โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 75

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.75 – 10 คะแนน

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.75 – 10 คะแนน

การเคลื่อนไหวของฉินเฟิงลื่นไหลราวกับสายน้ำ เพียงลูบไล้ ชิ้นส่วนจักรกลก็ถูกสับเปลี่ยนตำแหน่ง และหากเพ่งมองอย่างใกล้ชิด ก็จะทราบได้ว่าเขาสามารถจัดเรียงลำดับในการประกอบมันได้อย่างแม่นยำ

คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก!

มือของฉินเฟิงขยับไหวอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะเห็นเป็นภาพลวงตา

ต้องทราบนะว่าร่างกายของเขาได้รับการเสริมแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านพละกำลัง , ความว่องไว หรือความยืดหยุ่น

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ฉินเฟิงยังเคยดูดซับพลังสมาธิของเหอหลี มือปืนเลเวล F ซึ่งครอบครอบการรับรู้ที่ทรงพลังมาเป็นของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้เอง การวิเคราะห์และประกอบจักรกลเบื้องหน้านี้จึงเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา ยิ่งมีอาจารย์หยางคอยนำในช่วงแรกแล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

ไหนจะเรื่องที่ ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงเคยเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณมาก่อน และในช่วงแรกๆ เขามักจะพกปืนติดตัวอยู่เสมอ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ปืนน่ะเป็นอาวุธที่ใช้โจมตีระยะไกล ในขณะที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณก็มีช่วงเวลาที่พวกเขาไม่สามารถเข้าประชิดตัวศัตรูได้เหมือนกัน

ช่วงแรกๆฉินเฟิงเริ่มต้นจากศูนย์ เขาแทบจะไม่มีเงินติดตัวเลย ในขณะที่ปืนเป็นเป็นอาวุธของพวกเศรษฐี และการซ่อมแซมมันก็มีราคาแพงมาก ดังนั้นฉินเฟิงจึงมักจะต้องซ่อมพวกมันด้วยตัวเองอยู่เสมอ การประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเลยเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา

สำหรับเพื่อนคนอื่นๆในคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ การประกอบชิ้นส่วนปืนเป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากสุดๆ อย่างไรก็ตาม ยามเมื่อชิ้นส่วนเหล่านั้นอยู่ในมือของฉินเฟิง พวกมันกลับเปลี่ยนรูปร่างไปได้ในพริบตา

เดิมอาจารย์หยางยังคงประมาท และต้องการจะพ่นคำดูถูกถากถางสักนิดๆหน่อยๆ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น ตนกลับพบว่าฉินเฟิงได้ประกอบปืนเสร็จไปครึ่งลำแล้ว

‘นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? เวลาเพิ่งผ่านมาเท่าไหร่เอง? 5 วินาที? 6 วินาทีเท่านั้นมิใช่หรือ?’

อาจารย์หยางจ้องมองฉากนี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พยายามเร่งมือให้เร็วขึ้น ทว่าเนื่องจากภาพตรงหน้าทำให้เกิดความตื่นตระหนก สับสนในจิตใจ ระดับความเร็วของเขาจึงลดหลั่นลง

แกร๊ก!

ฉินเฟิงประกอบชิ้นส่วนปืนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ปืนพกหวนคืนสู่รูปลักษณ์สมบูรณ์แบบดังเดิม

“ติ๊ง! เวลาประกอบปืน : 9.31 วินาที!”

และในอีกวินาทีต่อมา สองหูของอาจารย์หยางก็อื้ออึงไปด้วยเสียงสนั่น

ปัง!

ฉินเฟิงยกแขนขึ้นด้วยท่วงท่าแสนสบาย เขายิงออกไปโดยไม่มีการเล็งใดๆ

‘ทำแบบนั้น ไม่ถูกเป้าแน่นอน!’

อาจารย์หยางพูดกับตัวเอง เขาคาดหวังว่าการโจมตีของฉินเฟิงในครั้งนี้ จะพลาดเป้าโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เสียงของจักรกลมิอาจหลอกลวงผู้คนได้

【สิบคะแนน!】

ปัง ปัง ปัง!

【สิบคะแนน!】 【สิบคะแนน!】 【สิบคะแนน!】

ปัง ปัง ปัง ปัง!

เสียงสิบคะแนนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมๆกับเสียงลั่นไก และทุกๆนัด จะมีเสียง สิบคะแนนๆ ดังตามขึ้นมาคล้ายกับกำลังประชดประชัน

ขณะที่ในเวลานี้ ปืนในมือของอาจารย์หยาง ยังประกอบไม่เสร็จด้วยซ้ำ!

ฉินเฟิงวางปืนพกคืนลงบนโต๊ะอย่างสงบ และด้วยเสียงกระแทกกับพื้นโต๊ะนี่เอง ที่เรียกสติของอาจารย์หยางกลับคืน เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า คล้ายกับมีควันโขมงลอยขึ้นเหนือหัว เจ้าตัวคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอยากจะให้มีรอยแยกมิติเกิดขึ้น จะได้มุดหนีเข้าไปให้พ้นๆเสีย

“อาจารย์หยาง ผมสามารถทำคะแนนได้เต็มในการทดสอบ แบบนี้เรียกว่าผ่านการประเมินอย่างสมบูรณ์แบบใช่ไหมครับ?” ฉินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “แน่นอน ว่าการเดิมพันก่อนหน้านี้ของผม เป็นแค่ลมปากที่พ่นออกมาเพราะความโกรธ คุณไม่ต้องคิดจริงจังกับมันก็ได้!”

พอได้ฟัง ใบหน้าของอาจารย์หยางก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมเขียว

นักเรียนคนนี้ –กำลังสาดเชื้อเพลิงซ้ำลงในกองไฟ!

สำหรับอาจารย์หยาง ปัจจุบันต่อให้เขาไม่คิดจริงจังกับคำพูด แต่ตนได้เสียหน้าไปแล้ว!

เคร้ง!

ชิ่นส่วนจักรกลในมือเขาถูกโยนลงบนโต๊ะปฏิบัติการอย่างแรง “ในเมื่อฉันไม่สามารถสอนสั่งนักเรียนอย่างเธอได้ ถ้างั้นเธอก็เป็นคนสอนนักเรียนทั้งคลาสเองก็แล้วกัน!”

สิ้นประโยคนี้ อีกฝ่ายก็หันหลัง กระดิกหางหนีไปทันที

อาจารย์หยางปิดกระแทกประตูเสียงดัง ตลอดทั้งสนามยิงปืนเงียบงันไปพักหนึ่ง

“ฉินเฟิง นายมันสุดยอดไปเลย!” แววตาของจ้าวหยูฟุ้งไปด้วยความชื่นชมในเวลานี้

เพราะเมื่อวาน อาจารย์หยางเองก็เคยแสดงฝีมือในการยิงปืนของตัวเองให้นักเรียนในคลาสได้รับชมเหมือนกัน แต่เขาก็ยังยิงสิบคะแนนได้แค่ 4 ครั้งเท่านั้น ส่วนที่เหลือได้แค่ 9 คะแนน พอยิงครบเจ้าตัวก็บ่นว่าพลาดอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของฉินเฟิงที่ยิงออกไปกลับดูสบายๆ ทั้งสิบนัดถูกส่งออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ช่วงเวลาในการประกอบปืนพกเองก็เร็วมาก เมื่อเทียบกับอาจารย์หยางแล้ว คนละชั้นกันเลย

“ฉินเฟิง สอนพวกเราบ้างสิ!”

“ใช่ ใช่ อาจารย์หยางไปแล้ว นายต้องสอนพวกเรานะ!”

“ไม่มีอาจารย์แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาไม่ใส่ใจพวกเราสักนิด ไม่พอใจก็ไล่ออกอย่างงั้นหรอ? เขาลืมอะไรไปรึเปล่า พวกเราเป็นผู้ใช้อบิลิตี้นะ -เป็นกำลังสำคัญของชุมชนในอนาคต!”

“ถูกต้อง! ฉันรู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าอาจารย์หยางจงใจกลั่นแกล้งพวกเรา”

ฉินเฟิงมองเพื่อนร่วมชั้น รับฟังว่าพวกเขารู้สึกไม่พอใจกับอาจารย์หยางขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงได้ข่มอาจารย์คนนี้ไปแล้ว และเขาไม่ทราบว่าอาจารย์หยางจะกลับมาสอนวิชานี้แก่คลาสของตนอีกหรือไม่ แต่ยังไงซะการเรียนของวันนี้คงล่มอย่างแน่นอน

“ยังพอเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนจะจบชั่วโมงเรียน งั้นฉันจะสอนเทคนิคง่ายๆให้กับพวกนายก็แล้วกัน”

เมื่อฝูงชนได้ยินว่าฉินเฟิงต้องการจะสอนจริงๆ บางคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันบางคนก็ไม่สนใจ เพราะคิดว่าฉินเฟิงจงใจทำเป็นเท่

สำหรับนักเรียนผู้ใช้อบิลิตี้ ทั้งหมดมาจากโรงเรียนระดับกลางที่มีสถานะแตกต่างกัน แต่เพียงเพราะพวกเขาโชคดีสามารถปลุกพลังพิเศษได้ เลยมีโอกาสได้ร่วมชั้นเรียนอันยอดเยี่ยมของสถาบันระดับสูงแห่งนี้ กล่าวได้ว่าส่วนใหญ่แล้วคือคนที่มาเพราะโชคเท่านั้น

มันเลยมีทั้งคนที่รักจะใฝ่รู้ และคนที่ไม่ชอบฉินเฟิง จึงไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก

“การประกอบอาวุธปืนให้เก่งก็ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีเหมือนกัน แต่ข้อได้เปรียบจริงๆของพวกเราจะเป็นในเรื่องของการเล็งยิงปืนต่างหาก เพราะผู้ใช้อบิลิตี้ คือผู้ที่สามารถปลุกพลังสมาธิให้ตื่นขึ้นมาเองได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นบ่อยครั้งจึงมักจะทำอะไรๆได้ดีกว่ามือปืน ซึ่งปืนน่ะเป็นเพียงแค่เครื่องมือเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือคนที่ใช้งานมันต่างหาก”

ฉินเฟิงอธิบายบางส่วนของพลังสมาธิ ว่าสามารถหลอมรวมมันให้เข้ากับการใช้อาวุธปืนได้ เพื่อนๆนักเรียนเองก็ซึมซับความรู้นี้อย่างรวดเร็ว นักเรียนบางคนที่มีพลังสมาธิแข็งแกร่ง พอรู้แนวทาง ก็ถึงขั้นสามารถยิงเข้าเป้า 8 คะแนนได้อย่างไม่ยากเย็น

และเนื่องจากในหลักสูตรของอาจารย์หยาง มีกระสุนอยู่ไม่จำกัด เพื่อนๆนักเรียนเลยทดลองยิงปืนกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งเพื่อนๆก่อนหน้านี้ที่ดูจะไม่พอใจกับท่าทีของฉินเฟิง ก็ยังเข้ามาร่วมวง และสนุกไปกับมัน

หลักสูตรในช่วงบ่ายเป็นการแนะนำเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ฉินเฟิงจึงไม่ลังเลเลยที่จะกลับไปยังห้องสมุด แต่ระหว่างทาง เขาดันถูกเฉิงเฉาติดต่อมา บอกให้ไปยังสำนักงานของอาจารย์ผู้ใช้อบิลิตี้

แม้เฉิงเฉาจะทราบว่าฉินเฟิงเป็นพวกหาเหาใส่หัว แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะหามันมาได้มากถึงเพียงนี้ นี่เพิ่งจะเริ่มเปิดเรียนได้แค่สองวันเท่านั้น แต่เขากลับสามารถทำให้อาจารย์วิชาปืนไม่ชอบขี้หน้าซะแล้ว

“ฉินเฟิง ฉันได้ยินมาว่าเธอใช้เวลาแค่ 9 วินาทีเท่านั้นในการประกอบปืนพก T1 แถมยังยิงเข้าเป้า 10 คะแนนทุกนัด เธอไปเรียนรู้ทั้งหมดนี้มาจากใครกัน?” เฉิงเฉาถาม

ฉินเฟิงทำตาใสแป๋ว กล่าวโกหกออกไป “ผมไม่ได้เรียนรู้มันจากใคร ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์คงยังไม่ลืมนะครับ ว่าพลังสมาธิของผมแข็งแกร่งมาก ดังนั้นการยิงให้ถูกเป้าคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรถูกไหมครับ?”

เฉิงเฉารู้สึกจุกในอก แน่นอน เขายังไม่ลืมว่าพลังสมาธิของฉินเฟิงน่ะอยู่ในระดับ S

“แต่เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะครับ ผมมีบางอย่างที่อยากจะถามอาจารย์!”

ฉินเฟิงไม่พลาดโอกาสดังกล่าว เขาเอ่ยถามข้อสงสัยเกี่ยวกับรูนของตนเอง และปัญหาบางอย่างที่หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ยากจะเข้าใจ

เฉิงเฉาอธิบายให้แก่ฉินเฟิง ทั้งสองถาม-ตอบแก่กันและกัน เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเสียงระฆังดังขึ้น บ่งบอกว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว

“อาจารย์ ผมขอโทษนะครับที่รบกวนซะนาน เย็นนี้ให้ผมเลี้ยงมื้อค่ำอาจารย์เป็นการตอบแทนนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกน่า เธอไปเถอะ อย่าได้คิดจะติดสินบนอาจารย์เชียว!”

“แหะๆ ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับอาจารย์”

ฉินเฟิงเต็มใจที่จะสุภาพกับเฉิงเฉาเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่อีกฝ่าย เพราะเฉิงเฉามีบุคลิกที่อ่อนโยน เป็นคนจริงใจ และมีความรับผิดชอบในฐานะอาจารย์ที่ดี

และยังถูกหลอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่ายเช่นกัน!

หลังจากร่างของฉินเฟิงเดินหายไป เฉิงเฉาก็ยังคงนั่งขบคิดถึงคำถามหลายข้อที่ฉินเฟิงถามเขา แต่สักพักเจ้าตัวก็ชะงักไป

“อ่าว ลืมไปซะสนิทเลย ไม่ใช่ว่าฉันเรียกฉินเฟิงมาเพื่อจะตักเตือนเรื่องหยางเฟิงหรอกหรอ? ถูกไอ้เด็กคนนี้ต้มเอาซะแล้ว …”

เฉิงเฉาพอนึกขึ้นได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

อีกด้านหนึ่ง ที่หน้าประตูโรงเรียน ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวได้มาพบกัน

“ไอ้บ้าเอ๊ย บอกฉันมาเร็วๆเลยนะ ว่าพวกเราจะเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปราบกองทัพซากศพกันได้ยังไง ช่วงระหว่างสองวันนี้ ฉันรวบรวมข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับที่นั่นมาให้แล้วด้วยนะ!”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท