โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 21

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.21 – ซุ่มโจมตี

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.21 – ซุ่มโจมตี

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง ได้ยกระดับมาถึงเลเวล G3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเขาใช้ทักษะลับกลืนดารา พละกำลังของเขาจะทะยานขึ้นเป็นการชั่วคราว สามารถปลดปล่อยแรงผลักได้รุนแรงขึ้นถึง 10 เท่าในระหว่างกระบวนการ -เรียกได้ว่างูชายแดนกลายเป็นไก่อ่อนไปเลย เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน

หลังจากพลังของเสี่ยวจิงตื่นขึ้น ความแข็งแกร่งของเธอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเร็ว , ความสามารถในการตอบสนอง หรือประสบการณ์ต่อสู้ เสี่ยวจิงยังด้อยกว่าฉินเฟิงมากนัก แต่ในเวลานี้ เขาตัดสินใจบอกเธอไป ว่าการออกล่าคนเดียว ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออีกแล้ว

เสี่ยวจิงพอได้ยินคำของฉินเฟิง แวบแรกก็ตกใจเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว แต่ฉันยังอยากไปกับนายอยู่นะ”

แม้ล่าลำพังจะได้เงินมากกว่า หากแต่เสี่ยวจิงไม่ใช่คนโลภ ว่าจบ เธอก็ลากศพของงูชายแดนกว่า 30 ตัวเข้ามากองรวมกัน

เสี่ยวจิงเอาเชือกออกมา ผูกศพงูเข้าด้วยกัน แล้วเริ่มลากมันไป ส่วนฉินเฟิงแน่นอนว่าก็ทำแบบเดียวกัน มุ่งหน้าตรงไปยังรถศึกของกองทัพที่ยืมมา โดยอาศัยมัน ทั้งสองเลยไม่จำเป็นต้องลำบากแบกวัตถุดิบกลับด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ในระยะ 100 เมตรก่อนที่จะถึงรถ จู่ๆแววตาของฉินเฟิงก็กลายเป็นเย็นเยียบ

“แฮ่!!” เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขู่ แสดงท่าทีคุกคาม เผยแววตาสังหาร

ฉินเฟิงวางงูชายแดนและกระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับต่อสู้ลง

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงสงสัย

“เธอรออยู่ที่นี่ ไม่ต้องตามมา!” สิ้นเสียง ร่างของฉินเฟิงก็วูบไหว หายไปทันที

หรือจะให้อธิบายอีกแบบนึงก็คือ ทั้งร่างของเขาจู่ๆก็กลายเป็นเงาสีเทา วูบหายไปในพุ่มไม้ มิอาจรับรู้ หรือสังเกตเห็นถึงเขาได้

กระทั่งเสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆก็ยังไม่เห็นว่าฉินเฟิงหายตัวไปได้อย่างไร

นี่คือพลังพิเศษที่สองของฉินเฟิง ที่เกิดจากการดูดซึมรูนธาตุสีเทาจำนวนหนึ่ง

ฉินเฟิงว่องไวเป็นอย่างยิ่ง เขาย่นผ่านระยะ 100 เมตรไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงรถศึก เขาก็เห็นกลุ่มคนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในพงหญ้าหนาทึบ

นอกจากนี้ ยังมีกระทั่งพลไรเฟิล ที่ซุ่มอยู่ห่างออกไปไกลกว่า 100 เมตร

ในเวลานี้ ฉินเฟิงได้ย่องเข้ามาใกล้กับหนึ่งในพวกมัน ที่กำลังหมอบคลานอยู่ในดงหญ้า อีกฝ่ายคล้ายรู้สึกกังวล เลยหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา

“บอส พวกเราจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ทำไมสองคนนั้นถึงยังไม่กลับมาซักที!”

แน่นอนว่าอีกฝั่งก็มีคนที่คอยฟังอยู่ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของใคร การสื่อสารจึงยังเป็นการพูดด้วยเสียงปกติ ไม่สลับไปใช้ระบบข้อความ

“วันนี้อากาศแปรปรวน ฝนก็กำลังจะตก ทั้งสองคนสมควรที่จะกลับมาเร็วกว่ากำหนด พวกเราโชคดีจริงๆที่จะได้เจอกับแกะอ้วนทั้งสองตัวแล้ว!”

เสียงที่ส่งผ่านมาฟุ้งไปด้วยความโลภ ฉินเฟิงสรุปได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มีมุ่งเป้าหมายมายังตัวเขา

เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าพวกมันคิดจะปล้น หรือถึงขั้นสังหารเลยกันแน่

แต่ไม่ว่าจะในกรณีไหน ฉินเฟิงก็จะไม่ยอมถูกรังแกเด็ดขาด

“บอส นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ ทั้งสองคนเพิ่งจะเป็นที่รู้จักในจุดรวมพลเมื่อเร็วๆนี้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงนั่น เหมือนจะสนิทกับหลี่เหวินด้วย!”

หลี่เหวิน คือชื่อหัวหน้าทหารในพื้นที่เพาะปลูก

“ก็แค่เด็กขนยังไม่ขึ้นสองคน! ตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังพิเศษก็ยังไม่ได้รับ ฉะนั้นการฆ่าพวกมันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งเป็นในทุ่งล่ายิ่งแล้วใหญ่!”

“บอสพูดถูกแล้ว ว่าแต่ทำไมกันนะ ทำไมในทุกๆวันพวกมันถึงล่ามาได้มากมายขนาดนั้น? ในขณะที่พวกเราเองยังกว่าจะหาวัตถุดิบไปแลกเงินซื้ออาวุธซักชิ้น ยังเหนื่อยแทบตาย!”

“ช่างเถอะน่า เพราะหลังจากที่ปล้นพวกมัน บิดาก็จะได้กลายเป็นผู้ใช้กำลังภายในเลเวล F!แล้ว”

คนพวกนี้ คิดจะสังหารฉินเฟิงกับเสี่ยวจิง จากนั้นก็ขโมยสมบัติของทั้งสอง นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรืออะไรบางอย่าง

การแสดงออกของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นเยียบ

เขาไม่รีบร้อนกระโจนออกไปสังหารมันทันที หากแต่เลือกเดินอ้อมเป็นครึ่งวงกลม มุ่งไปยังตำแหน่งพลซุ่มยิงที่อยู่ไกลที่สุด

แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงมือปืนระดับต่ำ มิอาจสร้างภัยคุกคามต่อเขาที่เพิ่งได้รับพลังพิเศษใหม่มา ทว่าอย่างไรเสีย มันก็ยังเป็นอันตรายต่อเสี่ยวจิง

ในความเป็นจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของมือปืนนั้นอยู่ในระดับต่ำ หากแต่พวกเขาได้เปรียบเพราะอาศัยข้อดีของปืน

พลซุ่มยิงคนนี้ น่าจะเป็นคนที่อยู่ปลายสายของอุปกรณ์สื่อสาร ที่เอ่ยเกี่ยวกับการซื้ออาวุธ

“วูซซซ!” ฉินเฟิงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ฉกหนึ่งมือเอื้อมไปปิดปากพลซุ่มยิงอีกฝ่ายทันที

“อื้อ อื้อ!”

พลซุ่มยิงเบิกตาโพลง เจ้าตัวพยายามดิ้นรน ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีใครลอบเข้ามาโจมตีเขา

แต่มันก็ไร้ประโยชน์!

“แกร๊ก!”

ด้วยการบิดข้อมืออีกข้างของฉินเฟิง เขาก็สามารถจบชีวิตของพลซุ่มยิงในเงามืดได้อย่างสมบูรณ์

แม้อีกสี่คนที่เหลือ ก็ยังไม่รู้สถานการณ์ของพวกตัวเอง

ฉินเฟิงผลักพลซุ่มยิงไปข้างๆอย่างเงียบๆ สองมือประทับลงบนปืนไรเฟิลของศัตรู แนบดวงตาลง และกวาดมองไปยังพื้นที่เบื้องหน้าจากตำแหน่งซุ่มยิง

พริบตานั้น มุมปากของเขาก็ผุดรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นทันใด

เป็นทำเลที่ดีนี่นา!

ในตำแหน่งนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถยิงไปในทิศทางที่ฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงกำลังมาถึงรถศึกได้เท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมทั้งสี่คนที่เหลือได้อย่างชัดเจน พร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขาได้ตลอดเวลา

ทว่าตอนนี้ มันกลับให้ผลตรงกันข้าม กลายเป็นสาปส่งพวกเขาลงสู่ความตายแทน

ฉินเฟิงเล็งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มทั้งสี่คน มีสองคนที่มีอาวุธปืน ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลยที่จะเลือกยิงใส่คนเหล่านั้นเป็นอันดับแรก

“ปัง!”

เสียงปืนไรเฟิลที่ทั้งทุ้มและลึกปะทุขึ้น วินาทีต่อมา หมอกเลือดก็สาดกระเซ็นจากหลังหัวของหนึ่งในมือปืนเบื้องล่าง

ตายในทันที!

ช่วงเวลานั้นเอง ดั่งคลื่นแห่งความหวาดกลัวซัดเข้าถาโถม คนที่ยังมีชีวิตอยู่เริ่มตื่นตระหนกทันที

“เกิดอะไรขึ้น? ไรจื่อ? นั่นแกยิงบ้าอะไรบ้าอะไรของแก!”

“ไม่จริง! น้องสี่ตายแล้ว ไรจื่อฆ่ามัน!”

อีกเสียงร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เป็นมือปืนอีกคนที่ร้องตะโกนเองที่สิ้นใจลง สองคนที่เหลือตระหนักได้ทันที ว่าเหตุการณ์ชักไม่ดีแล้ว

“ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่ไรจื่อ!”

“ระวังตัวให้ดี อีกฝ่ายเป็นศัตรู!”

อีกสองคนที่เหลือเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ พวกเขาว่องไวเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวก็วิ่งโฉบออกจากจุดเดิม มุ่งตรงไปยังตำแหน่งซุ่มยิง

พวกเขายังเชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้ จะทำให้ศัตรูไม่อาจเล็งเป้าได้

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเองก็มิได้ตั้งใจจะเล็งยิงต่อไปแล้วเช่นกัน

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวจิงเมื่อได้ยินเสียงปืน สีหน้าของเธอก็หม่นลง บังเกิดความว้าวุ่นในจิตใจ ลืมเลือนคำสั่งของฉินเฟิง วิ่งไปข้างหน้า กุมปืนจักรกลในมือแน่น ดวงตาฉายแววดุร้าย

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เธอไม่ใช่เด็กสาวโง่งมอีกต่อไป เพียงได้ยินเสียงปืน ก็สามารถตระหนักได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

-มีคนต้องการที่จะปล้นพวกเธอ!

ไม่ว่าจะเพื่อเงินหรืออะไรก็ตาม ตราบใดที่พวกมันกล้าที่จะลงมือ เสี่ยวจิงก็พร้อมที่จะงัดเป็นตายกับพวกมัน!

ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงก็ลงมาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เฝ้ามองสองผู้ใช้วรยุทธโบราณประชิดเข้ามา

คนส่วนใหญ่ที่ล่าอยู่รอบๆจุดรวมพล มักจะเป็นนักล่าเลเวล G เหมือนกับผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งสองคนนี้ ที่ตรงอกคนหนึ่งมีตราสัญลักษณ์เป็นโลโก้ G3 ในขณะที่อีกคนเป็น G5

อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินเฟิง คนเหล่านี้ไม่นับว่าอยู่ในสายตา

หลังจากที่ออกล่าในทุ่งล่ามาหลายวัน พลังพิเศษดูดกลืนของเขา ได้ซึมซับพลังงานจากร่างของสิ่งมีชีวิตที่ตายเข้ามา ส่งผลให้ฉินเฟิงได้ทะยานไปถึงเลเวล G3 แล้ว

“ไอ้หนู เมื่อกี้ฝีมือแกใช่ไหม?” เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงยืนอยู่ที่นั่น และมองขึ้นไปเห็นสหายไร้ลมหายใจนอนอยู่บนต้นไม้ ทุกอย่างก็ชัดเจนทันที ว่าใครเป็นคนยิงเพื่อนๆอีกสองคนก่อนหน้านี้

“รนหาที่ตาย!”

“ฉันน่ะหรอรนหาที่ตาย? เสียใจด้วยนะ เพราะคนตายน่ะไม่ใช่ฉัน!” ฉินเฟิงเผยยิ้มเย็น ในแววตาระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา

“บ๊ะ! จงตายเพื่อบิดาเสีย!” ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล G3 คำรามลั่น ระเบิดหมัดโจมตีเข้าใส่ทันที

ฉินเฟิงเองก็ไม่รีรอ เหวี่ยงหมัดสวนเข้าไปต้อนรับเช่นกัน

เปรี้ยง!

สองกำปั้นประสานงากัน ทว่ามันกลับไม่เป็นไปดั่งที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณ G3 คาดหวัง ฉินเฟิงมิได้ถูกแรงอัดปลิวออกไป ตรงกันข้าม กลับซัดกำปั้นที่เปี่ยมไปด้วยแรงมหาศาลกลับมา ผลคือข้อมือของเขาบังเกิดเสียงดังแกร๊ก! งอหงายกลับมาอีกข้างทันที

เนื่องจากฉินเฟิงมีทักษะลับกลืนดารา ที่สามารถช่วยดึงดูดกำลังภายในจากสิ่งอื่นมาเป็นของตัวเองได้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของเขา สูงเกินกว่าคนปกติที่ใช้เวลาฝึกฝนมากมายนัก

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท