DND.
เฟยเฉินน้อยบอกข้าสิ เหตุใดข้าจะต้องควบคุมขุนพลเทพยักษ์ด้วย?
ซือหยูแสยะยิ้ม
เพราะข้าต้องการจัดการมือสังหารจากสำนักนรกเพื่อช่วยตระกูลเทพตำรา!ถ้าข้ามาช้ากว่านี้ คนตระกูลเจ้าทั้งหมดก็คงตายไปแล้ว! หากไร้ซึ่งตระกูล สิ่งที่เรียกว่าสถานที่สำคัญของพวกเจ้าก็ไร้ความหมาย! สิ่งเหล่านั้นจะถูกยึดครองในไม่ช้าก็เร็วไม่ใช่หรือ?
ดังนั้นแล้วเฟยเฉินเอ๋ย ข้าว่าเจ้าฉลาดพอที่จะรู้ว่าข้ากำลังทำอะไร เทพขนนกผู้นี้คือผู้กอบกู้ตระกูลของเจ้า! หากไม่มีข้า ตระกูลเจ้าคงถูกลบหายไปแล้ว! ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับไม่รู้สึกขอบคุณข้าแต่ยังโทษข้าอีก! หึหึ! ข้าได้ยินว่าเทพตำราทุกคนอ่อนโยนและเป็นคนยอดเยี่ยม ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความดีงาม ข้าไม่คิดเลยว่าผู้สืบทอดเทพตำราในยุคนี้จะมีจิตใจคับแคบไม่รู้สำนึกเช่นนี้! เจ้าทิ้งตำแหน่งนายน้อยให้คนอื่นที่เหมาะสมจะดีกว่า!
ถุ่ด!
เทพเบื้องบนได้แต่หัวร่อในใจ
ฉินเฟยเฉินหน้าแดงด้วยความโกรธแค้นนเขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ข้ารู้ว่ามือสังหารน่ะเป็น…
เทพเซียนคันฉ่องหยุดฉินเฟยเฉินก่อนที่เขาจะพูดจบ
ซือหยูหรี่ตาถามหน้าตาเฉย
อะไรนะ?เจ้าจะพูดอะไรเกี่ยวกับมือสังหารหรือ? เฟยเฉินหลานรัก บอกข้าสิ!
เทพเซียนคันฉ่องพูดด้วยเสียงนุ่มลึก
ใจเย็นก่อน!อย่าพูดอะไรโง่ ๆ!
ฉินเฟยเฉินได้สติกลับมาหลังจากที่เทพเซียนคันฉ่องเตือนและเขาก็ได้เห็นจิตสังหารในแววตาซือหยูพอดี เกือบไปแล้ว!
ถ้าฉินเฟยเฉินพูดว่าจินกังถูกซือหยูควบคุมเขาจะถูกกล่าวหาว่าใส่ร้ายเทพหากเขามิอาจหาหลักฐานยืนยันได้
แม้ฉินเฟยเฉินจะไม่ได้รับโทษประหารเขาก็จะต้องถูกผู้คุมกฎอาวุโสอย่างเจิ้งหยวนชิงที่อยู่ที่นี่พาตัวไป เพราะนางยืนอยู่ข้างซือหยูในตอนนี้!
หากฉินเฟยเฉินไร้การปกป้องจากเทพเซียนคันฉ่องมันก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีมือสังหารจากสำนักนรกคนอื่นเข้ามาสังหารเขาในระหว่างทาง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ฉินเฟยเฉินจึงใจเย็นลงในทันทีทันใด
ซือหยูฉลาดและเจ้าเล่ห์เขาวางกับดักไว้หลายชั้น ซึ่งแต่ละชั้นล้วนอันตรายถึงที่สุดถ้าเขาไม่ระวังพอ
ฉินเฟยเฉินที่ใจเย็นลงแล้วจ้องมองซือหยูอย่างเยือกเย็นเขาเริ่มคิดได้อย่างแจ่มแจ้ง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
เทพขนนกข้าขอเป็นตัวแทนโลกเทพตำราแสดงความขอบคุณแก่ท่านที่จัดการมือสังหารสำนักนรกเพื่อช่วยชีวิตพวกเรา! โปรดยอมรับคำขอบคุณของเราไปด้วย!
ฉินเฟยเฉินยอมแพ้แล้วแต่ซือหยูไม่ได้ยินดีเลย กลับกัน จิตสังหารที่มีต่อฉินเฟยเฉินได้รุนแรงขึ้น
ชายผู้นี้ข่มความโกรธได้แม้ยามที่เกือบทุกคนในตระกูลจะตายเขาอันตรายมาก!
น่าเสียดายที่เทพเซียนคันฉ่องปกป้องเขาอยู่มิเช่นนั้นซือหยูคงจะมีโอกาสดีที่สุดในการสังหารฉินเฟยเฉินที่นี่แล้ว
หึหึ!หลานเฟยเฉิน เจ้าพูดจาได้ดี!
ซือหยูยิ้มจางๆ
แต่เจ้าก็รู้ว่าพวกข้ามาไกลเพื่อช่วยตระกูลเจ้า!ข้าน่ะไม่เป็นไร แต่คนที่ติดตามข้ามาต้องการกำลังใจ!
เหล่าคนรอบๆ ที่อยู่ด้วยตัวแข็งทื่อ!
ช่างเป็นคนที่เหลือทนยิ่งนัก!
เจ้าฆ่าตระกูลเขาไปเก้าในสิบ!เจ้าทำลายรากฐานของตระกูลเขาไปอีก! และตอนนี้เจ้าก็ยังมีหน้ามาบอกว่าเจ้าเป็นผู้กอบกู้และยังขอของชดเชยอีกเรอะ?
แทบจะไม่มีใครเลยที่ทนความอัปยศเช่นนี้ได้!
ย่อมได้!
ฉินเฟยเฉินเรียกตำราหนึ่งเล่มออกมาจากแหวนด้วยรอยยิ้ม
ข้าคงชดเชยให้ไม่ได้มากนักวิชาบ่มเพาะมากมายถูกบันทึกในตำราเล่มนี้ ซึ่งตำราเองก็มีปัญญาของตัวเอง! มันรู้ว่ายอดฝีมือบกพร่องในด้านใด ข้าขอมอบให้ท่านเพื่อเป็นการชดเชย!
หวังยุ่นเสวียนตกใจเมื่อเห็นตำราเล่มนี้จากนั้นเขาก็พูดผ่านกระแสจิต
เฮ้ย!นั่นมันตำราเทพวิญญาณ มันเป็นของล้ำค่าหายาก! ตระกูลเทพตำรามีแค่ราวสามเล่มเท่านั้น! เจ้าได้ของดีมาแล้ว!
แต่หวังยุ่นเสวียนก็ได้เห็นจิตสังหารอันเยือกเย็นในแววตาซือหยู
ยิ่งฉินเฟยเฉินทนเขาได้มากเท่าใดเขาก็ยิ่งอันตรายต่อซือหยูมากเท่านั้น
ซือหยูคิดจะทำสองเป้าหมายในคราเดียวอย่างแรกคือการทำลายขุมทรัพย์เทพตำรา อย่างที่สองคือสังหารฉินเฟยเฉิน
แต่เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะทำอย่างหลังในเวลานี้ในอนาคตจะมีความเสี่ยงที่เขามองไม่เห็นอีกมากโข
ฉินเฟยเฉินจะต้องตาย!
ซือหยูรับตำราเทพวิญญาณด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขาจึงพูด
เฟยเฉินหลานรักเจ้ามีน้ำใจดีนัก! พวกเราชาวพันธมิตรบูรพามีความรับผิดชอบช่วยเหลือกันในยามยาก หากอนาคตมีปัญหาใดให้บอกข้า! ข้าจะมาช่วยเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
เหล่าคนรอบๆ หัวใจแทบหยุดเต้น เจ้าปีศาจนี่จะกลับมาอีกหรือ?
ขอบคุณท่านเทพขนนก!
ฉินเฟยเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม
ซือหยูพยักหน้าเขากลับไปพร้อมกับผู้ติดตาม ทิ้งตระกูลเทพตำราที่เกือบจะล่มสลายเอาไว้เบื้องหลัง
เมื่อฉินเฟยเฉินมองซือหยูไม่เห็นอีกรอยยิ้มของเขาเองก็หายไปด้วย เขาเริ่มตัวสั่นด้วยความแค้นในใจ เขากัดฟันและกำหมัดแน่น
เขารู้ว่านี่คือการล้างแค้นจากซือหยู!
เขาไม่คิดเลยว่าการล้างแค้นของซือหยูจะโหดร้ายน่ากลัวอย่างนี้!
หากเทพเซียนคันฉ่องไม่มาในวันนี้ฉินเฟยเฉินเชื่อว่าเขาเองก็จะถูกซือหยูฆ่าไปด้วย
ถึงวันนี้ฉินเฟยเฉินโศกเศร้าที่เขาไม่ฆ่าซือหยูตั้งแต่ก่อนหน้า
ซือหยู!ข้าสาบานว่าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ!
ฉินเฟยเฉินกล่าวด้วยความเคียดแค้น
เทพเซียนคันฉ่องพูดขึ้นมา
เราฆ่ามันทันทีไม่ได้งานชุมนุมเทพจะจัดพรุ่งนี้ เทพมากมายจะเข้าร่วมงาน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!
ฉินเฟยเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย
ไม่หรอกข้าจะไม่ทำอะไรมันพรุ่งนี้ แต่เทพบางคนจะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ให้ข้าในงานชุมนุมเหล่าเทพ!
เจ้าหมายความว่า…
เทพเซียนคันฉ่องเห็นด้วยกับความคิดของเขา
ข้าดีใจที่เจ้าใจเย็นลงได้ในเวลาไม่นาน!แต่จงจำไว้ว่าเจ้าต้องระวัง เลี่ยงการเปิดเผยตัวไว้ซะ!
ไม่ต้องห่วง!ข้าสัญญาว่ามันจะตายอย่างทรมานในวันพรุ่งนี้!
ฉินเฟยเฉินกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อซือหยูและคณะอยู่ในระหว่างทางกลับโลกเทพกระเรียนเจิ้งหยวนชิงสังเกตว่าซือหยูเงียบมานานพอสมควร นางถามด้วยความสงสัย
เจ้ากังวลเรื่องเทพเซียนคันฉ่องรึ?ไม่ต้องคิดมากน่า! เจ้าเองก็เป็นเทพ หากไร้เหตุผลที่ดี นางก็ทำอะไรเจ้าไม่ได…
เฮ้อ!แล้วข้าจะกำจัดฉินเฟยเฉินยังไงเล่า?
ซือหยูถอนหายใจ
เจิ้งหยวนชิงตกใจนางมองซือหยูและคิดกับตัวเอง
‘เจ้าแทบจะทำลายล้างตระกูลเทพตำรา!ทำไมเจ้าถึงยังจะฆ่าผู้สืบทอดต่อไปอีก? เจ้ามีแต่ความคิดชั่วร้ายหรือยังไง!’
หวังยุ่นเสวียนหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
ฮ่าๆๆๆๆ!ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าตื่นเต้นได้อีก! หลังจัดการมือสังหารสำนักนรก เจ้าก็รีบมาที่ตระกูลเทพตำราและสังหารคนเกือบทั้งตระกูล แล้วเจ้าก็ทำลายขุมทรัพย์เทพตำราอีก! ฮ่าๆๆๆๆ! ข้าต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ!
และสุดท้ายฉินเฟยเฉินก็ขอบคุณเจ้าด้วยรอยยิ้มแถมยังให้ของขวัญล้ำค่ากับเจ้าอีก ฮ่าๆๆๆๆ! ข้าไม่มีวันลืมสีหน้านั้นเลย!
หวังยุ่นเสวียนหัวเราะด้วยความตื่นเต้น
เจ้าจะทำอะไรต่อไปล่ะ?เราจะไปหาเทพตำราแล้วสั่งสอนมันเลยหรือไม่?
ซือหยูขมวดคิ้วแต่หวังยุ่นเสวียนก็ต้องแปลกใจเมื่อซือหยูตาลุกวาว
ก็ดีนี่!
อะไรนะ?
เจิ้งหยวนชิงกับหวังยุ่นเสวียนมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา
หยางไท่อ้าปากจะพูดแต่ก็ค้างอยู่อย่างนั้นในใจเขามีแต่ความสะพรึงกลัว เขากล้าที่จะรังแกเทพจริง ๆ รึ? เขาทำได้รึ?