โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 82

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.82 – กวาดล้างค้างคาวยักษ์

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.82 – กวาดล้างค้างคาวยักษ์

อย่างไรก็ตาม พลังสมาธิของฉินเฟิงยังคงมีขีดจำกัด หลังจากปลดปล่อยบอลทมิฬไปกว่าสิบดวง พละกำลังของเขาก็อ่อนโทรมลง

ฉินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสังหารค้างคาวยักษ์ไปแล้วกี่ตัว แต่ในเวลานี้ กลุ่มค้างคาวยักษ์ดูเหมือนจะกำลังหวาดกลัว หลายตัวเลือกที่จะละความสนใจจากโจวฮ่าว หันหลังกลับมา ตัดสินใจวิ่งแหวกฝ่าฉินเฟิง

“รีบหนีกันเร็ว!” สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย เวลานี้เขาหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าของเขาซีดเซียว ไม่อาจเป็นคู่ต่อกรกับค้างคาวยักษ์กลุ่มนี้ได้

ไป๋หลีไม่รอช้า เทเลพอร์ตทั้งตัวเองและฉินเฟิงกลับมายังปากทางเข้าถ้ำที่เพิ่งพังทลายลงทันที

ทางฝั่งโจวฮ่าว มือที่กำลังกวัดแกว่งมีดสั้นก็ดูจะด้านชาไปเล็กน้อย

จ้องมองนาฬิกา ค้นพบว่ามันเป็นเวลาตี 3

ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผลงานสังหารของโจวฮ่าวก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก เขาสามารถสังหารค้างคาวยักษ์ไปได้มากกว่า 800 ตัว!

“โถ่ หมดแล้วงั้นหรอ?” โจวฮ่าวกล่าวด้วยแขนที่สั่นสะท้าน

“พอแค่นั้นแหละ นายทิ้งศพพวกนี้เอาไว้ แล้วไปพักผ่อนในรถก่อนเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

“โอเค งั้นฉันขอตัวโทรไปรายงานพ่อแม่ก่อนนะว่ายังปลอดภัยดี” โจวฮ่าวเห็นข้อความบนอุปกรณ์สื่อสาร จึงรีบโทรกลับ และอธิบายเพิ่มเติมว่าเขาน่าจะไม่สามารถกลับไปได้ในคืนนี้

“ผลไม้เสมหะเลือดที่ให้ไปก็กินมันด้วยล่ะ จากนั้นก็พักซะ พักที่ฉันหมายถึงคือให้ไปนั่งสมาธิ อย่าเผลอหลับไปเชียว!”

“เข้าใจแล้วน่า”

โจวฮ่าวกลับไปยังรถออฟโรดของเขา ในเวลานี้ ขนาดใหญ่ของตัวรถได้เผยให้เห็นถึงประโยชน์ของมันออกมา โจวฮ่าวเข้าไปปรับเบาะหลัง ที่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ ส่งผลให้ในรถมีพื้นที่ว่างพอสมควร เขาขึ้นไปนั่งสมาธิ และเริ่มฝึกฝนกำลังภายใน

สองชั่วโมงผ่านพ้นไปในพริบตา โจวฮ่าวที่กำลังฝึกฝนกำลังภายในพลันถอนหายใจยาวเหยียด ในแววตาของเขาเปล่งประกาย ความเหนื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง เห็นได้ชัดว่าตนได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล

“ฮะฮ่า! ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถยกระดับไปได้อีกขั้นแล้ว!”

ด้วยพลังจากฟ้าดิน ก็เพียงพอที่จะช่วยส่งเสริมให้เขาแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบัน โจวฮ่าวมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล G4 แล้ว!

หลังจากยกระดับไปถึง 2 ขั้นในคืนเดียว โจวฮ่าวก็เหมือนจะตระหนักได้ว่า เขาค้นพบถึงความลับของความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเข้าให้แล้ว

มันก็แค่ต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่อง และฝึกฝนตน ทำสมาธิซึมซับพลังจากธรรมชาติ ก็จะสามารถยกระดับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ฉินเฟิงเองก็พักผ่อนเสร็จแล้วเหมือนกัน ทั้งสองผุดลุกขึ้น และเริ่มเก็บรวบรวมสินสงครามทั้งหมดในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นอีกครั้งที่พวกเขารับทรัพย์ก้อนใหญ่

ฉินเฟิงขอให้เสี่ยวไป๋พาตัวเองกลับไปยังส่วนลึกของถ้ำอีกครั้ง และเริ่มเก็บกวาดศพของสัตว์ร้าย

ปรากฏว่าปริมาณซากศพเป็นจำนวนที่เหนือจินตนาการ

ฉินเฟิงไม่ละทิ้งชิ้นส่วนใดๆ เขาแยกมันออกเป็นแต่ละประเภท และในตอนท้าย เขาก็พบกันซากของราชันย์สัตว์ร้ายที่ตายลง

“เมื่อวานฉันเผลอฆ่าราชันย์สัตว์ร้ายไปโดยไม่รู้ตัวเลยหรือนี่?” ฉินเฟิงประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

เพราะความแข็งแกร่งของราชันย์ค้างคาวยักษ์ก่อนตาย ก็เหมือนกันกับราชันย์หนูยักษ์กินพืช จะอย่างไรมันก็เป็นถึงราชันย์สัตว์ร้าย ทว่าช่างน่าสงสาร ที่มันถูกพรากชีวิตน้อยๆไปอย่างเงียบเชียบ ด้วยพลังพิเศษธาตุมืดของฉินเฟิง จบชีวิตลงอย่างน่าสังเวชที่นี่

“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่จู่ๆเมื่อวาน พวกค้างคาวก็ตัดสินใจที่จะหลบหนีไปอย่างกระทันหัน” ฉินเฟิงนึกถึงฉากวันก่อน ก็ค้นพบถึงเหตุผล

ในความเป็นจริง ราชันย์สัตว์ร้ายตัวนี้นับว่าตายอย่างไม่ยุติธรรม!

มันพาลูกหลานบุกออกมาเป็นจำนวนมาก แต่กลับติดแหง็กอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ และพยายามกระตุ้นค้างคาวเหล่านั้นด้วยคลื่นเสียงให้มุดแหวกรอยแยกออกไป แต่เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด มันจึงล้มเหลว และถูกหยุดเอาไว้ในที่สุด

อันที่จริง ในตอนที่ถูกฉินเฟิงโจมตีด้วยพลังพิเศษธาตุมืด มันก็ต้องการจะหลบหนีเช่นกัน ยังไงก็ตาม ทางเดินในเหมืองนั้นมีเพียงเส้นเดียว ข้างหน้าถูกปิดด้วยหิน ข้างหลังถูกดักไว้โดยฉินเฟิง มันเลยไม่สามารถหลบหนีดั่งใจปรารถนาได้ สุดท้ายถูกสังหารไปในที่สุด

“อบิลิตี้ธาตุมืดช่างเป็นอะไรที่ทรงพลังจริงๆ!”

ฉินเฟิงขบคิดด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข

ฉินเฟิงเริ่มเก็บกวาดศพบนพื้นดิน ไม่เพียงแต่ศพของราชันย์ค้างคาวยักษ์ แต่ยังรวมไปถึงนายพลค้างคาวอีก 6 ศพ รวมๆแล้วอาจมากกว่า 3000 ศพ!

ยิ่งเมื่อนับรวมกันกับที่โจวฮ่าวสังหารลงไปแล้ว น่ากลัวว่านี่คงจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของค้างคาวยักษ์ในเหมืองฉิงซาน!

การต่อสู้ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ตอนเก็บกวาดนี่สิ มันปาเข้าไปกว่า 3 ชั่วโมง

ทางฝั่งโจวฮ่าวเอง ก็เก็บเกี่ยววัตถุดิบมาได้เต็มพื้นที่ข้างในรถ ขณะที่วัตถุดิบของฉินเฟิง ถูกมัดไว้เหนือรถของโจวฮ่าว มันพองโตจนเป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัว

เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงภายในเมือง มันก็เป็นเวลากว่า 8 โมงเช้าแล้ว เนื่องจากบรรทุกวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงตัดสินใจนำพวกมันไปขายที่ร้านของกลุ่มหวันซ่งก่อน

เพราะเกรงว่าน่าจะมีเพียงร้านของกลุ่มหวันซ่งที่เดียว ที่จะสามารถรับซื้อสินค้าชุดนี้ได้

“เชิญทางคุณนับวัตถุดิบพวกนี้ไปก่อน ส่วนพวกเรามีบางอย่างต้องไปทำ พอเสร็จธุระแล้วพวกเราจะมารับเงินในภายหลัง!” ฉินเฟิงกล่าว

ซุนเชี่ยนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น แม้ก่อนหน้านี้เขาจะคิดว่าสินค้าที่ฉินเฟิงนำมาขายมันมีคุณภาพต่ำเกินไปหน่อย แต่ตอนนี้ หากเทียบกับปริมาณมหาศาล ก็นับว่าชดเชยกันได้

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ฉินเฟิงยังทิ้งวัตถุดิบของราชันย์ค้างคาวยักษ์เอาไว้อีกด้วย โดยบอกเงื่อนไขว่า ให้ช่วยปรับแต่งมันเป็นเสื้อเกราะและมีดสั้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าราชันย์ค้างคาวยักษ์นั้นซ่อนตัวอยู่ในความมืด และอุปกรณ์รูนที่ทำจากปีกของมันก็มีความสามารถบางอย่างซ่อนอยู่ แม้มันจะไม่จำเป็นสำหรับฉินเฟิง แต่น่าจะเป็นสิ่งที่โจวฮ่าวต้องการ

สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของโจวฮ่าว ควบคู่ไปกับความสามารถในการหลบหนีอย่างทักษะลับน่องวายุของเขา แค่สองอย่างก็น่าจะเพียงพอให้คนธรรมดาไม่สามารถเอาชีวิตโจวฮ่าวได้

หลังจากนั้นฉินเฟิงก็กล่าวคำอำลากับซุนเชี่ยน และกลับไปยังโถงรับรองผู้ใช้พลัง

ช่วงเวลา 8 โมงเช้า โถงรับรองเพิ่งเปิดก็จริง แต่ก็มีคนเข้ามาเรื่อยๆ คึกคักมีชีวิตชีวาไม่น้อย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว โถงรับรองผู้ใช้พลังยังมีหน้าที่คอยปล่อยภารกิจพิเศษนอกพื้นที่ อย่างเช่นพวกให้สังหารมนุษย์กบ หรือหมาป่าตาแดงที่ฉินเฟงเคยล่าไปในตอนแรกเริ่ม โถงแห่งนี้เป็นจุดรับแลกคะแนนจากพวกมัน และคะแนนที่ได้มาอาจนำไปใช้ซื้อบางสิ่งที่ไม่มีขายตามปกติได้

เมื่อฉินเฟิงกับโจวฮ่าวปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองก็ดึงดูดความสนใจจากหัวหน้านักล่าภายในโถงทันที

โจวฮ่าวมาที่นี่พร้อมกับฉินเฟิงเมื่อช่วงเย็นวานนี้ และมันยากนักที่คนอายุน้อยจะมา ดังนั้นหลายๆคนจึงยังไม่ลืมเลือนพวกเขา แต่ทั้งหมดต่างก็สงสัยว่าทำไมทั้งสองถึงกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาอันสั้น

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทั้งสองยังแบกกระเป๋าต่อสู้คนละสองใบมาอีกด้วย

“อย่าบอกนะว่าจะเป็นอย่างที่ฉันคิด!”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง พวกเขาเพิ่งจะสมัครการทดสอบเมื่อบ่ายวานนี้เองไม่ใช่หรอ? ถ้าดูจากเวลามันผ่านไปแค่สองวันเท่านั้นเอง!”

“ไม่ ไม่ใช่สองวัน แต่แค่ 40 ชั่วโมงเท่านั้น!”

เกิดข้อถกเถียงกันในฝูงชน แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็พบว่าฉินเฟิงกับโจวฮ่าวผ่านการรับรองจริงๆ

โจวฮ่าวหยิบเอาหางค้างคาวออกมา 200 เส้น และมอบวิดีโอไปพร้อมๆกัน

【ติ๊ง! ผ่านการรับรอง! ขอแสดงความยินดีกับคุณที่ผ่านการประเมิน ได้รับตราสัญลักษณ์ โลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล G!】

ทางด้านฉินเฟิง ก็ผ่านเช่นเดียวกัน

“ฉินเฟิง นายจะขอวัดพลังโจมตีอีกรอบรึเปล่า? ถ้ามันผ่านเกณฑ์ นายจะสามารถยกระดับโลโก้ผู้ใช้พลังได้นะ” โจวฮ่าวกล่าวด้วยความตื่นเต้น

หลังจากได้รับตราโลโก้เลเวล G แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ร้ายอีก ขอเพียงแค่ตราบใดที่สามารถยกระดับได้มากพอตามเงื่อนไขข้อมูลที่กำหนด ก็จะสามารถยกระดับเลเวลโลโก้ได้

โจวฮ่าวคิดจะเพิ่มเลเวลโลโก้ตนเองขึ้นเป็น G4 ให้เท่ากับความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน -หากต่อยออกไป มันคงจะทำให้ทุกคนที่นี่ต้องตาค้าง!

ยิ่งไปกว่านั้น ระดับยิ่งสูง ผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะยิ่งดีขึ้น

“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น!” เพราะฉินเฟิงทราบดี ว่ายิ่งเลเวลโลโก้สูงมากเท่าไหร่ ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

โจวฮ่าวอาจมีความแข็งแกร่งอยู่ในกลุ่มของเลเวล G4 หากแต่เขายังไม่มีประสบการณ์ของเลเวล G4 ฉะนั้น น่ากลัวว่าหลังจากขอทำการรับรองแล้ว โจวฮ่าวอาจจะถูกย้ายไปยังสถานที่อันตรายบางแห่งที่เขายังไม่พร้อมจะรับมือก็เป็นได้

แน่นอน ว่าเหตุผลข้างต้น ไม่สามารถเอ่ยอธิบายออกไป

“ถ้านายขอทดสอบไปเลเวล G4 เลย มันจะไม่เป็นการข้ามหน้าข้ามตาพวกรุ่นพี่ในโรงเรียนรึไง ทำแบบนั้นหลังจากนี้พวกเขาส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นฝ่ายโค้งหัวทักทายนายน่ะสิ?” ฉินเฟิงกล่าวติดตลก

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นอย่างที่นายว่าจริงๆ แบบนั้นฉันคงปวดหัวน่าดู” พอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง โจวฮ่าวก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความคิดในเรื่องขอทดสอบยกระดับเลเวลโลโก้ มันได้หายไปแล้ว

เมื่อทั้งสองเดินออกมา พวกเขาก็ถูกรุมล้อมไปด้วยฝูงชนอีกครั้ง บรรดาองค์กรและกลุ่มใหญ่ต่างพากันยื่นข้อเสนอให้วัยรุ่นทั้งสองอย่างกระตือรือร้น

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท