โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 10

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.10 – ผู้สังหารสัตว์ร้าย

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.10 – ผู้สังหารสัตว์ร้าย

จุดอ่อนของมือปืนเห็นได้ชัดว่ามันเป็นในเรื่องของปริฏิกิริยาตอบสนอง , ความเร็ว , พละกำลัง ที่ล้วนด้อยกว่าผู้ใช้อบิลิตี้ และผู้ใช้วรยุทธโบราณ

‘ไม่ได้นะ! ต่อให้นายใช้ปืนนั่น ก็ยิงมันไม่โดนหรอก!’ ลู่เหมิงกรีดร้องในหัวใจ แต่แล้วความจริงตรงหน้าก็ทำให้เธอต้องตกละลึง

เพราะฉินเฟิงเพียงเบนทิศทางกระบอกปืนเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มสาดห่ากระสุนอย่างไม่ลังเล และทั้งหมดล้วนยิงโดนร่างของหมาป่า!

“ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ–”

ทั้งร่างของหมาป่ามาสติฟกระตุกวูบ ทั้งตนทั้งร่างดิ้นเร่าๆ

“แบร๊วววว!”

หมาป่าร้องโหยหวน ถูกแรงกระสุนกระแทกลอยขึ้นไปในอากาศ

ฉินเฟิงกับลู่เหมิงแตกต่างกัน เขาไม่ได้กดไกปืนอย่างต่อเนื่อง พออีกฝ่ายลอยไปในมุมสูง เจ้าตัวก็คลายมือออก แล้วยกปากกระบอกขึ้นอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มลั่นไกอีกครั้ง

ห่ากระสุนถูกเปลี่ยนทิศทางอีกครา หัวกระสุนเจาะช่องท้องที่เปราะบางของหมาป่า ทะลุเข้าอวัยวะภายในของมัน

เพียงสองการโจมตี ก็สามารถทำให้นายพลสัตว์ร้ายอย่างหมาป่ามาสติฟได้รับบาดเจ็บสาหัส!

“โบร๋วววว!!”

หมาป่ามาสติฟร่วงตกจากอากาศ ส่งเสียงหอนสั้นๆฟังน่าหวาดกลัว

มันตระหนักได้ว่าตนได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้จะยังไม่ถึงชีวิต แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วมันคงต้องตาย

ดังนั้น มันจึงไม่รั้งรออีกต่อไป ทำการหอนเรียกลูกน้องใต้บังคับบัญชาทันที

ภายในป่ามืดมิด คู่ดวงตาสีแดงปรากฏขึ้น!

เจ้าพวกนี้คือหมาป่าตาแดง!

ในช่วงที่หมาป่ามาสติฟกำลังล่าเหยื่อ พวกมันเพียงเฝ้ามองดูอยู่รอบนอก มิกล้าเข้ามาก้าวก่าย มิฉะนั้นจะถูกเข้าใจว่าคิดฉกฉวยอาหาร

แต่ตอนนี้ พวกมันได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการล่าเหยื่อแล้ว ดวงตาสีแดงจึงสาดประกายราวกับสีเลือด น้ำลายไหลหยดย้อยจากปาก จ้องมองฉินเฟิงด้วยความตะกละตะกลาม

“ก็มาซี่!”

ฉินเฟิงกุมแท่นจู่โจมในมือ ควบคุมมันราวกับเป็นแขนขาของตนเอง ตัวเครื่องจักรสามารถระเบิดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เวลานี้มันราวกับเทพเจ้าล่าวิญญาณ ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนสังหารสมุนหมาป่าลงอย่างดุร้ายและไร้ความปราณี

หมาป่าตาแดงยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้ เพียงดวงตาของพวกมันปรากฏขึ้นในความมืดมิด ก็ถูกฉินเฟิงเหนี่ยวไกเข้าใส่ซะแล้ว

มีหมาป่าตัวหนึ่งถูกสาดใส่ด้วยกระสุนกว่า 20 นัดอย่างกระทันหัน ทั้งร่างของมันเกือบจะฉีกขาด ถูกแรงปะทะส่งปลิวกระเด็นออกไป

“เอ๋งงงง”

เลือดที่สาดกระเซ็น ราวกับเป็นตัวกระตุ้นทั้งฝูง หมาป่าสามตัวพุ่งโฉบเข้ามา ฉินเฟิงไม่รอช้าเหวี่ยงแท่นโจมตีไปดักหน้า แล้วสาดห่ากระสุนดั่งพายุคลั่งอีกครั้ง

กระเด็นกลับไป!

ถูกยิงถอยกลับไปอีกตัว!

“รีบมาเติมกระสุนเร็วเข้าถ้ายังไม่อยากตาย!”

ในจังหวะที่รังเพลิงว่างเปล่า น้ำเสียงเย็นชาของฉินเฟิงดังขึ้น ลู่เหมิงที่ยังคงตะลึงงันก็ได้สติกลับคืน เธอเร่งระงับการฉีกขาดของอวัยวะภายใน แล้วคืบคลานไปบรรจุกระสุนทันที

หลี่เหยาเหยาเองก็วิ่งมาสมทบกับลู่เหมิง และเริ่มรักษาบาดแผลของเพื่อนสาว ทว่าสายตาของเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบ มันยังคงติดตรึงอยู่บนร่างของฉินเฟิง ที่จวบจนบัดนี้ก็ยังคงเยือกเย็น … เขาช่างดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดจริงๆ

แกร๊ก แกร๊ก!

กระสุนถูกบรรจุลงในแท่นจู่โจมจนเต็มอีกครั้ง ลู่เหมิงคอยเฝ้าดูการกระทำของฉินเฟิงอย่างใกล้ชิด

ช่างแม่นยำ! , ช่างเด็ดขาด! , ช่างเป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมชวนให้ผู้คนหลงใหลมึนเมา!!

“กริ๊ก”

หลังจากยิงไปสักพัก ฉินเฟิงก็หยุดมืออย่างกระทันหัน

ลู่เหมิงพบว่าฉินเฟิงไม่สู้ต่อ จึงเร่งกล่าวอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ทำไมนายถึงไม่สู้ต่อล่ะ?”

ฉินเฟิงหันไปมองลู่เหมิงอย่างเงียบๆ

“ก็พวกมันตายหมดแล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้ พวกเราจะแบ่งรางวัลกันครึ่งหนึ่ง แต่หมาป่ามาสติฟต้องเป็นของฉัน!”

พอได้ฟัง ลู่เหมิงจึงค่อยตระหนักว่า บนพื้นดิน มันถูกปกคลุมไปด้วยศพของหมาป่าตาแดง -ฝันร้ายอันน่าหวาดหวั่นที่ไล่ล่าหลอกหลอนพวกเธอ … ได้ตายไปสิ้นแล้ว

“พวกมันตายหมดแล้วจริงๆ!” ลู่เหมิงเบิกตากว้าง

ฉินเฟิงไม่สนใจวัยรุ่นสาวไร้เดียงสาคนนี้ เขาเดินผ่านกองซากศพ พลังพิเศษดูดกลืนของเขาเริ่มทำงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งและความเร็วให้แก่ร่างกายตนเองอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งเมื่อตอนที่เขาเดินมาถึงศพของหมาป่ามาสติฟ พลังงานอันยิ่งใหญ่จากทางฝั่งมันก็ถูกส่งเข้ามา

“ฮู้มมมม!”

ฉินเฟิงรู้สึกเพียงว่าร่างกายของเขาสั่นไหว ความแข็งแกร่งก้าวกระโดดไปอีกระดับหนึ่ง

ขึ้นสู่เลเวล G2!

หากคนอื่นๆรู้ว่าเขาเพิ่งจะปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้เมื่อวาน แต่ในวันถัดมา กลับสามารถยกระดับได้โดยไม่พึ่งพายาใดๆ ทั้งหมดคงต้องอ้าปากค้าง!

นี่แหละคือพลังพิเศษของฉินเฟิง

พลังพิเศษที่ตื่นขึ้นมาทันที หลังจากฉีดยากระตุ้นได้เพียง 1 นาที น่ากลัวว่าประสิทธิภาพพลังพิเศษของเขาอาจสูงถึงเลเวล S !

แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงยังคงอยู่ห่างไกลจากการควบคุมพลังพิเศษนี้ ปัจจุบัน เขาสามารถดึงอำนาจของพลังพิเศษนี้ออกมาได้เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น

หลังจากความแข็งแกร่งก้าวกระโดด สีหน้าของฉินเฟิงก็กลับมาไร้อารมณ์อีกครั้ง เขาเริ่มที่จะเก็บกวาดสินสงคราม

ไม่เพียงขนของหมาป่าตาแดงที่สามารถใช้เป็นวัสดุ แต่กระทั่งกรงเล็บและฟันอันแหลมคมของมันก็ยังสามารถนำไปขายได้เช่นกัน

แต่สิ่งที่จะใช้แลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่จุดรวมพล ก็คือหูและดวงตาของหมาป่าแต่ละตัว

ทว่าหมาป่าตาแดงกว่า 40 ตัวเหล่านี้ มันก็ยังเทียบไม่ได้เลย กับหมาป่ามาสติฟเพียง 1 ตัว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันคือสัตว์ร้ายระดับนายพล!

ฉินเฟิงใช้มีดสั้นเฉือนร่างของหมาป่ามาสติฟ เริ่มเลาะขน , ฟัน และกรงเล็บของมัน

ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดแท้จริงแล้วคือตรงบริเวณหน้าอก ที่ใกล้กับตำแหน่งหัวใจ

“ปุด!”

เลือดทะลักออกมาจากกล้ามเนื้อที่ถูกเฉือนอย่างแรงและเร็ว หลังจากนั้นลูกปัดกลมๆสีแดงก็ปรากฏสู่สายตาของเขา

ตรงหัวใจของมัน แก่นพลังงานโผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่ง -เหตุที่หมาป่ามาสติฟกลายเป็นระดับนายพลได้ เพราะในร่างกายของมัน มีแก่นพลังงานอยู่นั่นเอง ส่งผลให้มันมีทั้งความรวดเร็วและพลังทำลายล้างที่มากขึ้น

และลูกปัดสีแดงนี้ ยังสามารถนำมาใช้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งทางกายภาพให้แก่เขาได้โดยตรงอีกด้วย เทียบกับยาเสริมแกร่งเลเวล G แล้ว มันดีกว่าหลายเท่านัก

ฉินเฟิงเก็บลูกปัดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ส่วนวัสดุอื่นๆก็ใส่กระเป๋าสะพายหลัง -ตอนนี้ในกระเป๋าสะพายของเขาเต็มไปด้วยวัสดุจากศพของหมาป่ามาสติฟ!

อีกด้านหนึ่ง ลู่เหมิงกับหลี่เหยาเหยา ไม่อาจรับรู้อะไรได้เลยในเวลานี้ สีหน้าของพวกเธอซีดขาว ลู่เหมิงมองไปยังร่างศพของหมาป่ามาสติฟที่ถูกเลาะส่วนต่างๆออก ก็แทบจะคายของเก่าในกระเพาะออกมา

“ถ้านายไม่อยู่ที่นี่ ฉันคงจะตายไปแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทน ฉันขอยกไอ้ของพวกนี้ให้นายไปทั้งหมดเลย!” ลู่เหมิงเร่งกล่าว มิอาจปกปิดความรังเกียจในสายตา

เธอจะไม่ทนแหวกศพเลือดท่วมพวกนี้แน่ๆ

ฉินเฟิงมองลู่เหมิง ไม่คิดเกรงใจใดๆ

“ตกลงตามนั้น!”

เดิมที ฉินเฟิงต้องการจะแบ่งสินสงครามครึ่งหนึ่งให้แก่อีกฝ่าย เพื่อลดทอนการสูญเสียของลู่เหมิง แต่จากลักษณะของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับมัน

ต้องรู้นะว่า วัสดุที่ได้รับจากหมาป่าตาแดง มิได้มีค่าใดๆเลย หากเทียบกับกระสุนที่อีกหญิงสาวออกไปในค่ำคืนนี้!

กล่าวได้ว่าฉินเฟิงได้ใช้อาวุธฟรีๆ แถมยังรับทรัพย์ทุกเหรียญทุกสตางค์

เขาเพิ่งเกิดใหม่ และแม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จมากมายนักในชีวิตก่อนหน้า แต่เจ้าตัวก็เป็นถึงทหารรับจ้าง เรื่องเงินน่ะไม่ขัดสน

ทว่าในปัจจุบัน เขายากจน และไร้กำลัง ดังนั้นเลยจำเป็นต้องการทรัพยากรจำนวนมากเพื่อใช้ฝึกฝนตัวเอง

เขาเริ่มจัดการหมาป่าตาแดง เลาะเล็บและเขี้ยวออก ตัดหูมัน จากนั้นก็เริ่มเก็บรวบรวมขน

ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินเฟิงก็จำต้องยัดวัสดุที่ได้รับมาใส่ลงในถุงนอนของตัวเอง เพื่อเพิ่มที่เก็บ แม้ว่าสิ่งนี้จะเปื้อนเลือด แต่เขาก็สามารถซื้อใหม่ได้

หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พบว่าลู่เหมิงกับหลี่เหยาเหยายังคงนั่งพักอยู่ในจุดเดิม ใบหน้าอ่อนล้า คล้ายยังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

บนท้องฟ้าค่อยๆปรากฏแสงสว่างขึ้น ดวงอาทิตย์เริ่มผุดจากเส้นขอบฟ้า

ซึ่งนี่หมายความว่า รถศึกที่ใช้เดินทางกลับไปยังจุดรวมพลเริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง เพียงเฝ้ารอมัน พวกเขาก็จะสามารถนำชีวิตน้อยๆกลับบ้านได้

ฉินเฟิงวางถุงนอนของเขาลง ทำการระบุทิศทาง ก่อนจะเริ่มลากมันไป

“พวกเธอลุกขึ้นเถอะ ได้เวลากลับไปยังจุดรวมพลแล้ว!” ฉินเฟิงพูดเบาๆ ก้าวไปข้างหน้า

“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ!” หลี่เหยาเหยาเอาแต่พร่ำขอบคุณ แต่นั่นก็สมควรอยู่ เพราะหากมิใช่ฉินเฟิงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ที่นี่คงมิแคล้วเป็นหลุมกลบฝังศพของพวกเธอ!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท