โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 22

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.22 – กองทัพหนู

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.22 – กองทัพหนู

ผู้ใช้วรยุทธโบราณ เลเวล G5 อีกคน เมื่อเห็นฉากดังกล่าว แวบแรกเขาตกใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกใดๆ

แม้ฉินเฟิงจะสามารถเอาชนะสหายของเขาได้ แต่ในมุมองของเขา ฉินเฟิงก็ยังมิใช่คู่มือตนอยู่ดี

เพราะอย่างไรเสีย อายุเขาก็ปาไปกว่า 20 ปีแล้ว ฝึกฝนมาได้หลายปี กำลังภายในของเขาเอ่อล้น หากถ้าเปรียบดั่งเส้นไหม ก็เหมือนไหมยาวสี่เส้น แล้วกำลังภายในของฉินเฟิงจะเกินกว่าเขาได้อย่างไร?

ดังนั้น ชายคนนี้จึงก้าวออกมา กวาดขาเตะฉินเฟิง ไม่อนุญาตให้ศัตรูซ้ำสหายเลเวล G3

“แน่จริงก็เข้ามา!”

ฉินเฟิงไม่เผยถึงความอ่อนแอ แม้ศัตรูจะมีสองคน แต่เขาก็เลือกปะทะเข้ากับ ผู้ใช้วรยุทธ G5 โดยไม่ลังเล

ทั้งสองระเบิดกำลังรบอันแข็งกร้าวเข้าใส่กัน กำลังภายในห่อหุ้มร่างกาย ซัดเข้าใส่อีกฝ่าย

“เปรี้ยง เปรี้ยง!”

“เปรี้ยงงงง!”

สองฝ่ายยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งร่างกายเริ่มเกิดความรู้สึกเจ็บปวด

ระยะเวลาที่ฉินเฟิงใช้ฝึกฝนกำลังภายในน่ะสั้นมาก แค่ 10 วันเท่านั้น แม้จะยังไม่ถึงครึ่งเดือน แต่มันก็ส่งผลให้ต้องสูญเสียเรี่ยวแรงไปเป็นอย่างมาก

หากเปรียบกำลังภายในเหมือนดั่งเส้นไหม กำลังภายในของฉินเฟิงก็เป็นเพียงไหมหนึ่งเส้นอันเล็กจ้อยเท่านั้น เต็มที่ก็ทานทนได้แค่ 5 นาที

ในขณะที่อีกฝ่าย สามารถทานทนได้เป็นระยะเวลานานกว่าฉินเฟิง

“ฮะฮ่า! เจ้าหนู สภาพเริ่มดูไม่ได้แล้วนะ!”

ผู้ใช้วรยุทธโบราณผุดยิ้มสยองเกล้า ขณะเดียวกัน G3 ก็เข้ามาร่วมวง โดยใช้มืออีกข้างที่กุมมีดอยู่แทงเข้าหาเขา

“ใครบอกว่าสภาพฉันดูไม่ได้ ลองดูให้เต็มตาซะ!”

ห้านิ้วกางออก ฉินเฟิงเปลี่ยนกำปั้นเป็นฝ่ามือ ในฝ่ามือเริ่มเกิดแรงดึงดูดอย่างร้ายแรงขึ้นทันที

“กลืนดารา!”

ทันใดนั้นเอง สนามพลังพลันระเบิดออก กลืนดาราเริ่มสำแดงพลังของมันออกมา

ภายใต้สนามพลังนี้ กำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งสองหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะแลคล้ายกับน้ำวน วิ่งเข้าหาฉินเฟิง

ฉินเฟิงรู้สึกเพียงแค่ว่าในช่วงเวลานั้น กำลังภายในตรงตันเถียนที่แห้งเหือด ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้กำลังภายในที่เปรียบดั่งไหมเส้นบางๆ ก็ยังคงขยายความยาวขึ้นตลอดเวลา ความจุในตันเถียนเพิ่มพูนอย่างกระทันหัน จำนวนเส้นไหมในตันเถียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สองเส้น สามเส้น!

“ไม่นะ!” ผู้ใช้วรยุทธเลเวล G3 ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทว่าในไม่ช้าเขาก็สูญเสียพละกำลังไปอย่างรวดเร็ว กำลังภายในกลายเป็นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง วรยุทธโบราณที่ฝึกฝนมานานปี สลายหายไปจนสิ้น

อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้วรยุทธG5 ที่แกร่งยิ่งกว่ากลับสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของกลืนดารามาได้ แต่กำลังภายในร่างกายส่วนใหญ่ได้หายไป ตรงกันข้าม กลับเป็นฉินเฟิงที่เติบโตขึ้น

ท่ามกลางช่วงเวลาพลิกผัน ฉินเฟิงเร่งโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง

“ไหนลองบอกมาซิ ว่าตอนนี้ ใครกันที่สภาพดูไม่ได้?”

“เลิกแล้วต่อกันเถอะ!” ผู้ใช้วรยุทธG5 ตื่นตระหนก “พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรกับเธอเลยแท้ๆ แต่เธอกลับฆ่าพวกเราไปตั้ง 3 คน ขอให้จบเพียงเท่านี้เถอะ แล้วพวกเราจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”

“คุณพูดจริงหรอ … ”

น้ำเสียงของฉินเฟิงคล้ายลังเล

ความหวังลุกพรึบขึ้นในแววตาของผู้ใช้วรยุทธG5ทันที ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไร ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือก็ประทับลงบนตันเถียนของเขาเสียก่อน

“แต่โชคร้ายหน่อยนะ ที่ฉันไม่ใช่มือใหม่ให้มาหลอกกันได้ง่ายๆ”

อาศัยเพียงลมปากโง่ๆเช่นนี้ หากเป็นพวกมือใหม่มันก็ยังโอเค แต่คิดจะหลอกฉินเฟิง ช่างน่าขบขันเสียจริงๆ

ทักษะลับกลืนดาราปะทุออกมาอีกครั้ง ด้วยการดูดกลืนระยะประชิด คลื่นกำลังภายในของอีกฝ่ายเลยไหลออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าสู่ร่างของฉินเฟิง

อย่างไรก็ตาม กำลังภายในของฉินเฟิงนั้นเพียงเพิ่มขึ้นเป็นสองเส้นไหม มันก็หยุดการดูดกลืน ในขณะที่ร่างกายของผู้ใช้วรยุทธโบราณ G5 ดูซีดเซียว สูญสิ้นความแข็งแกร่งไป

แน่นอน ว่าพวกเขายังคงมีพละกำลังทางภายภาพ หากแต่ในด้านกำลังภายใน จะต้องเริ่มฝึกฝนมันใหม่อีกครั้ง

เสี่ยวจิงได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว และเห็นว่าฉินเฟิงมิได้ด้อยไปกว่าสองมือฉมังที่ออกล่ามานานปีเลย ในสายตาของเธอบังเกิดความหวาดหวั่นอย่างล้ำลึกขึ้นอย่างกระทันหัน

“ฉินเฟิง แล้วพวกเราจะทำยังไงกับสองคนนี้ดี?”

เสี่ยวจิงเกิดความร้อนรนเล็กน้อย ปืนจักรกลในมือของเธอเริ่มสั่นไหว

“ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพชีวิตในปัจจุบัน ลงมือซะ!”

เสียงของฉินเฟิงเย็นเยียบ ฝ่ามือฉกออกไป ตัดทำลายลำคอของหนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณ

“แกร๊ก!”

เสียงลั่นของกระดูกทำให้เสี่ยวจิงสั่นสะท้าน

ฉินเฟิงยกเท้าข้ามศพศัตรู ก้าวเดินออกไป ในขณะที่เสี่ยวจิงยังคงยืนนิ่ง แขนขาสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม

หากเป็นการต่อสู้ในทุ่งล่า ในหัวใจของเธอแน่นอนว่าย่อมไม่ท้อถอย หากแต่ถ้าต้องเผชิญกับมนุษย์ มันเป็นอะไรที่โหดร้ายเกินไป

ไม่เพียงเท่านั้น หากเธอไม่สังหารในวันนี้ ภายภาคหน้า พวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน และยังมีแนวโน้มว่าจะไปทำการแจ้งรายงานเรื่องของเธอกับฉินเฟิง เพราะอย่างไรเสีย คนเหล่านี้ก็คือผู้ที่ทางฐาน มอบตราสัญลักษณ์ โลโก้เลเวลG ให้

และเรื่องนี้จะลากยาวไปถึงศาลทหาร

ไม่มีใครอยากติดคุก หรือต้องทำงานหนัก เป็นตัวรับกระสุนหรอก!

“ปัง!”

เสียงจากปากกระบอกปืนในมือของเธอดังขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวจิงก็วิ่งตามมาจนทันกับฉินเฟิง ใบหน้าของเธอขมึงตึง คล้ายกับว่าเพียงข้ามคืน เธอก็ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตามร่างกายเริ่มปรากฏกลิ่นอายสังหาร

ฉินเฟิงกลับไปยังสถานที่ก่อนหน้านี้ และพบกับเสี่ยวไป๋ที่กำลังก้มเลียขนสีขาวของมัน เฝ้ารอด้วยความเบื่อหน่าย

ฉินเฟิงยกวัตถุดิบขึ้นมา เหม่อมองท้องฟ้า เทียบกับเมื่อครู่นี้แล้ว มันดูจะหมองลงยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย

พอฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเก็บวัตถุดิบต่างๆลงในรถ ล้อก็เริ่มหมุน วิ่งข้ามผ่านผืนดินที่ทรุดโทรม ฉินเฟิงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มแปลกๆ บังเกิดความร้อนใจอย่างน่าฉงน

และเมื่อแสงเริ่มสลัวลง ประสาทในการรับรู้ของฉินเฟิงก็เพิ่มสูงขึ้น

หลังจากขับรถไปได้ 5 นาที ฉินเฟิงก็เหยียบคันเร่งอย่างกระทันหัน

“รีบติดต่อพื้นที่เพาะปลูกเร็วเข้า บอกพวกเขาไปว่ากองทัพหนูบุก!”

เสี่ยวจิงตะลึง ในหัวใจเริ่มเกิดความหวาดกลัว เธอเรียกสติ หันมองออกไปทางนอกหน้าต่าง และค้นพบว่า หญ้าเบื้องล่างราวกับถูกลมพัดจนแนบกับพื้น ไม่สิ! มีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งพลุ่งพล่านอยู่ต่างหาก แม้เธอจะเห็นไม่ชัด แต่ก็พอจะเพ่งได้คร่าวๆว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเท่ากับแขนของผู้ใหญ่กำลังวิ่งอยู่!

-เป็นหนูยักษ์กินพืช!

มันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรอที่จู่ๆก็กองทัพหนูยักษ์ก็คิดบุกจู่โจมอย่างกระทันหัน?

แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ เสี่ยวจิงก็รีบทำการติดต่อกับหลี่เหวินทันที

หลังจากหลายวันได้ผ่านพ้น เสี่ยวจิงมิได้โกรธเคืองหัวหน้าทหารที่หยุดเธอ ด่าเธอในตอนแรกอีกต่อไป ตรงกันข้าม เธอกลับชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

ไม่นาน เธอก็ได้รับคำตอบกลับมา

“เธอแน่ใจรึเปล่า? กองทัพหนูไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดล้อเล่นนะ!” น้ำเสียงของหลี่เหวินเองก็หม่นลงเช่นกัน

“หนู … หนูเองก็ไม่แน่ใจ!”

ก็จะไปแน่ใจได้ยังไง เมื่อเสี่ยวจิงเองไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน

“เอามาให้ฉัน!” ฉินเฟิงร้องออกมา

เสี่ยวจิงชะงัก แต่ก็รีบยื่นอุปกรณ์สื่อสารส่งให้ฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าหลี่ กองทัพหนูน่าจะถูกปลุกขึ้นมาเพราะพายุฝน จำนวนมีประมาณ 10000 ถึง 30000 ตัว เป็นกองทัพหนูขนาดเล็ก เตรียมการป้องกันไว้ให้ดี ถ้าหากมันไม่เกิดขึ้นจริง ก็ถือว่าเป็นการฝึกป้องกันพิเศษยามฝนพรำก็แล้วกัน!”

หลี่เหวินได้ยินเสียงเฉียบขาดของฉินเฟิง เขาก็เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

“เข้าใจแล้ว!” ถึงแม้ว่าจะยังมีบางอย่างไม่มั่นใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเตรียมพร้อม

ภายในทุ่งล่า หนึ่งทีมของผู้ใช้พลังพิเศษกำลังไล่ล่าอย่างเมามัน

“ปุ!”

ใบมีดสาดแสงกระพริบไหว หนูยักษ์กินพืชถูกตัดหัวลง

“ฮะฮ่า! วันนี้พวกหนูยักษ์มันกระตือรือร้นกันจริงๆ ทั้งๆที่คราวก่อน ตั้งครึ่งวันยังจับไม่ได้เลยซักตัว!”

อีกสองสมาชิกจับหางหนูยักษ์ ยกมันขึ้น ตามตัวของหนูยักษ์เต็มไปด้วยรูกระสุน เห็นได้ชัดว่าถูกปืนจักรกลฆ่าตาย

“เป็นการเก็บเกี่ยวที่ดีจริงๆ!”

“บอส แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีอะไรไม่ถูกต้องนะ วันนี้พวกหนูยักษ์มันเคลื่อนไหวผิดปกติเกินไป!”

“เฮ้ย คิดมากน่า ก็ฝนกำลังจะตก มันเลยว้าวุ่นใจเป็นธรรมดา”

“เดี๋ยวก่อน! บอส ดูนั่นสิ ดมีอะไรอยู่ตรงนั้น!”

ท่ามกลางแสงสลัว ไกลไปสุดเส้นขอบฟ้า บังเกิดคลื่นความมืดมิดกระเพื่อมไหว และเมื่อลองเพ่งมองอย่างรอบคอบ ก็จะพบว่ามันคือกองทัพหนููยักษ์กินพืช!!!

ในพริบตา สีหน้าของเหล่าผู้ใช้พลังก็กลายเป็นบิดเบี้ยว

“เผ่นเร็ว!!”

เสียงคนในทีมกรีดร้อง เสียดแทงขึ้นไปถึงฟากฟ้า

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท