โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 26

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.26 – ผลการต่อสู้

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.26 – ผลการต่อสู้

“แอ๊!”

เสี่ยวไป๋ดิ้นหลุดจากกระเป๋าสะพาย กระโดดเข้าหาศพของราชันย์หนู วาดกรงเล็บเล็กๆออกไป และพริบตานั้นเอง แก่นพลังงานขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามัน จากนั้น ทั้งแก่นพลังก็หายวับไป

เนื่องจากฉินเฟิงทำสัญญากับเสี่ยวไป๋แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋ได้ใช้พลังมิติของแยกแก่นพลังงานออกมาจากตัวราชันย์หนูโดยตรง และเก็บใส่พื้นที่มิติของตัวเอง

“เอาเถอะ ยังไงมันก็เป็นของแกอยู่แล้ว จะรีบเก็บไปทำไม ฉันไม่แย่งแกหรอกน่า!”

ฉินเฟิงกล่าวอย่างหมดหนทาง แต่ผลลัพธ์ในวันนี้ต้องยกเครดิตให้กับเสี่ยวไป๋จริงๆ มิฉะนั้นมีหรือที่เขาจะไล่ตามราชันย์หนูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาทัน

ฉินเฟิงชักมีดสั้น และเริ่มแยกส่วนวัตถุดิบต่างๆที่เป็นประโยชน์ของราชันหนู

ฟัน , กรงเล็บ ล้วนเป็นของมีค่า ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีขนสัตว์ของมันที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกกว่าครึ่งหนึ่ง

ส่วนเนื้อหนู นี่ก็กินได้เหมือนกัน รวมๆแล้วหนักเกือบ 100 จิน และยังขายได้ในราคาดี

โชคดีที่เขาทำสัญญากับเสี่ยวไป๋ มิฉะนั้นหากฉินเฟิงแบกสิ่งเหล่านี้ไปด้วยตัวเอง คงยากจะอธิบายให้คนอื่นๆฟัง

เขานำทุกสิ่งที่กล่าวมาใส่ลงในพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ เลาะศพราชันย์หนูจนเหลือแต่กระดูก แล้วต่อมาก็เดินไปยังเถาวัลย์

เห็นได้ชัดว่าเดิมทีบนเถาวัลย์มีผลไม้อยู่มากกว่า 3 ลูก ทว่าส่วนใหญ่แล้วมีร่องรอยถูกแทะเล็ม บางทีนี่น่าจะเป็นฝีมือของราชันย์หนู และอาจจะเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตระดับต่ำเช่นมันเกิดการวิวัฒนาการ

“เอาเถอะ ได้มาตั้งสามลูกก็ดีแล้ว!”

ฉินเฟิงเอื้อมมือไปคว้าผลไม้ทั้งสามลูก

สิ่งนี้ เมื่อเด็ดลงมาแล้ว สมควรจะใช้งานโดยเร็วที่สุด ฉินเฟิงเลยกินไปลูกหนึ่งทันที

“แอ๊!”

เสี่ยวไป๋มองผลไม้ด้วยความตะกละ

“เอ้า! ให้แกด้วยอันนึงก็ได้”

ฉินเฟิงมิคิดตระหนี่ใดๆ เขาใจดีกับเสี่ยวไป๋ ยอมให้มันผลนึงโดยตรง

ส่วนที่เหลืออีก 1 มีไว้สำหรับโจวฮ่าว!

ฉินเฟิงใส่ผลไม้ศักยภาพลงในขวด ยัดเข้าในกระเป๋าสะพาย แล้วเดินกลับไป

ในเวลานี้ ที่ฐานยังคงวุ่นอยู่กับการเก็บกวาด เพราะสถานการณ์รบได้จบลงแล้ว ทางสำนักงานใหญ่จึงไม่มีเวลาสนใจฉินเฟิง เมื่อฉินเฟิงกลับมา มันเลยไม่ได้ไปกระตุ้นความสงสัยของใคร

ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงจึงสามารถปกปิดความจริงที่ว่าเขาสังหารราชันย์หนูลงได้โดยลำพังอย่างง่ายดาย

แม้เขาจะได้รับเครดิตมหาศาลจากมัน แต่ฉินเฟิงก็ไม่บอกใคร เขาไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียงใดๆ

อย่างไรก็ตาม แค่ผลงานในครั้งนี้ เขาก็ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายแล้ว!

“ฉินเฟิง!” หลี่เหยาเหยาออกตามหาฉินเฟิงอยู่นาน น่าเสียดายที่ไม่พบเขาท่ามกลางฝูงชนเลย

แต่โชคยังดี ที่เธอรอเขา จนในที่สุดก็ได้เจอ

“ฉินเฟิง นายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ให้ฉันรักษานายนะ!” หลี่เหยาเหยาเร่งกล่าว ก้มลงมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของฉินเฟิง

“ไม่! ไม่จำเป็น ขอบใจ!”

ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขาจดได้ว่าครั้งก่อนไม่ได้บอกชื่อตนออกไป แต่ตัวเขาเองก็เริ่มมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฐานเมื่อเร็วๆนี้ ดังนั้นบางทีเรื่องราวของเขาอาจจะส่งไปถึงหูของเหยาเหยาก็ได้

การปฏิเสธของฉินเฟิงทำให้ใบหน้าของหลี่เหยาเหยาซีดไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คิดว่าฉินเฟิงจะเย็นชาต่อเธอ

ในเวลานั้นเอง เสี่ยวจิงก็วิ่งเข้ามา

“ฉินเฟิง! นายปลอดภัยใช่ไหม!”

เสี่ยวจิงเองก็มีส่วนร่วมในการปกป้องพื้นที่เพาะปลูกเหมือนกัน หากแต่เป็นโซนใน ขณะที่ฉินเฟิงออกไปสู้โซนนอก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ของเขา

หลังจากการการต่อสู้จบลง เสี่ยวจิงก็นึกขึ้นได้ถึงฉินเฟิง เธอออกมาเก็บกวาดศพภายนอก แต่หาตัวเขายังไงก็ไม่พบ ยิ่งนาน เธอก็ยิ่งกังวล

โชคดีจริงๆ ที่ฉินเฟิงไม่เป็นอะไรไป

“เอ่อ เธอบาดเจ็บรึเปล่า?” ฉินเฟิงขมวดคิด มองสำรวจเสี่ยวจิง

“ก็แค่เล็กๆน้อยๆ แต่นายรู้อะไรไหม ฉันฆ่าหนูยักษ์ไปมากกว่า 20 ตัวเลยนะในครั้งนี้!” เสี่ยวจิงเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะของหญิงสาว

“งั้นก็ดี! ได้เวลากลับแล้ว ฉันจะไปรับรางวัลที่จุดรวมพล!” ฉินเฟิงกล่าว เขาหันไปพยักหน้าให้หลี่เหยาเหยา และเดินเข้าไปในสถานีซื้อขายของพื้นที่เพาะปลูก

เสี่ยวจิงนิ่งไปพักหนึ่ง แต่ก็รีบตามฉินเฟิงไป ในหัวใจเริ่มเกิดความตื่นตระหนก

“ที่บอกว่าจะกลับ นาย … นายจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วหรอ? ใช่ไปพักผ่อนสักพักนึงหรือเปล่า? แล้ววางแผนจะย้อนมาอีกทีเมื่อไหร่?”

ฉินเฟิงรู้ดี ว่าเสี่ยวจิงกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะหลังจากเกิดใหม่ เขาก็เป็นคนเดียวที่พาเสี่ยวจิงออกไปล่าตลอดช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นในเวลานี้ สถานะของเขา เรียกได้เลยว่าแทบจะเป็นหัวหน้าของเธอ

“ไม่รู้สิ บางทีอาจจะกลับมาก็ได้ แต่เรื่องนั้นเธอไม่ต้องกังวลไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ เธอสามารถเข้าร่วมกับทีมทหารรับจ้างได้แล้ว แต่ฉันขอแนะนำให้เธอนะ ว่าให้ไปเข้าร่วมกับทางกองทัพจะดีกว่า ยิ่งเธอมีส่วมร่วมในการต่อต้านกองทัพหนูในครั้งนี้ เธอก็ยิ่งดูมีเครดิต”

เสี่ยวจิงที่กำลังว้าวุ่น ค่อยๆสงบลงภายใต้การปลอบประโลมของฉินเฟิง

ในช่วงเวลานี้ ในพื้นที่เพาะปลูก นอกจากฉินเฟิงแล้ว เธอยังมีความสัมพันธ์กับหลี่เหวิน และเข้าร่วมการฝึกฝนวรยุทธกับกองทัพทุกวัน

หากเธอเข้าร่วมกับกองทัพ เธอจะสามารถใช้เครดิตภายใน แลกเปลี่ยนกับอาวุธสงคราม , เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องจักรกลและการต่อสู้ได้

เมื่อคิดถึงจุดนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เสี่ยวจิงจะคลายใจลงยิ่งกว่าเดิม

“แล้วนายล่ะ? จะเอายังไงต่อ?” เสี่ยวจิงถามด้วยความอยากรู้

“ฉันจะไปเรียนต่อในสถาบันระดับสูง!” ฉินเฟิงกล่าว

เสี่ยวจิงสะดุ้ง เธอไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะตอบกลับมาแบบนี้

“ฉินเฟิง ในความคิดของฉัน สถาบันระดับสูงไม่สามารถสอนอะไรได้นายอีกแล้ว!” เสี่ยวจิงรู้ดีว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ต้องกล่าวถึงความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินของเธอ การไปเรียนต่อกับสถาบันน่ะ มันไม่สามารถทำเงินได้ ยิ่งฉินเฟิงเป็นคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว เขาจะไปเรียนต่ออีกทำไมกัน?

“เธออย่าพูดแบบนั้นสิ โลกใบนี้ยังมีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ เธอไม่ควรตัดสินแบบนั้นนะ” ฉินเฟิงส่ายหัว หยุดคำครหาของเสี่ยงจิง

โดยที่ทั้งสองไม่ทราบเลยว่า หลี่เหยาเหยาเองก็กำลังเดินตามมา และเมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง สีหน้าไม่ยินยอมในตอนแรกของเธอ ก็เริ่มแสดงออกถึงความสุข

‘ฉินเฟิงจะเข้าร่วมกับสถาบันระดับสูงอย่างงั้นหรอ? งั้นก็หมายความว่าเขาจะกลายเป็นรุ่นน้องของฉันน่ะสิ!’

‘ดีเลย! คอยดูเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นนายจะไม่สามารถทำเป็นเมินฉันได้อีกต่อไป!’

ทางฉินเฟิงไม่ทราบว่าหลี่เหยาเหยาคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเทียบกับหลี่เหยาเหยาที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ กับเสี่ยวจิงที่เป็นคู่หูนักสู้ แถมยังมีบุญคุณในชีวิตก่อนหน้าแล้ว การปฏิบัติตนของเขาต่อทั้งสองจึงย่อมแตกต่างกัน

เมื่อเขาและเธอมาถึงสถานีซื้อขายของพื้นที่เพาะปลูก ก็ส่งวิดีโอการต่อสู้จากอุปกรณ์สื่อสารให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและยืนยัน จำนวนสัตว์ร้ายที่สังหารลง

นี่เป็นฟังก์ชั่นสำคัญที่สุดของเครือข่ายภูมิภาค ในพื้นที่เพาะปลูก

แน่นอน หลังจากที่ฉินเฟิงไล่ตามราชันย์หนูไป เขาก็ปิดอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นบันทึกของเขาจึงน้อยกว่าคนอื่นไปชั่วโมงหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การสแกนผ่านเครือข่ายกลับใช้เวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น ผลลัพธ์ก็ปรากฏขึ้น

เนื่องจากการต่อสู้เพิ่งจะจบลง หลายคนเลยยังยืนรอต่อแถว แต่โชคดีที่กระบวนการนี้เร็วมาก จึงไม่มีใครรู้สึกเบื่อจนเกินไป

ฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเองก็ไม่รีบร้อน พวกเขาเฝ้ารออย่างอดทน เพียงสิบนาที ก็มาถึงตาของทั้งสอง

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด , สังหารหนูยักษ์กินพืช : 561 ตัว , สังหารหนูยักษ์กินพืชระดับทหาร : 31 ตัว , สังหารหนูยักษ์ระดับนายพล : 9 ตัว!】

ทันทีที่ข้อมูลการตรวจสอบปรากฏขึ้น ไม่เพียงแต่เสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆต้องตกใจ กระทั่งผู้ตรวจสอบข้อมูล และผู้คนรอบข้างเองก็ยังตะลึงงัน

มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนๆเดียวสามารถสังหารสัตว์ร้ายได้มากมายขนาดนี้? เขาใช่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษ เลเวล F แฝงตัวมารึเปล่า?

“น่าจะมีอะไรผิดพลาด คนๆเดียวจะสามารถสังหารได้มากกว่า 500 ตัวได้อย่างไร!”

“ใช่ๆ ไม่ใช่ว่านี่คือข้อมูลจากการร่วมมือกันฆ่าหรอกหรือ? มันเป็นข้อมูลทีมรึเปล่า!”

“กระทั่งตราสัญลักษณ์ โลโก้ผู้ใช้พลังพิเศษเขายังไม่มีเลย เครื่องคงเสียแล้วล่ะมั้ง!”

ทกคนต่างเกิดคำถาม กวาดตามองฉินเฟิงด้วยความสงสัย

ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คิดโต้แย้ง

เสี่ยวจิงอดไม่ได้ ตะโกนด้วยความโกรธ “อย่ามาไร้สาระนะ! ฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่งจริงๆ เขาไม่ใช่คนที่คดโกงอะไรแบบนั้น!”

น่าเสียดาย ที่เสียงของเสี่ยวจิงจมอยู่ท่ามกลางกระแสของผู้คน ไม่มีผู้ใดสนใจคำของสาวน้อยเลย

เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือก ต้องตรวจสอบวิดีโอดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ แทนที่จะมองดูมันอย่างผ่านๆ เขาเลือกที่จะตั้งใจจริงใจ พอวิดีโอจบลง เขาก็อึ้งไป

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท