อน
และในห้อง หยุนถิงกำลังช่วยจวินเสี่ยวเหยียนตรวจชีพจรอีกครั้ว สีหน้าไม่น่ามองยิ่งขึ้น
“ถิงเอ๋อร์ ยาพิษที่เสี่ยวเหยียนโดนถอนยากมากหรือ?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ยุ่งยากอยู่จริงๆ เพราะว่านี่ไม่ใช่พิษร้ายแรงชนิดเดียว แต่เป็นสามชนิด ข้าจะทุ่มเทสุดความสามารถในการรักษาเสี่ยวเหยียน รอให้ข้าถอนพิษได้ข้าจะไปคิดบัญชีกับยัยผู้หญิงชั่วช้านั่น!” หยุนถิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
นางใช้เข็มจิ้มนิ้วของจวินเสี่ยวเหยียนเป็นแผล บีบเลือดสีดำออก จากนั้นก็หยดลงในภาชนะที่นำออกมาจากมิติ
“ต้องการให้ข้าทำอะไร?”
“ท่านดูเสี่ยวเหยียน ข้าต้องเข้าไปในมิติรอบหนึ่ง หากว่านางมีการตอบสนองใดก็เรียกข้า!” หยุนถิงตอบ
“ได้”
หยุนถิงรีบเข้าไปในมิติด้วยความนึกคิดทันที เอาเลือดพิษของเสี่ยวเหยียนที่อยู่ในภาชนะไปกลั่น จนกระทั่งหยุนถิงมั่นใจในองค์ประกอบของสารพิษแล้ว จากนั้นจึงได้เริ่มปรุงกลั่นยา
และด้านนอกห้อง ขณะที่เป่ยหมิงฉี่รีบนำคนไล่ตามมานั่น ลูกน้องของหอหิมะเหล่านั้นก็ถูกองครักษ์เงามังกรและคนของหอดวงจันทร์สังหารไปหมดแล้ว ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เป่ยหมิงฉี่รีบให้คนจัดการศพทันที
เมื่อเห็นโม่เหลิ่งเหยียนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป่ยหมิงฉี่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ซวนอ๋องกระทำการได้เงียบเชียบเป็นความลับสุดยอดจนไม่มีผู้ใดรับรู้ได้เลยจริงๆดังคาด พาคนมากมายขนาดนี้เข้าวัง คนของข้ากลับสังเกตไม่ได้เลยสักนิด!”
“ข้าแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของจวินหย่วนโยวและหยุนถิงเท่านั้น หากจะเอาชีวิตเจ้า เวลานี้เจ้าก็คงจะไม่ได้ยืนพูดอยู่ตรงนี้แล้ว!” น้ำเสียงของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยือก หยิ่งผยองเป็นที่สุด
เป่ยหมิงฉี่ยอมแพ้ เขาไม่ได้คิดสงสัยในศักยภาพของโม่เหลิ่งเหยียนเป็นธรรมดา
ตั้งแต่ที่โม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่นๆเข้ามาในเขตพรมแดนแคว้นเป่ยลี่ องครักษ์ลับก็รายงานมาโดยตลอด เป่ยหมิงฉี่ก็รับรู้ทั้งหมด เพียงแต่เมื่อวันก่อนองครักษ์ลับเพิ่งจะบอกเขาว่าพวกเขามาถึงชานเมืองหลวงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้รายงาน พวกเขาก็มาถึงพระราชวังอย่างเงียบกริบไร้ข่าวสาร ซึ่งเห็นได้จากวิธีการและความรวดเร็ว
“โม่เหลิ่งเหยียนเจ้าจะไว้หน้าข้าสักหน่อยไม่ได้เลยรึไง!” เป่ยหมิงฉี่กล่าวด้วยความไม่พอใจขึ้นประโยคหนึ่ง
“เจ้ายังต้องการหน้าตาอยู่อีกหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามกลับ
ก่อนที่เจ้าหมอนี่จะเป็นฮ่องเต้ ทำเรื่องน่าอายเหล่านั้นไว้ยังน้อยอยู่หรือไง
“ได้ คิดว่าข้าไม่ได้พูดละกัน จ้าวกงกงเจ้ารีบพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องรับแขก จัดเตรียมอาหารที่ดีที่สุด!” เป่ยหมิงฉี่กล่าวด้วยความยอมแพ้
บนโลกนี้ก็มีแค่จวินหย่วนโยว หยุนถิงและโม่เหลิ่งเหยียนเท่านั้นที่ทำให้เขาจนปัญญาเช่นนี้ กำจัดก็ไม่ได้แถมยังไม่สามารถล่วงเกินได้อีก ไม่ต้องเอ่ยว่าคับข้องใจเพียงใดแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” จ้าวกงกงไปเตรียมการด้วยความฉับไว
“ทุกคนลำบากมาตลอดทาง ไปพักผ่อนให้หมด” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปากขึ้นเบาๆ
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนเดินตามจ้าวกงกงไป แต่โม่เหลิ่งเหยียนกลับไม่ได้ไหวติง หลงยีและคนอื่นก็เฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งหมด หลงซานและหลงซื่อไปที่หน้าต่างด้านหลัง หลงหวู่และหลงลิ่วขึ้นไปบนหลังคาโดยตรง เรียกได้ว่าล้อมรอบทั้งบ้านเอาไว้
เป่ยหมิงฉี่เห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็หมดคำจะพูดจริงๆ มิน่าล่ะล้วนว่ากันว่าองครักษ์เงามังกรเก่งกาจ นี่ก็เป็นวิธีการล้อมรอบเพื่อเฝ้าดู เขารู้สึกทอดถอนใจที่ตัวเองเทียบไม่ได้
เป่ยหมิงฉี่ได้ยินว่าจวินเสี่ยวเหยียนเกิดเรื่องขึ้น รู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง ฐานะที่เขาเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยลี่ กลับปล่อยให้คนมากมายปะปนเข้าวังมาได้ สมควรตายจริงๆ
เป่ยหมิงฉี่อยากไปเยี่ยมจวินเสี่ยวเหยียน แต่กลับถูกโม่เหลิ่งเหยียนขวางไว้ “ก่อนที่หยุนถิงจะออกมา ผู้ใดก็เข้าไปรบกวนไม่ได้ รวมถึงเจ้า”
“ข้าเพียงแค่เป็นห่วงยัยตัวเล็กนั่น ไม่เข้าไปก็ไม่เข้าไป” เป่ยหมิงฉี่กล่าวขึ้น แล้วรีบสั่งให้หมอหลวงทุกคนรออยู่หน้าประตู เพียงแค่หยุนถิงมีความต้องการ พวกเขาก็จะให้ความร่วมมือเต็มที่
หมอหลวงทุกคนรับคำสั่ง ยืนรออยู่ที่ประตู
จ้าวกงกงนำอาหารผลไม้และขนมมาส่งด้วยตัวเอง โม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่นก็ยืนกินเล็กน้อยอยู่หน้าประตู จากนั้นก็เฝ้าต่อไป
เป่ยหมิงฉี่เห็นโม่เหลิ่งเหยียนเป็นเช่นนี้ ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ทั่วหล้านี้สามารถทำให้ซวนอ๋องอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้จะมีฟ้าผ่าได้ เกรงว่าก็คงจะมีแค่หยุนถิงเท่านั้นแล้วสินะ
หากว่าจวินหย่วนโยวเห็นซวนอ๋องเป็นเช่นนี้ แล้วเขาก็เป็นคนที่ขี้หึงเช่นนั้น ทั้งสองคนก็คงจะต้องมีปากเสียงกันขึ้นมาแน่
เพียงแค่รอครั้งหนึ่งก็เป็นเวลาสามวัน คืนวันที่สาม ประตูห้องเพิ่งได้เปิดออก หยุนถิงเดินออกมาจากด้านใน
“เสี่ยวเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง?” โม่เหลิ่งเหยียนรีบเอ่ยถาม
“วางใจเถอะ ถอนพิษได้แล้ว” หยุนถิงพูดจบ เบื้องหน้าก็มืดลงและหมดสติไปทันที
“หยุนถิง!”
“ถิงเอ๋อร์!” โม่เหลิ่งเหยียนและจวินหย่วนโยวยื่นมือออกมาพร้อมกัน หนึ่งคนก็ดึงแขนข้างหนึ่งของหยุนถิงไว้
“นางเป็นอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“ถิงเอ๋อร์ไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว เพราะเหนื่อย ให้นางพักผ่อนเถอะ” จวินหย่วนโยวตอบ แล้วอุ้มหยุนถิงขึ้นมาโดยตรง
โม่เหลิ่งเหยียนปล่อยมือ “พักผ่อนให้ดี ข้าจะเฝ้าด้านนอกไว้!”
“ขอบใจมาก!”
ประโยคนี้ ออกมาจากใจจริงของจวินหย่วนโยว มีโม่เหลิ่งเหยียนอยู่ เขาสามารถวางใจได้จริงๆ
จวินหย่วนโยวรีบอุ้มหยุนถิงกลับไปที่เตียง ให้นางนอนข้างจวินเสี่ยวเหยียน จึงได้รู้สึกโล่งใจ ช่วยนางห่มผ้าให้ดีแล้วเดินออกไป
“เหยียนซู่เสวี่ยล่ะ?”