จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 926 หน้าตาดูดีจริงๆ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 926 หน้าตาดูดีจริงๆ

“พี่หญิงใหญ่ท่านเพิ่งกลับมายังไม่รู้เรื่อง ข้ากำลังจะบอกท่านอยู่พอดี เป่ยตันเสวี่ยองค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยลี่เสียชีวิตจากการให้กำเนิดบุตร ทิ้งลูกชายเอาไว้ให้โม่ฉือหานคนหนึ่ง

ตามหลักแล้วความสัมพันธ์ระหว่างโม่ฉือหานกับเป่ยตันเสวี่ยไม่สู้ดีเท่าไหร่ เด็กคนนี้น่าจะให้แม่นมเลี้ยงดูถึงจะถูก แต่โม่ฉือหานกลับให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้อย่างยิ่ง

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าโม่ฉือหานมีลูกชายคนหนึ่ง แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังชมว่าเขาเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง” หยุนซูรีบอธิบายทันที

“เป่ยตันเสวี่ยคลอดลำบาก เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

เดิมทีนางยังคิดจะกลับมาคิดบัญชีกับเป่ยตันเสวี่ยอยู่เลย คิดไม่ถึงว่านางกลับชิงตายไปก่อน

“ตอนที่ท่านไปที่แคว้นเป่ยลี่ ประมาณหนึ่งเดือนกระมัง” หยุนซูตอบ

“ถึงแม้ในเวลาปกติเป่ยตันเสวี่ยจะน่ารำคาญจริงๆ แต่ให้กำเนิดลูกก็เสียชีวิตก็น่าอนาถจริงๆ ร่างกายของนางแข็งแรงดีมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ตอนที่ทะเลาะกับข้าฟังจากเสียงก็ดังชัดเจนดี” หยุนหลีบ่น

“นางทะเลาะกับเจ้าหรือ?”

“ใช่แล้ว ในร้านขายอาวุธของข้า นางบอกว่าจะซื้ออาวุธป้องกันตัว ข้าเกลียดท่าทางแสร้งทำเป็นใสซื่อของนางก็เลยบอกว่าไม่ขายให้นาง นางก็เลยทะเลาะกับข้า หากไม่ได้เห็นแก่ที่นางตั้งท้อง ข้าคงโยนนางออกไปเดี๋ยวนั้นเลย” หยุนหลีกล่าวด้วยความโมโห

“ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว จะไปโกรธคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันมันไม่คุ้มค่า” หยุนถิงกล่าวปลอบโยน

“พี่หญิงใหญ่กล่าวถูกต้องแล้ว”

จวนตระกูลหยุน

หยุนถิงและคนอื่นๆวิ่งเข้าไปในลานของหยุนห้า เพิ่งจะถึงหน้าประตูก็ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วลาน เดินเข้าไปก็เห็นคนทั้งคนของหยุนห้าพิงอยู่ข้างเตียง ในมือกอดไหสุราเทให้กับตัวเอง บริเวณโดยรอบของเขามีไหสุรากระจัดกระจายเต็มพื้น

เมื่อเห็นคนที่มา สีหน้าของหยุนห้าทรุดโทรมไม่แยแส ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆเลย แม้กระทั่งจะพูดก็ยังขี้เกียจจะพูด

หยุนถิงเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา รู้สึกเอ็นดูสงสารและยิ่งโมโหโกรธเคือง เดินเข้าไปเตะไหสุราที่อยู่ในอ้อมแขนของหยุนห้ากระเด็นออกไป หยิบมีดสั้นที่อยู่บริเวณเอวออกมาแล้วก็โยนเข้าไปให้

“หากท่านรู้สึกเจ็บปวดทรมาน เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หยุนซูกับหยุนหลีต่างก็ตกตะลึงงันไป

“พี่หญิงใหญ่ท่านมาเพื่อเกลี้ยกล่อมพี่ชายห้าไม่ใช่หรือ?” หยุนหลีถามด้วยความงุนงง

หยุนห้ามองไปทางมีดสั้นที่อยู่บนพื้นเล่มนั้น เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างสั่นเทา และดึงมันออกมา มีดสั้นประกายแสงที่เย็นยะเยือก เขามองด้วยความตื่นตกใจ มือที่จับมีดสั้นเอาไว้ก็สั่นเทาตามไปด้วยเช่นกัน

“ก็แค่มองผู้หญิงผิดไปคนหนึ่งเท่านั้น ท่านยังมีท่านพ่อ ยังมีพี่น้องมากมายขนาดนี้ ยังมีญาติ ยังมีทุกสิ่งทุกอย่างของจวนตระกูลหยุน

ท่านพ่ออายุมากแล้ว พี่ชายใหญ่กับเสี่ยวลิ่วอยู่ในค่ายทหารตลอดทั้งปี ซือถิงก็ยังเด็กอยู่ หรือว่าท่านจะให้น้องสาวสองคนกับพี่สะใภ้ดูแลทั่วทั้งตระกูลหยุน?

ผ่านมานานขนาดนี้ท่านก็ควรจะตั้งสติได้แล้ว หากยังคิดไม่ตกอีกเช่นนั้นก็ตายไปเสียเถิด ตายไปก็จบสิ้นแล้ว ก็จะไม่ทุกข์ทรมานเช่นนี้อีก!” หยุนถิงกล่าวทุกคำออกมาอย่างสละสลวย

สีหน้าของหยุนห้าซีดขาว มองดูมีดสั้นที่อยู่ในมือ “ข้ารักหงหลิงขนาดนั้น เหตุใดนางถึงต้องหลอกลวงข้าด้วย เหตุใดถึงต้องปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ด้วย?”

ตระกูลหยุนมีพวกเจ้าก็เพียงพอแล้ว พี่ชายใหญ่คือแม่ทัพหยุน เจ้าคือซื่อจื่อเฟย ยังได้รับการดูแลจากจวินซื่อจื่อ ไม่ได้ต้องการข้าเลยด้วยซ้ำ

ข้าก็คือคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ข้าสู้เสี่ยวลิ่วไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปยังมีความหมายอะไรอีก ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า” ขณะที่พูดเขาก็ยกมีดสั้นขึ้นมา

“พี่ชายห้าอย่า!” หยุนซูกับหยุนหลีกล่าวห้าม

หยุนถิงกลับไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแค่มองดูอย่างเย็นชา ความเจ็บช้ำที่ได้รับจากความรักมีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่ต้องคิดให้ตกและปล่อยวาง

ในนาทีที่มีดสั้นแทงเข้าไปที่หน้าอก หยุนห้ารู้สึกถึงความเจ็บปวด ตกใจจนสีหน้าซีดขาว และเขาก็ได้สติกลับมาในทันที

“ในเมื่อท่านอยากตาย เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถิด!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา

หยุนห้ายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็หน้ามืดหมดสติไป เหลือเพียงคำพูดที่เย็นชาประโยคนั้นของหยุนถิงเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ในหู

“พี่ชายห้า พี่หญิงใหญ่ท่านรีบดูพี่ชายห้าหน่อยเร็ว” หยุนหลีตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

หยุนซูก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน “พี่หญิงใหญ่ พี่ชายห้าฆ่าตัวตายจริงๆแล้ว ท่านรีบช่วยเขาเร็ว!”

“วางใจ เขาไม่ตายหรอก มีดสั้นเล่มนั้นไม่คมเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ทิ่มโดนผิวหนังนิดหน่อยเท่านั้น ข้าทายาชาเอาไว้บนมีดสั้น ในเมื่อเขาเป็นเช่นนี้ ข้าสั่งให้คนส่งเขาจากไป บางทีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอาจจะดีสำหรับเขาก็เป็นได้!” หยุนถิงอธิบาย รีบจัดการทำแผลให้หยุนห้าทันที

เป็นเช่นนั้นจริงๆ มีดสั้นเพียงแค่แทงถูกผิวหนังเล็กน้อย หยุนหลีกับหยุนซูถึงได้วางใจ

“หลงเอ้อ เจ้าส่งคนไปส่งพี่ชายห้าไปที่เขตทะเลนิรนาม แล้วส่งตัวให้กับโอจื่อโฝว ให้เขาดูแลพี่ชายห้า!” หยุนถิงกล่าว

“ขอรับ!” หลงเอ้อเรียกคนสองคนมาหามหยุนห้าออกไปทันที

“ไปเถอะ เราสามพี่น้องไปเดินเล่นกัน ไม่ได้ไปเดินตลาดด้วยกันนานมากแล้ว” หยุนถิงเสนอขึ้นมา

“ได้สิ”

สามพี่น้องไปเดินตลาดด้วยกันด้วยประการเช่นนี้ เดินตลาดซื้อของและพูดคุยไปพร้อมๆกัน มีความสุขกันอย่างมาก ตลอดทางที่เดินมาซื้อของได้มากมาย สุดท้ายก็นั่งลงตรงหน้าแผงขายชาแห่งหนึ่ง

“พี่หญิงใหญ่ เราไม่ได้เดินตลาดด้วยกันเช่นนี้มานานมากแล้ว ชาสมุนไพรนี่ก็ยังมีรสชาติเหมือนเดิม อร่อยจริงๆ” หยุนหลีกล่าว

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ชาสมุนไพรคู่กับเหลียงเกาดีที่สุด ข้าไปซื้อที่ร้านตรงข้าม พี่หญิงใหญ่ท่านนั่นรอครู่หนึ่งก่อน” หยุนซูเสนอแนะ จากนั้นก็ไปซื้อเหลียงเกาที่แผงขายตรงข้าม

หยุนถิงกับหยุนซูดื่มชาสมุนไพรอย่างสบายอารมณ์ วันที่พี่น้องของตัวเองอยู่ด้วยกันสบายใจมากจริงๆ

จู่ๆก็มีรถม้าที่หรูหราอย่างยิ่งคันหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าร้านชาสมุนไพร บ่าวเฒ่าคนหนึ่งเดินไปทางหยุนซู “เรียนถามท่านคือหยุนซู คุณหนูสามของจวนตระกูลหยุนใช่หรือไม่?”

หยุนซูมองไปทางบ่าวเฒ่าคนนั้น จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าเอง!”

บ่าวเฒ่าหันหลังไปตอบคนที่อยู่ในรถม้า จากนั้นก็มีฮูหยินที่แต่งกายหรูหราคนหนึ่งเดินลงมาจากรถม้า ให้ความสำคัญกับการแต่งกาย บุคลิกท่าทางสูงส่ง แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นฮูหยินตระกูลใหญ่มีฐานะ

หญิงนางนั้นมองพิจารณาหยุนซู และกล่าวออกมาอย่างกระตือรืนร้นทันที “เจ้าก็คือคุณหนูสามของจวนตระกูลหยุน มาให้ข้าดูหน่อยเร็ว ที่แท้นี่ก็คือหญิงสาวที่ฟั่งเอ๋อร์ชอบ หน้าตาดูดีจริงๆ ตาแหลมมาก!”

หยุนซูถูกนางชมจนตกตะลึงเล็กน้อย มองมาด้วยความมึนงง “ฮูหยิน ท่านเป็นใคร ข้าไม่รู้จักท่าน?”

“เป็นความผิดข้าเอง ลืมแนะนำตัวไป ข้าคือแม่ของซูนฟั่ง ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะมาพบเจ้า” ฮูหยินจูเก่อตอบ

หยุนซูขมวดคิ้ว “แต่ซูนฟั่งเคยบอกกับข้าว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัวและญาติ?”

“เจ้าเด็กบ้าคนนี้ คงยังคิดแค้นที่ตอนนั้นข้าส่งเขาไปให้บ้านใหญ่อุปการะแน่นอน นี่เป็นความผิดของข้าทั้งนั้น แต่ว่าข้าที่เป็นแม่คนนี้หวังเพียงว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี ติดตามข้าที่เป็นหญิงนางหนึ่ง เด็กกำพร้าและแม่หม้าย ข้าจะเลี้ยงเขาให้รอดได้อย่างไรกัน!” ขณะที่พูดฮูหยินจูเก่อก็ร้องไห้ขึ้นมา

หยุนซูเห็นนางเป็นเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี หยุนถิงกับหยุนหลีเดินเข้าไป

“ซูเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น?” หยุนถิงถาม

“พี่หญิงใหญ่ นางบอกว่าตัวเองเป็นแม่ของซูนฟั่ง!” หยุนซูตอบ

เมื่อฮูหยินจูเก่อเห็นหยุนถิง ก็คำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที “คำนับซื่อจื่อเฟย ข้าเป็นแม่ของซูนฟั่งจริงๆ เรื่องนี้พูดขึ้นมาแล้วเรื่องมันยาว”

“เช่นนั้นก็ค่อยๆพูด” หยุนถิงพาพวกนางไปที่โรงน้ำชาที่อยู่ด้านข้าง ขอห้องส่วนตัวหนึ่งห้อง

ฮูหยินจูเก่อกำลังจะเอ่ยปาก ข้างนอกก็มีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามา ซึ่งก็คือซูนฟั่ง ทันทีที่เขาเห็นฮูหยินจูเก่อสีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที

“ท่านมาได้อย่างไร ท่านมาหาหยุนซูทำไม หากท่านกล้าทำร้ายนาง ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปเด็ดขาด!” ซูนฟั่งคำรามด้วยความโกรธ

หากไม่ใช่เพราะซื่อจื่อเฟยส่งคนไปแจ้ง ซูนฟั่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮูหยินจูเก่อจะมาหาหยุนซู เขาไม่มีวันยอมให้นางทำร้ายหยุนซูเด็ดขาด

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท