จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 929 เสด็จอาเก้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง
หยุนถิงให้หมอยมบาลกับท่านเหอเข้าไปทันที จากนั้นก็ปิดประตูลง พากู้จิ่วเยวียนเข้าไปในห้องผ่าตัดที่อยู่ด้านข้าง นั่นคือห้องที่หยุนถิงเตรียมเอาไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
กู้จิ่วเยวียนนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด หยุนถิงฉีดยาชาให้เขา จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายขึ้นมารวมไปถึงมีดผ่าตัด อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ ยังมีถังออกซิเจนและอุปกรณ์การให้ยาต่างๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางเอาออกมาจากมิติล่วงหน้าในช่วงสองสามวันนี้ ยิ่งให้หมอยมบาลกับท่านเหอใช้มันฝึกฝนอยู่ตลอด
“เริ่มกันเถอะ” หยุนถิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หยิบมีดผ่าตัดมาฆ่าเชื้อก็เริ่มทำการผ่าตัด
เพราะมันน่าตกตะลึงเกินไป หยุนถิงจึงใส่ผ้าปิดตาให้กับกู้จิ่วเยวียน กลัวว่าเขาเห็นสภาพเปิดท้องของตัวเองแล้วจะทนรับไม่ไหว
หมอยมบาลกับท่านเหอที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพฉากนี้ ถึงแม้จะเป็นท่านเหอที่เห็นอะไรมามากมาย แต่พอเห็นภาพที่ร่างกายมีดผ่าตัดเปิดออก ก็ยังอดที่จะรู้สึกพะอืดพะอมอยู่ด้านข้างไม่ได้
ถึงแม้เขาจะดำเนินอาชีพทางด้านหมอมาหลายสิบปี ก็ไม่เคยเห็นการรักษาที่น่าตกตะลึงเช่นนี้มาก่อน ถึงแม้ก่อนหน้านี้หยุนถิงก็เคยบอกหลายรอบแล้ว แต่เมื่อเห็นมันกับตาจริงๆนั่นย่อมเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันช่างทำให้คนทนไม่ไหวจริงๆ
กลับเป็นหมอยมบาลที่สงบนิ่งกว่าเขามาก ถึงแม้จะตกตะลึงเช่นกัน แต่กลับบังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลงมา อย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็เคยเป็นผู้ช่วยให้หยุนถิงมาก่อน
หมอยมบาลไม่ได้ส่งเสียงรบกวน มองไปทางหยุนถิงด้วยความจริงจัง ขอเพียงนางต้องการความช่วยเหลือ หมอยมบาลจะช่วยเหลือนางทันที
ด้านนอกเรือน โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้จากไป แต่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
จวินหย่วนโยวเคยชินที่เขาเป็นเช่นนี้แล้ว ให้คนนำหมากรุกมาให้ ทั้งสองคนก็เริ่มเล่นหมากรุกเสียเลย
“เรื่องราวในแคว้นเป่ยลี่สืบชัดเจนหรือยัง?” จวินหย่วนโยวส่งเสียงถาม
“สืบชัดเจนแล้ว แต่ว่าไม่ใช่การกระทำของเป่ยหมิงฉี่ แต่เป็นเป่ยเย่เหอ ในเวลาปกติเขาอ่อนโยนราวกับหยก ซ่อนความนึกคิดและพฤติกรรมไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ กับเป่ยหมิงฉี่ก็สนิทกันอย่างมาก ดังนั้นจึงถูกคนมองข้ามได้ง่าย
ถึงแม้หลังจากที่เป่ยหมิงฉี่ขึ้นครองบัลลังก์จะแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋อง เบื้องหน้าเป่ยเย่เหอรู้สึกซาบซึ้งและช่วยเป่ยหมิงฉี่แบ่งเบาภาระ แต่ในความเป็นจริงเขากลับเก็บซ่อนความสามารถ แอบฝึกฝนกองกำลังของตัวเองอย่างลับๆ
ครั้งนี้เป่ยเย่เหอต้องการยืมมือของสำนักหิมะยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ากับเป่ยหมิงฉี่ เพียงแต่ว่ามันล้มเหลวไปเท่านั้น เป่ยหมิงฉี่เองก็สืบได้แล้วเป่ยเย่เหอทำไปโดยเจตนา
เป่ยหมิงฉี่แอบจัดการกองกำลังทั้งหมดของเป่ยเย่เหออย่างลับๆ รวมไปถึงคนที่เขาวางเอาไว้ในค่ายทหารและราชสำนักก็ถูกกำจัดไปพร้อมๆกัน ตอนนี้กุมขังเขาเอาไว้ในลานของตัวเองเก็บชีวิตอันไร้ค่าของเขาเอาไว้” โม่เหลิ่งเหยียนเล่าสิ่งที่ตนเองสืบมาได้ออกมา
ก่อนหน้านี้ไม่นานหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆเดินทางกลับมา โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้ออกเดินทางทันที แต่แสร้งทำเป็นออกจากเมืองจากนั้นก็แอบเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ เพื่อสืบหาความจริงของเรื่องราว
หากเป่ยหมิงฉี่ไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นคนที่ลงมือก็จะเป็นโม่เหลิ่งเหยียน ดีที่เป่ยหมิงฉี่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
จวินหย่วนโยวเดาจุดประสงค์ของโม่เหลิ่งเหยียนออกตั้งนานแล้ว ย่อมไม่ไปขัดขวางอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเป่ยเย่เหอ
“ข้าจะได้ไม่ต้องลงมือ” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างราบเรียบ
เพียงแต่ว่าเป่ยหมิงฉี่ช่วยล้างแค้นแทนถิงเอ๋อร์กับตัวเอง หรือฉวยโอกาสกำจัดเป่ยเย่เหอที่คุกคามบัลลังก์ของเขา ก็ไม่รู้ได้แล้ว
รั่วจิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก “คำนับซวนอ๋อง ซื่อจื่อ เริ่นเซวียนเอ๋อร์มาขอพบซื่อจื่อเฟย!”
“นางต้องมาเพื่อกู้จิ่วเยวียนแน่นอน ให้นางเข้ามาเถอะ” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก
“ขอรับ!” รั่วจิ่งจากไปทันที ชั่วครู่เดียวก็พาเริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้ามา
“จวินซื่อจื่อ เสด็จอาเก้าของข้าอยู่ไหน?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถามด้วยความกระวนกระวายใจ
จวินหย่วนโยวชำเลืองมองนาง บนชุดกระโปรงยาวสีขาวเต็มไปด้วยรอยยับ แถมยังมีฝุ่นติดอยู่เล็กน้อย ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเช่นกัน เบ้าตาบุ๋มลงไป ความเหนื่อยล้าระหว่างคิ้วและตาเห็นได้อย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาตลอดทาง
“ซื่อจื่อเฟยกำลังทำการผ่าตัดให้กับกู้จิ่วเยวียน นางสั่งเอาไว้ว่าก่อนที่นางจะออกมาห้ามมิให้ใครรบกวน เจ้าเร่งเดินทางมาตลอดทางไปพักผ่อนก่อนเถอะ” จวินหย่วนโยวตอบ
หัวใจทั้งดวงของเริ่นเซวียนเอ๋อร์กระดอนขึ้นมาถึงลำคอ “เสด็จอาเก้าเจ็บมากใช่ไหม การผ่าตัดต้องทำอะไรบ้าง ข้าก็มีทักษะทางการแพทย์สามารถเข้าไปช่วยได้เช่นกัน?”
“หมอยมบาลกับท่านเหอกำลังช่วยอยู่ด้านใน เจ้าช่วยอะไรไม่ได้ พวกเขาสองคนฝึกฝนก่อนล่วงหน้าสามวันแล้ว” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก
เมื่อได้ยินว่าอาจารย์กับหมอยมบาลอยู่ด้านใน เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็แอบโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง พวกเขายังต้องฝึกฝนเป็นเวลาสามวัน แสดงให้เห็นว่าการผ่าตัดมันซับซ้อนและยากเพียงใด
“หากเจ้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องขึ้นกับกู้จิ่วเยวียน ก็รออยู่ที่หน้าประตูอย่างใจเย็น รอให้การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วหยุนถิงย่อมออกมาเอง!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างหาได้ยาก
ถึงแม้เขาจะไม่เคยสนใจความเป็นความตายของคนอื่น แต่คู่รักที่มีอุปสรรคมากมายอย่างเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับกู้จิ่วเยวียนก็เป็นความจริงใจที่หาได้ยากเช่นกัน ดังนั้นถึงได้กล่าวอธิบาย
“ขอบคุณซวนอ๋องมาก เช่นนั้นข้าจะรอเสด็จอาเก้าอยู่ที่นี่ รบกวนจวินซื่อจื่อให้คนทำอาหารให้ข้าหน่อย ข้าไม่ได้กินข้าวมาหนึ่งวันแล้ว” ขณะที่พูด เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็เดินตรงไปนั่งลงที่ม้านั่งหินด้านข้าง ไม่ได้เห็นตัวเองเป็นคนนอกเลยแม้แต่น้อย
“รั่วจิ่ง!” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง
“ขอรับ!”
เดิมทีรั่วจิ่งก็เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว เวลานี้ได้ยินว่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่ได้กินข้าวมาหนึ่งวันแล้ว สั่งให้โรงครัวยกอาหารมาโต๊ะใหญ่
โต๊ะหินถูกจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนใช้เล่นหมากรุกแล้ว ด้านข้างยังมีม้านั่งหินแถวยาวอยู่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ให้คนวางอาหารเอาไว้กับม้านั่งหยิบตะเกียบขึ้นมาก็เริ่มกินคำใหญ่
ใครจะไปคิดว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่วผู้สง่างามจะถึงกับนั่งกินอาหารบนม้านั่งหินอย่างตามใจชอบเช่นนี้ และยังไม่มีกิริยาท่าทางการกินให้พูดถึงเลย คนไม่รู้ยังคิดว่าเป็นผีหิวโหย
“อาหารของจวนซื่อจื่อมีมากมาย ไม่พอข้าจะให้คนส่งมาให้อีก” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความหวังดีอย่างหาได้ยาก
“พอแล้ว พวกนี้ก็เพียงพอแล้ว อาหารของจวนซื่อจื่อพวกท่านไม่เลวจริงๆ หลายวันมานี้ทำข้าหิวแทบแย่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวอย่างคลุมเครือ และกินต่อไป
นางกินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้ว ก็เรอออกมา จากนั้นก็พิงบนม้านั่งหินและหลับตาลง
ช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการเดินทางทั้งวันทั้งคืน นางไม่ค่อยได้นอนเลยด้วยซ้ำ มัวแต่เป็นห่วงกู้จิ่วเยวียน
“เริ่นเซวียนเอ๋อร์ ข้าจะพาท่านไปพักผ่อนที่ห้องรับแขก ท่านนอนที่นี่จะทำให้เป็นหวัดได้” รั่วจิ่งทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้อง ข้าหนังหนาอยู่ที่นี่ก็สบายดี ข้าอยากให้เสด็จอาเก้าเห็นข้าในนาทีแรก ข้าไม่ไป หรือไม่เจ้าก็ไปเอาผ้านวมมาให้ข้าก็ได้ ขอบคุณ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าว
มุมปากของจวินหย่วนโยวกระตุกขึ้นมา “พานางไปยังเรือนที่หมอยมบาลเคยอยู่ก่อนหน้านี้”
“ข้าไม่ไป ข้าจะไม่ไปจากเสด็จอาเก้า!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ปฏิเสธโดยไม่แม้จะคิดด้วยซ้ำ
“เรือนอยู่ติดกับห้องผ่าตัด ห่างกันแค่กำแพงกั้นเท่านั้น” รั่วจิ่งอธิบาย
“ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ไป ข้าจะเฝ้าอยู่หน้าประตูนี่แหละ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยืนกราน
รั่วจิ่งก็ยังหมดคำพูด เริ่นเซวียนเอ๋อร์คนนี้ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ถึงแม้จะบอกว่าเป็นห่วงกู้จิ่วเยวียน แต่ก็อยู่ห้องด้านข้างก็สามารถมองเห็นได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ แต่สุดท้ายเขาก็ยังให้คนส่งกระโจมและถุงนอนมาให้อยู่ดี
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ให้คนตั้งกระโจมเอาไว้หน้าประตูโดยตรง ทันทีที่ประตูเปิดออกนางก็สามารถมองเห็นได้ในนาทีแรก
จวินหย่วนโยวยังรู้สึกนับถือเริ่นเซวียนเอ๋อร์เล็กน้อย ฮ่องเต้แห่งแคว้นองค์หนึ่งทำเพื่อคนคนหนึ่งได้ขนาดนี้ ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว
“เล่นหมากรุกต่อเถอะ!” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก
“ตกลง!”
เกมนี้เล่นตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน จนกระทั่งพระจันทร์ขึ้นไปอยู่บนยอดต้นหลิว ประตูห้องถึงได้ถูกคนที่อยู่ข้างเปิดออก
หยุนถิงยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินออกมา เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าไปทันที “ซื่อจื่อเฟย เสด็จอาเก้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง การผ่าตัดสำเร็จหรือไม่ เขาสบายดีไหม?”