โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 41

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.41 – องค์กรต่อต้านมนุษยชาติ

Translator : Muntra / Author

วันนี้ลง 3 ตอน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.41 – องค์กรต่อต้านมนุษยชาติ

พริบตานั้นเหล่าวัยรุ่นต่างกลายเป็นสิ้นหวัง ทั้งหมดสบมองกันและกันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ฉินเฟิงกวาดสายตามองรอบๆ และพบว่าเฉินหมิงไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

แต่จ้าวหยวนหยวนยังอยู่ ไม่เพียงแค่นั้น ท่าทีของเธอยังดูอ่อนปวกเปียก มึนเมาเหมือนกับว่าจะถูกมอมไวน์มากจนเกินไป ได้แต่นอนฟุบลงกับพื้น ไม่มีกำลังที่จะหลบหนี

ฉินเฟิงเองก็ไม่มั่นใจ แต่คาดว่าจ้าวหยวนหยวนน่าจะถูกวางยา!

กลุ่มชายฉกรรจ์เริ่มบุกเข้ามาจับกุมตัวนักเรียน ฉากนี้เปรียบดั่งหมาป่าเดินเข้าฝูงแกะ แต่ฉินเฟิงจะปล่อยให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่ตนต้องการได้อย่างไร?

“ชิ้ง!”

มีดกษัตริย์ครามพลันถูกชักออกจากฝัก ประกายสีเงินสาดส่อง คละคลุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า

กลุ่มชายฉกรรจ์ในคราบหน้ากากแมงมุมดำกระจายตัวกันออกไป และในเวลานี้ ปืนในมือของพวกเขา มันถูกใช้เพื่อการข่มขู่เท่านั้น มิใช่สังหาร

เนื่องจากสหายฝั่งตนแยกกันไปตามแต่ละจุด หากยิงสุ่มสี่สุ่มห้า อาจจะโดนพวกเดียวกันได้

แบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่!

ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงกลายเป็นข้อจำกัดมากมาย สำหรับอาชีพมือปืน

และเป็นเพราะพวกมันกระจายตัวกันเคลื่อนไหว เลยกลายเป็นเปิดโอกาสให้ฉินเฟิงพอดิบพอดี!

กำลังภายในพลุ่งพล่านกระชากไหว ฉินเฟิงโฉบกระโจนดั่งศรที่หลุดจากสาย

มีดกษัตริย์ครามโบกสะบัด พุ่งผ่านคอมนุษย์ราวกับไม่มีอุปสรรคใดๆ

ต้องไม่ลืมนะว่านี่คืออุปกรณ์รูนที่ทำมาจากวัตถุดิบระดับราชันย์สัตว์ร้าย เวลาใช้งานมันเลยมีประกายแสงสีเงินวาบผ่านออกมา

และตอนนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่คมมีดได้สูบกินเลือดสดๆ –ฤทธิ์ของมันได้ถูกสำแดงออกมาแล้ว!

คลื่นคมมีดวาดผ่านในคราเดียวราวกับว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ เลยพลอยทำให้ใจของฉินเฟิงบังเกิดความสงสัยว่าตอนนี้ เขาได้เฉือนคนด้วยใบมีดไปแล้วจริงๆน่ะหรือ?

ราวกับว่าเป็นแค่การตัดอากาศในพริบตา นี่มันง่ายยิ่งกว่าการตัดเต้าหู้ซะอีก

แต่ฉินเฟิงก็ไม่แสดงออกถึงความตะลึงหรือลิงโลดใดๆ เขาวาดคมมีดอีกครั้ง โฉบเข้าเฉือนคอของอีกคน

เป็นอีกครั้งที่ศัตรูถูกตัดคอด้วยมีดกษัตริย์คราม อีกฝ่ายเพียงรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านไป สีหน้าของเขาเผยถึงความไม่อยากจะเชื่อ

ช่างรวดเร็ว! นี่มันเร็วมากเกินไป แสงสีเงินที่วาบผ่านได้กลายเป็นความทรงจำสุดท้ายของเขา

“พรวด!!!”

คอที่ไร้หัวระเบิดน้ำพุเลือดพุ่งสูงกว่าหนึ่งเมตร

ทว่าฉินเฟิงก็ยังไร้ซึ่งความลังเลหรือห้วงอารมณ์ใดๆ เขามุ่งดำเนินแผนตามเดิม เตรียมสะบัดมีดสังหารอีกครั้ง

“มันเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ! ทุกคนระวังตัวไว้!”

ชายในหน้ากากแมงมุมดำคนหนึ่งบังเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เจ้าตัวชักอาวุธออกมา และสับเข้าใส่ฉินเฟิง

“วืดดดด!”

มีดของศัตรูตัดขวางเบื้องหน้าฉินเฟิง ในสมองบังเกิดความคิดแผนการว่า : ถ้าฉินเฟิงเลือกที่จะใช้มีดกษัตริย์ครามเข้าปะทะกับเขา ยามเมื่อสองมีดปะทะยื้อยุทธกัน ช่วงจังหวะนั้นสหายแมงมุมดำคนอื่นๆก็จะฉวยโอกาสนี้โจมตี และสังหารฉินเฟิงลง

หากแต่เหตุที่ว่ากลับไม่เกิดขึ้น เห็นแค่เพียงมีดกษัตริย์ครามตัดผ่านใบมีดของตนไปอย่างง่ายดายและเงียบเชียบ ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ

ต้องทราบนะว่าเขาน่ะจ่ายเงินไปกว่า 20,000 เหรียญ ถึงเพียงพอที่จะซื้อมีดทำจากโลหะผสมเหล็กใบนี้มาได้ แต่ความจริงตรงหน้าช่างโหดร้าย มันกลับถูกมีดกษัตริย์ครามตัดขาดราวกับกระดาษบางๆ

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มแมงมุมดำคนอื่นๆก็สังเกตเห็นถึงประกายแสงจางๆ -เป็นประกายแสงสีเงินที่มิอาจเพิกเฉยได้ในมือของฉินเฟิง ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกใจ

“นั่นมันอุปกรณ์รูนสีเงิน!”

“เป็นไปได้ยังไงกัน!?”

“บ้าเอ๊ย ไอ้พวกนี้มันก็แค่เด็กนักเรียนไม่ใช่หรอ?”

คนในกลุ่มเริ่มตะโกนและสาปแช่ง ส่วนฉินเฟิงพุ่งปราดไปสังหารอีกศพแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ช่วงที่ฉินเฟิงและคนเหล่านั้นกำลังต่อสู้กันอยู่

“รีบไปสิ พวกนายใช้โอกาสนี้หนีไปก่อนเร็วเข้า!”

โจวฮ่าวตะโกนเร่งเร้า แต่เขามิได้หลบหนี เจ้าตัวม้วนกลิ้งไปยังสองศพที่เพิ่งถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง ฉกอาวุธของอีกฝ่ายมา แต่ในช่วงจังหวะเดียวกันกับที่มือของโจวฮ่าวยื่นออกไป มันก็ประสานกับอีกมือหนึ่ง เจ้าตัวเงยหน้าขึ้น และพบว่าเบื้องหน้าเขาคือเสี่ยวจิง

ทั้งสองสบตากันและกัน เอื้อมมือไปคว้าปืนคนละกระบอกโดยมิเอ่ยคำใด -สำหรับทั้งสอง แม้ความแข็งแกร่งจะเทียบไม่ได้กับฉินเฟิง แต่เขาและเธอก็ไม่คิดยอมอยู่เฉยๆให้จับตัว

นักเรียนคนอื่นๆเดิมทียังไม่หายตื่นกลัวกับสถานการณ์ตรงหน้า ในหัวใจฟุ้งไปด้วยความผวา แต่เมื่อได้ยินเสียงของโจวฮ่าว ทั้งหมดก็คล้ายถูกอะไรบางอย่างมาทุบหลัง เรียกสติกลับคืน

กลุ่มนักเรียนเริ่มพากันหลบหนีไป

“บ้าจริง! สถานการณ์เริ่มคุมไม่อยู่แล้ว รีบไปจับตัวนังเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วเผ่นกันเร็ว!”

คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะถอนตัวทันที ดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเป้าหมายของตนอีกต่อไป -สองคนในกลุ่มวิ่งเข้าหาจ้าวหยวนหยวนทันใด

ใช่แล้วล่ะ เป้าหมายของพวกเขาก็คือจ้าวหยวนหยวนนั่นเอง!

“ช่วยปกป้องจ้าวหยวนหยวนด้วย!” ฉินเฟิงตะโกนทันที

โจวฮ่าวกับเสี่ยวจิง แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมฉินเฟิงถึงต้องการให้ทำเช่นนั้น แต่ทั้งสองก็ไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเข้ามายืนขวางเบื้องหน้าร่างที่อ่อนเปลี้ยของจ้าวหยวนหยวน

“ปัง ปัง!”

พร้อมกับสาดกระสุน ขัดขวางไม่ให้ชายฉกรรจ์เข้ามาใกล้

สำหรับคนในกลุ่มแมงมุมดำ แม้ทุกคนจะใส่ชุดกันกระสุน แต่ก็แค่ชุดไม่นับรวมหัว ดังนั้นหากบังเอิญมีกระสุนยิงทะลุเข้ามา พวกเขาก็มีโอกาสตายเหมือนกัน

“มารดามันเถอะ คิดจะฆ่าฉันงั้นหรอ!”

หนึ่งในกลุ่มเริ่มรำคาญ ชักปืนออกมาเตรียมที่จะยิง ทว่าในวินาทีเดียวกันนั้นเอง ร่างกายของเขาก็มิอาจควบคุม ราวกับถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่าง

เพราะในจังหวะเดียวกัน ฉินเฟิงก็สามารถคว้าช่องว่างของคนกลุ่มนี้ได้พอดี

การต่อสู้ที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้มีถูกสังหารไปแล้วห้าคนภายใต้น้ำมือของฉินเฟิง ขณะเดียวกันยังเหลืออีก 7 คน และแม้ว่าสองคนจะเบนความสนใจไปจับตัวจ้าวหยวนหยวน แต่ในภาพรวมตอนนี้ หากมองจากมุมสูง จะพบว่าทั้งหมดล้วนอยู่ล้อมรอบฉินเฟิงเป็นวงกลม

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำหรับกลุ่มแมงมุมแล้ว มันแทบที่จะเรียกได้เลยว่าเป็นการจับเต่าในเหยือกไห

แต่ในมุมมองของฉินเฟิง มันกลับไม่เป็นแบบนั้น!

“ทักษะลับ กลืนดารา!”

ภายใต้แรงกดดันจากกำลังภายใน กลุ่มคนร้ายถูกดึงดูดเข้าหาฉินเฟิงอย่างมิอาจควบคุม

ในเสี้ยวพริบตา มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงก็วูบบบบ! กวาดเป็นวงกลมแสนสมบูรณ์แบบในอากาศ!

ช่วงเวลาราวกับถูกแช่แข็ง

“ตุบ … ”

หัวของทั้ง 7 ร่วงหล่นลง

“พรวดดดดด!!!”

หมอกเลือดสาดไปทั่ว ย้อมพื้นจนกลายเป็นสีแดงฉาน เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตสีขาวของฉินเฟิงจนชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือด

“ตุบ ตุบ … ”

ร่างที่ไร้หัวทยอยกันร่วงลงกับพื้น

พอคนร้ายทั้งเจ็ดสิ้นใจลง สภาพแวดล้อมโดยรอบก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่แล้วก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนเริ่มต้นกรีดร้อง ความโกลาหลกลับมาอีกครั้ง เด็กสาวบางคนแข้งขาอ่อนเปลี้ย แหกปากด้วยความหวาดกลัวไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลบหนี

“แง มันเจ็บ!”

“รถพยาบาล เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!”

“ฉันถูกยิง ใครก็ได้ช่วยที!”

“ฟู่ว ..!” ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจ บรรเทาความตึงเครียด

จากนั้น เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น

-บ่งบอกว่าในที่สุดหน่วยลาดตระเวนก็มาถึง

การจู่โจมและระเบิดอย่างกระทันหันเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หน่วยลาดตระเวนจะได้รับการแจ้งเตือน และมาถึงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น รถพยาบาลเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน

นักเรียนคนแล้วคนเล่าเริ่มทยอยกันถูกยกขึ้นไปบนรถ ทว่ากำปั้นของฉินเฟิงยังคงเกร็งแน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อหนังของเขา

“ทางเรามีคนตายรึเปล่า?” น้ำเสียงของฉินเฟิงเกือบจะเย็นชา

โจวฮ่าวกับเสี่ยวจิงที่รับหน้าที่คอยปกป้องเพื่อนร่วมชั้น เมื่อได้ยินคำถามของฉินเฟิง และอารมณ์ที่แทบจะระเบิดของเขา ก็เร่งกล่าวปลอบประโลม “ไม่มีหรอก! พวกเพื่อนๆของเรายังปลอดภัยดี มีแค่หยางเคียนคนเดียวที่อาจจะต้องตัดขาของเธอ!”

ฉินเฟิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

หยางเคียนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด น่องของเธอเกือบจะฉีกขาดด้วยกระสุนปืน แม้ขีดอันตรายจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ตอนนี้อาการก็ยังสาหัสนัก

บางที อาจจะต้องตัดขาทิ้งจริงๆก็ได้

นักเรียนทั้งสิ้น 30 คน มี 13 คนอยู่ที่นี่ ส่วนที่เหลือสามารถหลบหนีออกไปจากห้องจัดเลี้ยงได้

แต่ ณ ขณะนี้ นอกเหนือไปจากผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกนำส่งโรงพยาบาล หรือทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในรถแล้ว คนอื่นๆล้วนถูกนำตัวขึ้นไปในรถลาดตระเวน เพื่อตั้งใจที่จะพากลับไปสอบสวนหาเบาะแส

และในหมู่คนเหล่านั้น แน่นอนว่ามีเฉินหมิงแฝงตัว หลบซ่อนอยู่เงียบๆเช่นกัน

ในเวลานี้ ดวงตาของเฉินหมิงช่างดูว่างเปล่า เขามิอาจคาดคิดได้เลยโดยสิ้นเชิง ว่าสถานการณ์มันจะจบลงในรูปแบบนี้!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท