The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1192 – ถือกำเนิดใหม่จากเพลิง

ตอนที่ 1192 - ถือกำเนิดใหม่จากเพลิง

DND.

  พร้อมกันนั้นซือหยูพุ่งตัวออกจากค่ายกลกระบี่อย่างรวดเร็ว

  เงาดำหนึ่งเองก็ตามซือหยูเพื่อพยายามจะหนีออกจากค่ายกลกระบี่

  แต่ทันทีที่เงาดำนั้นขยับตัวค่ายกลกระบี่ก็เริ่มทำงาน กระบี่คมกริบสีเงินเฉือนเงาทมิฬและทำให้เงานั้นถอยกลับไป

  เมื่อออกจากค่ายกลกระบี่ได้ซือหยูหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของมือสังหาร

  พูดให้ชัดกว่านี้ก็คือซือหยูรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่าเงาทมิฬนั้นอยู่ภายในค่ายกลกระบี่แต่เมื่อซือหยูหันมอง สายตาของเขาก็ถูกบังคับให้มองไปทางอื่น

   หรือว่าจะเป็นฎีกาสวรรค์ของนาง? 

  ซือหยูถามตัวเอง

  ด้านในค่ายกลกระบี่เงาทมิฬขยับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อหนีออกจากค่ายกล แต่นางก็พบว่าค่ายกลกระบี่นี้ถูกสร้างมาอย่างดีและไม่มีช่องว่างให้นางหนีเลย

   เจ้ารู้มาก่อนแล้วรึว่ามีมือสังหารสองคน? 

  เงาทมิฬเป็นสตรีแต่เสียงของนางขาดความอ่อนหวานและทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายแทน

  ซือหยูตอบกลับ

   แน่นอน!แค่ข้าเดาครั้งเดียวก็รู้แล้ว! สำนักนรกไม่เคยพลาด แต่บนโลกนี้มีความแน่นอนอยู่รึ? ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า! 

   พวกเจ้ารักษาสถิติไม่เคยพลาดมาจนถึงตอนนี้นอกจากคุณภาพมือสังหารจะดีแล้วยังต้องมีปัจจัยที่สำคัญกว่า และนั่นคือทางช่วย! หากมือสังหารคนหนึ่งทำพลาด มือสังหารอีกตนก็จะมาทดแทน หรือมีมือสังหารคนอื่นมาอีก ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ 

   ดังนั้นข้าก็ประเมินแล้วว่ามีมือสังหารอย่างน้อยสองคนในครั้งนี้!ถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าแข็งแกร่ง มันก็อาจจะมีคนที่สาม… 

  ซือหยูพูดพลางเหลือบมองรอบๆ

  นางแอบตกใจนางเริ่มจะเชื่อจากคำพูดตามถนนแล้วว่าเขาฉลาดจริง ๆ

  เขามองรอบด้านและสรุปมาเป็นสิ่งที่ต้องทำความสามารถในการวางแผนของเขายังคาดเดาไม่ได้

  ถ้าหากนางต้องประเมินอีกครั้งนางจะเพิ่มระดับภารกิจนี้เป็นภารกิจยากระดับหก!

  นี่คือความยากของการสังหารว่าที่เทพขั้นกลาง!

   แล้วก็เลยแอบใช้ค่ายกลกระบี่ขณะที่ต่อสู้กับมือสังหารอีกคนรึ? 

  นางถาม

  ซือหยูพยักหน้าเบาๆ ถ้าหากเขาไม่ทำ เขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอีกนับครั้งไม่ถ้วนไม่ใช่รึ?

  ซือหยูต้องเรียกเพลงกระบี่เก้าสุริยาออกมาก่อนขณะที่สู้กับมือสังหารคนแรกทำให้เขาสู้ด้วยพลังสูงสุดไม่ได้ เขาจึงดูคล่องแคล่วน้อยกว่าที่ควร

   ลึกล้ำยิ่งนัก! 

  นางสูดหายใจแผ่วเบานางจะโทษตัวเองว่าเป็นฝ่ายผิดก็ไม่ได้ เพราะว่าเป็นซือหยูที่เจ้าเล่ห์เกิดไป!

  เขาเตรียมเพลงกระบี่เก้าสุริยาโดยที่ไม่ให้ผู้ใดรู้ตัวพร้อมแสร้งทำเป็นผ่อนคลายไร้กังวลเพื่อล่อให้นางลงมือ

   เจ้าก็พูดเกิดไป… 

  ซือหยูตอบอย่างไม่แยแสไม่นานหลังจากนั้นใบหน้าเขาก็เยือกเย็น

   เฉือน! 

  เขาสั่งค่ายกลอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมือสังหารสตรีตกใจอีกครั้ง นางตะโกน

   เจ้ารู้ว่าข้ากำลังซื้อเวลาเรอะ? 

   น่าขัน!แค่กลยื้อเวลาง่าย ๆ ข้าจะไม่รู้เรอะ? 

  ซือหยูกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ทั้งเก้าเล่มพุ่งออกมา

  ลำแสงสีเงินเก้าสายเปล่งประกายมันขยับปิดเก้ามุมเอาไว้โดยมีมือสังหารสตรีอยู่ภายใน นางมิอาจออกมาจากค่ายกลได้

  นางกัดฟันเรียกหวีทองแดงออกมาหวีนี้คือสมบัติภูติขั้นกลาง เมื่อนางหวีอากาศ เพลงกระบี่เก้าสุริยาก็สั่นสะเทือนในทันที

  กระบี่เล่มที่อยู่ใกล้นางสั่นราวกับว่าจะถูกกำจัดออกจากค่ายกล

  โชคดีที่ค่ายกลกระบี่ทำงานแล้วลำแสงสีเงินทั้งเก้าแล่นทับซ้อนกันหลายร้อยหลายพันครั้งล้อมนางเอาไว้!

  สตรีชุดดำไม่แม้แต่ตะโกนร้องนางเพียงแค่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

  เสียงแหลมดังหวีในมือนางแตกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน ร่างของนางเองก็ถูกหั่นเป็นหลายร้อยหลายพันชิ้นเช่นกัน!

  เมื่อเพลงกระบี่เก้าสุริยาหยุดทำงานก็เหลือเพียงเศษหวีและเศษชิ้นเนื้อกองอยู่บนพื้น

  คนตระกูลเทพกระเรียนตัวแข็งทื่อนั่นมันค่ายกลกระบี่อะไรกัน? มันสังหารว่าที่เทพได้อย่างง่ายดาย!

  ซือหยูหันมองและพูดอย่างไร้อารมณ์

   ข้าดูถูกว่าที่เทพไปแล้วสินะแม้แต่ในสภาพนี้เจ้าก็ไม่ตายรึ? 

  เศษชิ้นเนื้อบนพื้นแปรเปลี่ยนเป็นเพลิงทมิฬ

  พรึ่บ!

  ในกองเพลิงวิหคเพลิงดำสนิทได้ถือกำเนิด มันมีขนสีดำราวน้ำหมึกและปล่อยคลื่นลมทมิฬออกมาด้วย

  แววตาเยือกเย็นของวิหคเพลิงจ้องมองซือหยูไม่วางตา

   วิหคเพลิงเกิดใหม่จากเพลิงร่างต้นของเจ้าคือวิหคเพลิงทมิฬ! 

  ซือหยูพูดด้วยความหวาดหวั่นเมื่อมองคลื่นลมทมิฬที่ปล่อยออกมาจากร่างของนาง

  เกิดใหม่จากเพลิงพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถทำให้เกิดใหม่ได้ทันทีที่ตาย!

  หากการมองไม่เห็นคือฎีกาสวรรค์ของนางการเกิดใหม่ก็คือพรสวรรค์

  ว่าที่เทพสังหารไม่ได้ง่ายเลย!

   เจ้าเด็กมนุษย์เจ้าฆ่าข้าไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่เจ้าจะทำได้อีกครั้งรึ? 

  วิหคเพลิงทมิฬสะบัดปีกร่างสง่างามขอววิหคเพลิงค่อย ๆ หมุนเป็นเกลียวสู่ท้องนภา คลื่นอากาศทมิฬแผ่ตัวเป็นวงกว้าง

  ซือหยูคุ้นเคยกับคลื่นทมิฬเช่นนี้มันคือพลังแห่งความตาย พลังที่มากพอจะฆ่าเขาได้!

  คำพูดนางดังมาจากท้องนภาแต่ร่างต้นของนางบินอยู่เหนือศีรษะของซือหยู กรงเล็บคบกริมของวิหคเพลิงซัดเข้าใส่ซือหยูด้วยพลังแห่งความตายอันหนาแน่น!

  ซือหยูคว้าง้าวพลังปีศาจเข้าปะทะกับกรงเล็บทันทีอย่างไม่ทันคิด

  คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ส่งผ่านมาจากง้าวยาวกำลังจะทำลายร่างกายของซือหยู

  ในช่วงเวลาอันตรายลำแสงสิบสายเปล่งประกายจากร่างซือหยูพร้อมกัน เขากลายร่างเป็นมังกรสีทองตัวใหญ่และพุ่งไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี!

  เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นไม่เพียงแต่วิหคเพลิงทมิฬจะสังหารซือหยูไม่สำเร็จ แต่กรงเล็บของมันยังถูกง้าวยาวแทงทะลุ โลหิตสีดำสนิทหยดไหลลงมา

  วิหคเพลิงทมิฬยกกรงเล็บให้หลุดออกจากง้าวมันร่อนลงจากฟ้า ปากพ่นคลื่นพลังทมิฬออกมาจนเป็นเพลิง เพลิงนั้นพุ่งเข้าใส่ซือหยู

   เพลิงแห่งความตาย! 

  พรึ่บ!

  เพลิงทมิฬเข้าล้อมซือหยู

  เสียงไหม้ดังร่างมังกรทองของซือหยูถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในกองเพลิง!

   เทพขนนก! 

  ใบหน้าเหล่าคนตระกูลเทพกระเรียนซีดด้วยความกลัวซือหยูตายแล้ว!

  วิหคเพลิงทมิฬดูโล่งใจนางก้มลงมองคลื่นพลังของตัวเองจากรงเล็บและได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปีศาจ

  แม้จะเสียมือสังหารไปหนึ่งคนเพื่อล่อเทพไม้ออกไปนางก็ยังต้องใช้การเกิดใหม่จากเพลิงและฆ่าซือหยูได้หลังจากที่นางบาดเจ็บสาหัส

  ความยากของภารกิจนี้คือระดับหกแน่นอน!

  แต่ภารกิจเสร็จลุล่วงนางสามารถถอยได้แล้ว!

  แต่ทันใดนั้นเองดวงตาวิหคเพลิงทมิฬก็เต็มไปด้วยความสะพรึงกลัวเมื่อนางมองกองเถ้าบนพื้น

  คลื่นเพลิงทมิฬลุกโชนบนกองเพลิงบนพื้นไม่นานหลังจากนั้นก็มีมังกรร่างยักษ์ทะลวงผ่านเพลิงออกมา!

   เกิดใหม่จากเพลิง? 

  วิหคเพลิงทมิฬมิอาจเชื่อสายตานั่นไม่ใช่พลังวิเศษที่นางรับสืบทอดมารึ?

  และนี่คือพลังที่มีเฉพาะกับวิหคเพลิงเท่านั้นมังกรจะมีพลังนี้ได้อย่างไร?

  นางสะพรึงกลัวตกตะลึง และสับสนในคราเดียวกัน จิตสังหารรุนแรงปะทุออกมาจากตัวนาง

  มนุษย์คนนี้พิลึกพิลั่นเกินไปแปลกจนวิหคเพลิงทมิฬรู้สึกไม่ปลอดภัยถึงขีดสุด!

  ฟึ่บ!

  วิหคเพลิงทมิฬกรีดนภาพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีกครั้งมันตั้งใจจะสังหารซือหยูขณะที่เขาเพิ่งจะเกิดใหม่จากเพลิงและยังมีสถาวะไม่มั่นคง!

  แต่ในตอนนั้นเองซือหยูพูดเบา ๆ

   ขุนพลเทพยักษ์! 

  ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!

  พื้นสั่นอย่างบ้าคลั่งห้องลับในเรือนเทพกระเรียนแตกสลายด้วยหมัดกว้างพันศอก

  หมัดผุดขึ้นมาจากพื้นดิน!

  ไม่นานท้องนภาราวกับฉีกขาดออกจากกัน รอยแยกขนาดมหึมาหลายพันศอกปรากฎที่ตำหนักเทพกระเรียน

  ยักษ์สีโลหะคลานออกมาจากใต้ดิน!

  หวังยุ่นเสวียนยืนเหนือยักษ์และหัวเราะด้วยเสียงคำราม

   เจ้าซือข้ามาช่วยเจ้าแล้ว! 

  ยักษ์ยืนขึ้นอย่างไร้สีหน้ามันยืนนิ่งไม่ฟังคำสั่ง หวังยุ่นเสวียนใบหน้าแข็งทื่อ

   เกิดอะไรขึ้น?มันเชื่อฟังข้าตอนที่ถูกทดสอบไม่ใช่รึ? มันพังอีกแล้วรึ? 

  วิหคเพลิงทมิฬจ้องมองยักษ์โลหะขนาดใหญ่ที่สูงหมื่นศอกด้วยความตกใจนางเบิกตากว้าง

  นางสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่เปล่งออกมาจากตัวยักษ์มันไม่ใช่สิ่งที่นางจะรับมือได้เลย!

  แม้จะสะพรึงกลัววิหคเพลิงทมิฬก็ดีใจที่ขุนพลเทพยักษ์พังและไม่ฟังคำสั่งของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา

  จิตสังหารอันเยือกเย็นแสดงผ่านแววตาวิหคเพลิงทมิฬนางสยายกรงเล็บพยายามจะสังหารซือหยูอีกครั้ง!

  แต่ทันใดนั้นเองหมัดขนาดพันศอกก็ร่วงลงมาจากฟ้า!

  วิหคเพลิงทมิฬตกใจมันเงยหน้ามองความมืดมิดจากหมัดที่ปกปิดท้องนภาจนมืดมิด!

  นางจะกล้าหันไปฆ่าซือหยูต่อไปหรือ?นางบินหนีอย่างรวดเร็วในทันที!

  แต่ทันทีที่นางหลบหมัดนั้นได้ท้องนภาเหนือศีรษะนางก็มืดอีกครั้ง กำปั้นใหม่พุ่งลงใส่นางราวกับว่าเตรียมพร้อมมานานแล้ว

  วิหคเพลิงทมิฬไม่มีที่ให้หลบและปะทะกับกำปั้นเข้าเต็มแรง

  ผั่วะ!

  โลหิตกระสาดกระจายร่างวิหคเพลิงทมิฬแหลกเป็นชิ้น ๆ ทันที!

  ขุนพลเทพยักษ์รับคำสั่งในเวลาสำคัญได้พอดิบพอดี

  เศษเนื้อวิหคเพลิงทมิฬระเบิดกลายเป็นเพลิงอีกครั้งตอนนี้มันกำลังจะเกิดใหม่อีกหน

  ซือหยูแววตาเยือกเย็น

   เจ้ายังคืนชีพได้อีกรึ?! 

  ฉึก!

  ง้าวยาวพลังปีศาจทะลวงผ่านท้องนภาตรงไปยังเศษเนื้อ

  พลังปีศาจดับเพลิงลงแม้เศษเนื้อจะพยายามขัดขืนเพื่อเกิดใหม่จากเพลิง ง้าวก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย

  ถ้าหากนางขยับง้าวได้เองเทพไม้ก็คงจะไม่เคราะห์ร้ายติดอยู่กับบัลลังก์มาเป็นพัน ๆ ปี

  พรึ่บ!

  ทันใดนั้นเพลิงน้อย ๆ ได้ปรากฏออกมากลายเป็นวิหคเพลิงทมิฬขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ มันจ้องมองซือหยูอย่างเย็นชา

   เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้หรอก!ไม่ว่าเจ้าจะฆ่าข้าสักกี่ครั้ง ข้าก็จะคืนชีพกลับมา! 

  ซือหยูยิ้มอย่างชั่วร้าย

   ฆ่าเจ้า?ทำไมข้าจะต้องฆ่าเจ้าเล่า? ข้าจะได้อะไรถ้าฆ่าเจ้า? ถ้าข้าทำให้เจ้าติดอยู่แบบนั้นไปตลอดกาล มันจะไม่ดีกว่าหรือ? 

   ตระกูลเทพกระเรียนของเราจะได้ทำที่นี่ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวผู้คนจะได้มาเที่ยวชมสัตว์หายาก ส่วนข้าก็จะได้ค่าตั๋วเข้าดู 

   ในอนาคตถ้าข้ารวบรวมสัตว์ประหลาดจากสำนักนรกได้อีก ข้าก็อาจจะจัดคณะละครสัตว์พาเจ้าไปรอบพันธมิตรบูรพาเลยก็ได้ 

   หนึ่งในการแสดงก็คือการเกิดใหม่จากเพลิงเราจะดึงง้าวให้เจ้าคืนชีพ แล้วก็แทงเจ้าให้ตายใหม่อีกครั้ง มันคงจะเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาในคณะของเราเชียวล่ะ 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท