โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 97

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.97 – ต้องฆ่าฉินเฟิง!

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.97 – ต้องฆ่าฉินเฟิง!

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ใช้วรยุทธโบราณกลับไม่อาจค้นพบถึงวี่แววของฉินเฟิงได้เลย

ไม่เพียงแต่ไม่พบฉินเฟิง กระทั่งชุดคลุมดำกระหายเลือดก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน

‘ให้ตายเถอะ ชุดคลุมดำกระหายเลือดหนีไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉินเฟิงทำไมถึงหายตัวไปด้วยกันนะ? อดห่วงเขาไม่ได้จริงๆ’

‘พวกเราจะปล่อยให้ฉินเฟิงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี่เป็นนักเรียนของสถาบันระดับสูงเขตเฉิงเป่ย นั่นหมายความว่ามันจะต้องเข้าร่วมงานประเมินในอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ -จะให้มันเข้าร่วมงานสวนล่าใบไม้ร่วงไม่ได้เด็ดขาด!’

‘เจ้าเด็กนี่มีศักยภาพชนิดต่อต้านสวรรค์ ถ้าปล่อยให้มันเติบโตขึ้นต่อไป วันนึงอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเมืองเฉิงหยาง อีกอย่าง ลุงฉันก็เป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งเทศมนตรีคนต่อไป ดังนั้นฉันไม่สามารถปล่อยให้ไอ้เด็กฉินเฟิงมันเติบโตขึ้นได้’

‘ฮี่ฮี่ฮี่ ฉินเฟิงสินะ? ในเมื่อแกกล้าทำร้ายมือปืนเขตฉัน ฉะนั้นวันนี้คือวันตายของแก!’

ข้างต้นคือสิ่งที่ในหัวใจของผู้ใช้วรยุทธแต่ละคนกำลังนึกคิด แม้แต่ละคนจะคิดไม่เหมือนกัน หากแต่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือตามหาตัวฉินเฟิง!

อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีใครพบถึงวี่แววของฉินเฟิงเลย

ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่อาจหาชุดคลุมดำกระหายเลือดและฉินเฟิงพบ เพราะในเวลานี้ ภูเขาแม่ทั้งลูกโล่งเตียน แทบจะเปลือยเปล่า ต้นไม้ที่เหลืออยู่ก็เหี่ยวเฉา แถมยังปนเปื้อนไปด้วยรูนมืด หากปล่อยทิ้งไว้ เกรงว่าพวกมันอาจกลายพันธ์เป็นต้นไม้ปีศาจ

เพราะเหตุนี้เอง สีของภูเขาแม่ทั้งลูกจึงเป็นสีดำสนิท ในขณะที่ฉินเฟิงกับชุดคลุมดำกระหายเลือดต่างก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองต่างใช้ ‘ซ่อนเงา’ และหลบอยู่ในความมืดมิด ดังนั้นคนอื่นๆจึงไม่อาจหาเขาและมันพบ

ยังไงก็ตาม แม้จะสามารถหลบซ่อนตัวจากคนอื่นๆได้ แต่ฉินเฟิงกับชุดคลุมดำกระหายเลือดต่างก็รู้กันและกัน ว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน

ความแข็งแกร่งของทั้งสองแทบจะใกล้เคียงกัน และมันเป็นทางฝั่งฉินเฟิงที่แกร่งกว่าเล็กน้อย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยังไงตัวเขาก็มีสถานะเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ!

“ต้องจบการต่อสู้ลงให้เร็วที่สุด!”

เมื่อฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟิงก็พาไป๋หลีไล่ตามชุดคลุมดำกระหายเลือดไปอย่างรวดเร็ว

ชุดคลุมดำกระหายเลือดคล้ายตระหนักได้ถึงความตั้งใจของฉินเฟิง มันจึงเร่งถอยกลับไปบนยอดเขาทันที

บนยอดเขา ราชันย์อัศวินกำลังจ้องมองดูเหล่าแมลงวันติดเครื่องร่อน บินวนอยู่เหนือหัวด้วยความรำคาญและโกรธเกรี้ยว

หลังจากที่สูญเสียหอกเหล็กดารา ราชันย์อัศวินก็ไม่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกลอีกต่อไป และทำได้เพียงเฝ้ารอให้คนพวกนั้นลงมาด้วยตัวเอง

ความสนใจของมันถูกตรึงอยู่บนท้องฟ้า มันเลยไม่ทันสังเกตเห็นชุดคลุมดำกระหายเลือดในสภาพซ่อนเงา

“คิดจะหนีงั้นหรอ?”

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา เร่งเร้ากายเนื้ออันทรงประสิทธิภาพ พรวดทะยานไปดักถึงเบื้องหน้าของชุดคลุมดำกระหายเลือด และ-

-โครม!

ชุดคลุมดำกระหายเลือดถูกกระแทกอย่างแรง มันปลิวกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะร่วงตกลงมาอย่างหนักหน่วง กลิ้งไถลตามทางลาดชัน ไกลกว่าสิบเมตร สุดท้ายชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่เหี่ยวเฉาจึงหยุดลง

“จงขาดเป็นท่อนๆซะ!”

ฉินเฟิงสะบัดมีดกษัตริย์ครามในมือ เชือดเฉือนเข้าใส่ชุดคลุมดำกระหายเลือด

เพียงแต่ฉินเฟิงไม่คาดคิดเลย ว่าเสื้อคลุมของชุดคลุมดำกระหายเลือดเองก็ทำมาจากรูนเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมีดตัดลงไป ก็พลันเกิดหมอกดำระเบิดออกมาทันที ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฉินเฟิงกำลังตัดลงไปในก้อนสำลี

“กัก กัก!” ชุดคลุมดำกระหายเลือดโกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน มันขบกรามระเบิดพลังพิเศษธาตุมืดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ปัจจุบันในตำแหน่งนี้ไม่ปรากฏเสียงหึ่งๆจากโดรนอีกต่อไป ดังนั้นฉินเฟิงจึงไม่คิดหลบเลี่ยงใดๆ

มีดกษัตริย์ครามไม่สามารถทำลายรูนที่ปกคลุมมันได้ กล่าวว่าทั้งสองต่างข่มกันและกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉินเฟิงจะไม่มีหนทางอื่น!

ฉินเฟิงเก็บมีดกษัตริย์คราม กางฝ่ามือเป็นกรงเล็บ และฉกไปคว้าหมอกดำที่ปกคลุมอีกฝ่าย

“จงดูดกลืน!”

พลังพิเศษพลันระเบิดออก รูนมืดมากมายเริ่มถูกดูดกลืนเข้ามาตามฝ่ามือของฉินเฟิง

เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมอกหนาที่ปกคลุมอีกฝ่ายจางหายไป ในที่สุดฉินเฟิงก็สามารถคว้าตัวชุดคลุมดำกระหายเลือดได้โดยตรง

“ทักษะลับกลืนดารา!”

เอกลักษณ์ของกลืนดารานั้นไม่เพียงแต่สามารถสำแดงออกมาในรูปแบบดึงดูดกำลังภายในเท่านั้น หากแต่ยังสามารถระเบิดแรงผลักที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าพลังรุนแรงถึงสิบเท่า!

และสิ่งที่ฉินเฟิงคว้าได้ นั่นคือแขนข้างหนึ่งของชุดคลุมดำกระหายเลือด!

ปุ ปุ ปุ พรวดดดดด!

ทั้งแขนเกิดการระเบิดออกทันที แต่มันไร้ซึ่งเลือดสาดกระเซ็น มีเพียงเศษเนื้อที่กระจายเป็นชิ้นๆ ระเบิดกระจุยออกไปพร้อมกับชุดคุลมสีดำ

“จงหักไปซะ!”

ฉินเฟิงกระชากอย่างแรง จนแขนของชุดคลุมดำกระหายเลือดหลุดออกจากร่าง

เสียงการต่อสู้ระหว่างทั้งสองดังขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ติดเครื่องร่อนบนท้องฟ้าจึงสามารถค้นพบฉินเฟิง และเริ่มลดระดับลง

ไม่เพียงแค่ฝั่งมนุษย์ แต่ทางราชันย์อัศวินเองก็ตระหนักได้ถึงวิกฤตของชุดคลุมดำกระหายเลือดเช่นกัน

“ก๊าซซซซซ!!!”

ราชันย์อัศวินคลั่งไปแล้ว

มันสะบัดบังเหียน ควบม้าทมิฬอย่างบ้าคลั่ง กระโจนผ่านอากาศที่ว่างเปล่า ตรงมายังตำแหน่งของฉินเฟิงในพริบตา

และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฝั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณมาถึงพอดิบพอดี

“หยุดไอ้เด็กเวรนั่นไว้!”

ผู้ใช้วรยุทธหลิวบาจากเขตตงหลิงคำรามก้อง ขณะที่ตนเองเร่งกระโจนเข้าใส่ชุดคลุมดำกระหายเลือด

ในเวลานี้ ดูจะไม่มีใครสนใจราชันย์อัศวินเลย

เพราะทั้งหมดล้วนตระหนักดี ว่าต้องลงมือเช่นไรถึงจะได้ผลประโยชน์สูงสุด -ในเวลานี้ชุดคลุมดำกระหายเลือดแขนขาดไปข้างนึงแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นธรรมดาที่มันจะตกเป็นเป้าสังหาร

“มีฝูงแร้งกาที่ไม่กลัวตายเสนอหน้าเข้ามาอีกแล้ว!” ฉินเฟิงที่กำลังพัวพันกับชุดคลุมดำแสยะยิ้มเย็น เร่งเร้ากำลังภายในของตนอีกครั้ง

“ทักษะลับกลืนดารา!”

ในพริบตา พลันเกิดรูปแบบของกระแสวังวนขึ้นรอบตัวฉินเฟิง

“นั่นมันอะไรกัน?”

ผู้ใช้วรยุทธโบราณบางคนที่ลงมือตามคำสั่งของหลิวบา ไม่เคยเห็นทักษะลับกลืนดารามาก่อน พวกเขาบังเกิดความสับสนเล็กน้อย และยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเมื่อกำลังภายในจากตันเถียนจู่ๆก็เริ่มหดหาย คล้ายกับว่ามันถูกสูบออกไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล E อย่างน้อยก็มีประสบการณ์ต่อกรกับศัตรูมากมาย ทั้งหมดจึงล่วงรู้ได้อย่างรวดเร็ว ว่ากระแสวังวนนี้ น่าจะถูกส่งออกมาโดยฉินเฟิงไม่ก็ชุดคลุมดำกระหายเลือด ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาถอยออกไป ก็จะหลุดพ้นจากมันได้เป็นธรรมดา

และผู้ใช้พลังในเลเวล E น่ะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถหลุดจากการควบคุมของกระแสวังวนได้อย่างง่ายดาย!

“เสียใจด้วยนะ แต่มันสายไปแล้ว!”

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือก

ยามเมื่อเสียงของเขาตกลง ราชันย์อัศวินที่ไม่มีใครเหลียวแลก็มาถึงระยะโจมตีพอดิบพอดี มันยกโล่ขึ้นและหวดกระแทกอย่างแรง!

ปงงงงง!

ทันใดนั้น หนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณที่พุ่งเข้ามาล้อมฉินเฟิงก็ลอยม้วนไปกลางอากาศทันที

พรวดดดด!

โชคยังดี ที่นี่เป็นการจู่โจมแบบกระทันหัน ดังนั้นเลยไม่ส่งผลร้ายแรงอะไร และอีกอย่างคนอื่นๆจากฝั่งตนก็ประจำตำแหน่งอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ใช้วรยุทธโบราณที่บาดเจ็บก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรอีก แค่ถอนตัวออกจากการต่อสู้ก็พอ

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะฉุกละหุก กลับมีร่างเงาวูบไหวดั่งภูติผีปีศาจปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขาอย่างกระทันหัน

“อาเร๊ะ~~~ ท่านผู้ใหญ่จะรีบไปไหน? ไม่ใช่ว่ากำลังคิดจะจับตัวผู้น้อยอยู่หรอกหรือ?” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเย็นประชดประชัน

สีหน้าของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนกลับกลาย

แต่มันก็สายเกินกว่าที่เขาจะมีเวลาได้เอ่ยปากออกมา ฉินเฟิงวางมือลงบนตันเถียนเขา

“ทักษะลับกลืนดารา!”

กำลังภายในมหาศาลพลันถูกดูดกลืนโดยฉินเฟิง

หากกล่าวกันว่า กำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธเลเวล F อยู่ในรูปแบบปราณหมอก ถ้าอย่างนั้น กำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธเลเวล E ก็จะอยู่ในรูปแบบปราณทะเลเมฆ

ฉินเฟิงดูดซับทะเลเมฆที่ว่ามาอย่างรวดเร็ว และทะเลเมฆเหล่านั้นก็แปลงสภาพกลายเป็นกลุ่มหมอกกว่าสิบกลุ่มในตันเถียนของฉินเฟิง

แน่นอน ว่ากลุ่มหมอกหน้าใหม่เหล่านี้ ความแข็งแกร่งย่อมด้อยกว่า 20 กลุ่มหมอกดั้งเดิมที่ฉินเฟิงครอบครองอยู่

แต่นี่ก็ยังนับว่าเป็นผลประโยชน์มหาศาลเช่นกัน!

เพราะมันจะช่วยให้ความเร็วในการฝึกฝนของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก

“นี่แกทำอะไรกับฉัน?” เมื่อตระหนักได้ถึงกำลังภายในที่ลดฮวบๆลงอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งตันเถียนก็เริ่มเหี่ยวเฉา ไม่สามารถกระตุ้นกำลังภายในได้อีกต่อไป ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E ก็กลายเป็นตื่นตระหนก

“ท่านผู้ใหญ่ ผู้น้อยต่างหากที่จะต้องการคำอธิบายถึงการกระทำของท่าน แต่ในเมื่อท่านบาดเจ็บอยู่ งั้นเอาไว้เรากลับไปก่อนแล้วค่อยพูดถึงมันอีกครั้งก็แล้วกัน”

ฉินเฟิงกล่าวคล้ายตนเป็นฝ่ายถูก หันกลับไปมองคนอื่นๆอีกคราว

คนเหล่านั้นแต่เดิมกำลังจะปิดล้อมเขา แต่ตอนนี้ทั้งหมดกำลังถูกไล่ต้อนโดยราชันย์อัศวิน

เนื่องจากทักษะกลืนดาราของฉินเฟิงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ปัจจุบันพวกเขากำลังเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง

แต่แน่นอน ว่ายังมีบางคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน อย่างเช่นหลินเซิงกับฮั่นเจียน

“ฮ่าฮ่า ฉินเฟิง ทำได้ดีมาก!” ฮั่นเจียนหัวเราะ

จริงอยู่ที่ว่าฮั่นเจียนติดเครื่องร่อนไล่ตามมาเช่นกัน แต่เขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะหยุดคนอื่นๆและช่วยเหลือฉินเฟิง แต่ใครจะคาด ว่าฉินเฟิงสามารถแก้วิกฤตได้แล้วด้วยตนเอง

ในทางกลับกัน เป็นหลินเซิงที่กังวลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของฮั่นเจียน เพราะเขา หลินเซิงจึงไม่สามารถลงมือสังหารฉินเฟิงซึ่งเป็นคนจากเขตเดียวกันได้อย่างโจ้งแจ้ง -เขาไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น

“จงฆ่าราชันย์อัศวินซะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมด!”

หลิวบาคำรามก้อง

และเพราะกลัวว่าคนรอบข้างจะไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้นหลิวบาจึงเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไป

ในขณะที่เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณคนอื่นๆต่างก็ทราบดี ว่าหากพวกเขาไม่ร่วมมือกันในตอนนี้ ทั้งหมดก็อาจตกตายกันที่นี่ จึงพากันระเบิดความแข็งแกร่งของตนออกมาอย่างสุดกำลัง

อันที่จริงแล้วคนพวกนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากแต่ก่อนหน้านี้พวกเขาเอาแต่ขัดขากันไปกันมา จึงถูกราชันย์อัศวินกดดันมาโดยตลอด

กำลังสงสัยว่าแล้วเหตุใดทั้งหมดถึงไม่หันไปร่วมมือกันสังหารชุดคลุมดำกระหายเลือดใช่หรือไม่? แน่นอน นั่นก็เป็นเพราะเจ้าชุดคลุมดำมันกลับไปใช้ซ่อนเงา หลบตัวอยู่ในเงามืดอีกครั้งน่ะสิ พวกผู้ใช้วรยุทธโบราณเลยไม่สามารถหาตัวมันพบ และเปลี่ยนเป้าหมายในที่สุด

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท