โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 76

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.76 – การทดสอบเป็นผู้ใช้พลังเลเวล G

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.76 – การทดสอบเป็นผู้ใช้พลังเลเวล G

“วิธีการก็ง่ายๆ พวกเราแค่ไปเข้ารับการทดสอบเป็นเลเวล G จากนั้นก็ผ่านมัน –จบแล้ว!” ฉินเฟิงสตาร์ทรถ

โจวฮ้าวอ้าปากค้าง ในสมองขบคิด แล้วก็ตระหนักว่าข้อเสนอนี้ของฉินเฟิงมันเป็นไปได้จริงๆ แต่ว่า …

“พวกเราจะทำได้จริงๆน่ะหรอ?” โจวฮ่าวเริ่มสูญเสียความมั่นใจ

ในความเป็นจริง โจวฮ่าวเองก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล G แต่หากกล่าวถึงในเรื่องการต่อสู้แล้ว สัตว์ร้ายที่เขาเคยเผชิญหน้าก็มีแค่เขี้ยวทารกเท่านั้น

และช่วงเวลาดังกล่าว เขาไม่กล้าชกมันตรงๆ ยังต้องใช้ไม้เบสบอลช่วยฟาดด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ตาม สำหรับการทดสอบความสามารถของเลเวล G ผู้ทดสอบจำเป็นต้องสังหารสัตว์ร้ายในเลเวล G กว่า 200 ตัวจึงจะผ่านการรับรอง!

“ถ้าไปกับฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้รับบาดเจ็บแน่นอน!” ฉินเฟิงปลอบโจวฮ่าว

โจวฮ่าวตะโกนทันที “ดูพูดเข้า! ยังกับว่าฉันมันเป็นตัวไร้ประโยชน์งั้นแหละ! … ถึงฉันจะเชื่อมือนาย แต่ก็ยังไม่มั่นใจเรื่องที่พวกเราจะสามารถสังหารสัตว์ร้ายได้ครบ 200 ตัวอยู่ดี”

ฉินเฟิงเพียงยิ้ม ไม่ได้โต้แย้งคำกล่าวของโจวฮ่าว

ในสถานชุมชนทางตอนเหนือ ฉินเฟิงและโจวฮ่าวได้เข้าไปยังโถงรับรองผู้ใช้พลัง เมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยังเยาว์วัย ก็กลายเป็นเป้าสนทนาของผู้คนในโถงทันที

“อายุแค่นี้ก็คิดมาทดสอบเป็นผู้ใช้พลังซะแล้ว? ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กๆจะมาเดินเล่นนะ!”

“เหอๆ ฉันพนันได้เลยว่าพวกเขาคงไม่ผ่าน”

“คงไม่พ้นเอาเงินมาทิ้งที่นี่อีกรายสองรายนั่นแหละ ไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก แต่ถ้าพวกมันทำได้ เอาไว้ถึงเวลานั้นค่อยไปดึงตัวมาเป็นพวก”

“อันดับแรกมาดูพลังของเจ้าหนูพวกนั้นกันก่อน!”

คนเหล่านี้ คือผู้ที่กำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมในโถงรับรองผู้ใช้พลัง นอกจากนี้ยังมีทีมทหารรับจ้างขนาดเล็ก และหัวหน้านักล่าจากองค์กรขนาดใหญ่

ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวยื่นขอลงทะเบียนรับรองผู้ใช้พลัง การทดสอบเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ต้องตรวจทานอย่างระมัดระวัง ดังนั้นตราบใดที่ทำการลงทะเบียน ทุกครั้งจะต้องจ่าย 10,000 เหรียญ และจะไม่มีการคืนเงินใดๆหากล้มเหลว ตรงส่วนหลังนี่เอง คือความหมายที่กลุ่มคนข้างบนกล่าวว่าพวกฉินเฟิงคงนำเงินมาทิ้ง

“มันแพงจัง!” โจวฮ่าวเกิดความกระอักกระอ่วน ถึงแม้เงินที่ว่าฉินเฟิงจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ก็ตาม “เอาไว้กลับไป ฉันจะขอเงินพ่อมาคืนนายนะ”

ณ ขณะนี้ โจวฮ่าวดูเหมือนจะขาดความมั่นใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ฉินเฟิงส่ายมืออย่างไม่ใส่ใจ “หลังจากคืนนี้ไป เชื่อฉันเถอะ ในสมองนายจะไม่ต้องมาคอยพะวงเรื่องเงินเล็กๆน้อยๆแบบนี้อีกต่อไป”

พอได้ฟัง โจวฮ่าวก็คิดไปว่าฉินเฟิงคงจะมั่นใจว่าจะสามารถผ่านการทดสอบในเลเวล G ได้จริงๆ เพราะหากพวกเขาได้รับการรับรองเป็นผู้ใช้พลังอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อให้จะไม่ทำอะไร หรือยังคงเรียนอยู่ในสถานที่ชุมชน แต่ก็ยังสามารถมีรายรับต่อเดือนถึง 10,000 เหรียญอยู่ดี และเมื่อแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นหากไปถึงเลเวล G9 พวกเขาก็จะได้รับเงิน 90,000 ในทุกๆเดือน

และนี่เป็นเพียงผลตอบแทนเบื้องต้นเท่านั้น มันยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย ถ้าจะให้อธิบาย มันก็คือหนึ่งในวิธีการจูงใจ เพื่อใช้รวบรวมคนที่มีความสามารถให้เข้ามาทำงานนั่นเอง

เพราะสถานที่ชุมชนต้องการคนเหล่านี้ มาคอยปกป้องความปลอดภัย

“ทดสอบพละกำลัง หมายเลข 231 โปรดก้าวออกมาข้างหน้า!”

“ถึงตาฉันแล้ว”

โจวฮ่าวก้าวออกไป และซัดหมัดเข้าใส่เครื่องทดสอบ

อันที่จริง ในการทดสอบพละกำลังครั้งล่าสุด เมื่อสามวันก่อน พลังโจมตีที่โจวฮ่าวสามารถทำได้คือ 516

เปรี้ยง!

ภายใต้หมัดซัดเปรี้ยง ตัวเลขพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างเดือดพล่าน

เป็น 678!

ในเวลาเพียงสามวัน พละกำลังของโจวฮ่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 150 แต้ม!

กระทั่งตัวโจวฮ่าวเองก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะช่วงสองสามวันมานี้ ตนแทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเป็นพิเศษเลย เขามัวแต่เอาเวลาไปฝึกน่องวายุที่ฉินเฟิงมอบให้

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า โจวฮ่าวก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดต้องขอบคุณทักษะลับน่องวายุ แม้เจ้าตัวจะทราบมาก่อนว่าน่องวายุน่ะเป็นทักษะที่ทรงพลัง แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าเพียงเริ่มฝึกมัน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขนาดนี้ เดิมตนคิดว่าจะใช้เวลายาวนานไปซัก 1 – 2 ปีถึงจะเห็นผลซะอีก

หลังจากนั้น โจวฮ่าวก็ทำการทดสอบความเร็ว เขาค้นพบว่าความว่องไวของตนเร็วขึ้นเป็นสองเท่าหากเทียบกับเมื่อสามวันก่อน ซึ่งตรงจุดนี้เองคือประโยชน์ที่ดีที่สุดของการฝึกฝนน่องวายุ เพราะมันมุ่งเน้นไปกับการเพิ่มพูนความชำนาญในการใช้กำลังภายในเป็นหลัก

“คุณได้ผ่านการทดสอบเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไป กรุณานำชิ้นส่วนของสัตว์ร้าย 200 ตัว และภาพบันทึกวิดีโอที่ใช้ต่อสู้กับมันมายื่นกับทางเราภายในระยะเวลาสามวัน ถ้าคุณไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของภารกิจนี้ได้หลังจากครบกำหนดเวลา จะถือว่าล้มเหลวโดยอัตโนมัติ และจำเป็นต้องรออีก 1 เดือน ถึงจะเข้ารับการทดสอบได้อีกครั้ง”

โจวฮ่าวที่เดิมทีกำลังตื่นเต้น สีหน้าหมองลงไปถนัดตา

เพราะการสังหารสัตว์ร้ายกว่า 200 ตัวในระยะเวลาเพียง 3 วัน การจะออกไปล่าพวกมันในทุ่งล่า เป็นอะไรที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง!

ในเวลานี้ ฉินเฟิงก็ได้ผ่านการทดสอบแล้วเช่นกัน ด้วยพละกำลังในปัจจุบันของเขา เพียงหนึ่งหมัด พลังโจมตีอาจพุ่งสูงไปเกิน 10,000 ดังนั้นเจ้าตัวจึงควบคุมตนเองให้ต่อยเบาๆ และแสดงความว่องไวให้พอเหมาะพอควร เอาแบบพอผ่านการทดสอบไปได้

“ไปกันเถอะ”

ฉินเฟิงตบไหล่โจวฮ่าว

“ไปไหนงั้นหรอ?” โจวฮ่าวเดินตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามฉินเฟิง

“ก็ไปล่าสัตว์ร้ายไง!”

“ตอนนี้เนี่ยนะ!?” โจวฮ่าวเบิกตากว้าง

ช่วงเวลาปัจจุบัน มันก็ปาเข้าไป 5 โมงเย็นแล้ว แถมตอนนี้ยังเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงอีก แสงอาทิตย์จะลาลับเร็วกว่าในฤดูร้อน เพียงทุ่มนึงท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว และพอฟ้ามืด มันคือช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายจะออกหากิน การกระทำอย่างไปออกล่าในเวลานี้ มันไม่เท่ากับโยนตัวเองไปสู่ความตายหรอกหรือ?

ช่วงจังหวะเดียวกันนั้นเอง หลายคนในโถงรับรองจู่ๆก็ผุดลุกขึ้น และกรูกันเข้ามาพร้อมเอ่ยปาก “นายชื่อโจวฮ่าวใช่ไหม? พวกเราได้ดูคะแนนทดสอบของนายแล้วนะ นายเป็นคนที่มีศักยภาพสูงมากจริงๆ ต้องการเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเรารึเปล่า? ถ้าร่วมกับเรา นายวางใจได้เลยว่าภารกิจจะลุล่วงแน่นอน”

“เพ้ย! มาอยู่กับกลุ่มต้าเฉิงของพวกเราดีกว่า ทางเรามีเป็นองค์กรที่มีสาขาในชุมชนทางตอนเหนือด้วยนะ มากับพวกเรา แล้วนายจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี”

ทีมทหารรับจ้างที่เข้ามามุง และกระตือรือร้นที่จะชักชวนโจวฮ่าวในตอนแรก เพียงได้ยินชื่อกลุ่มต้าเฉิง ทั้งหมดกลืนคำพูดของตนเองกลับไปทันที และเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา

ต้องทราบนะว่า กลุ่มต้าเฉิงน่ะเป็นองค์กรใหญ่!

พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายก็จะเข้ามาชิงตัวหน้าใหม่คนนี้ด้วย แต่พอลองย้อนคิดถึงศักยภาพของโจวฮ่าว ทุกคนก็เห็นว่ามันสมเหตุสมผล

“ฮะฮ่าฮ่า ขอโทษที ขอโทษที ผมมีบางอย่างที่จะต้องไปทำก่อนในตอนนี้” โจวฮ่าวพยายามแทรกตัวผ่านวงล้อม ตะโกนเอ่ยปาก “เฮ้ฉินเฟิง รอฉันด้วย!”

สีหน้าของฝ่ายจัดหาบุคคลของกลุ่มต้าเฉิงกเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โจวฮ่าว อย่าโดนเพื่อนของนายหลอกเชียวนะ ถ้าไปกับเขานายอาจจะตายได้โดยไม่รู้ตัว เพราะยังไงซะ พรสวรรค์ของนายน่ะดีกว่าเขามาก!”

โจวฮ่าวส่ายมือไปมา มุมปากยิ้มบิดเบี้ยว ‘อย่างฉันน่ะหรือมีพรสวรรค์ดีกว่าฉินเฟิง? อย่ามาล้อเล่นนะ! ฉินเฟิงน่ะ เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ที่เก่งสุดๆเลยต่างหาก!’

อย่างไรก็ตาม เมื่อหย่อนก้นลงบนเบาะข้างคนขับ และเฝ้ามองรถศึกล่องเวหาขับเข้าไปในทุ่งล่า โจวฮ่าวก็อ้าปากไม่หยุดไปตลอดทาง

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ออกไปเที่ยวในทุ่งล่า พอคิดดูฉันรู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆแฮะ!”

“นี่ฉินเฟิง นายว่ากลุ่มต้าเฉิงต้องการตัวฉันจริงๆน่ะหรอ?”

“ไม่รู้สิน้า”

ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ ขับรถออกไปอย่างอารมณ์ดี

โจวฮ่าวยังมีชีวิตอยู่ นี่ทำให้เขารู้สึกโล่งในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง

การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง อะไรๆก็ช่างสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เขาปรารถนา

ยังไงก็ตาม หลังออกจากเมือง สีหน้าของโจวฮ่าวที่แต่เดิมเคยตื่นเต้น ก็ค่อยๆกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็หุบปากลง

นั่นเพราะตนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันตรายที่อยู่รอบตัว

หลังจากรถศึกออกจากเมือง ความเร็วก็พุ่งทะยานสูงขึ้น และในที่สุดก็ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเต็มกำลัง แต่พวกเขาไม่ได้ขับบนถนนสายหลัก หากแต่มุ่งไปตามทางสายเล็กๆเส้นหนึ่ง

มันเป็นเส้นทางเล็กๆ และเพราะไม่มีต้นไม้อยู่ข้างทาง เลยพอจะสามารถมองเห็นได้ในที่มืด ว่าสภาพถนนค่อนข้างเก่า ราวกับเป็นของสมัยก่อน

แต่หากมองในมุมของสมัยก่อน ถนนสายนี้นับว่ากว้างมากแล้ว มิฉะนั้น มันคงไม่อาจคงสภาพอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้

“ถนนสายนี้จะนำทางไปสู่เหมืองทองแดงที่เรียกกันว่าฉิงซาน(ภูเขาเขียว)” ฉินเฟิงกล่าว

ความว้าวุ่นในแววตาของโจวฮ่าว พลันเปลี่ยนเป็นตะลึงงันทันที!

เพราะหลังจากเข้าเรียนในสถาบันระดับสูง ในวิชาภูมิศาสตร์ มันไม่ได้สอนอะไรที่กว้างขวางอย่างพวกห้าคาบสมุร และแปดทวีปอีกต่อไป หากแต่เป็นการอธิบายถึงพื้นที่รอบๆสถานชุมชนทางตอนเหนือ

เพราะสิ่งเหล่านี้ คือสิ่งจำเป็นที่พวกนักเรียนจะต้องใช้ในอนาคต

และเหมืองฉิงซาน คือสิ่งที่โจวฮ่าวเพิ่งจะได้เรียนมา!

จู่ๆใบหน้าของโจวฮ่าวก็กลายเป็นขาวซีด

“เฮ้เพื่อน นายจะไม่ไปเหมืองฉิงซานจริงๆใช่ไหม ที่นั่นน่ะ มันมีสัตว์ร้ายอย่างค้างคาวยักษ์ อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงเลยนะ!!”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท