Ch.126 – ขอรับเด็กกำพร้า
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.126 – ขอรับเด็กกำพร้า
“สวัสดีท่านเทศมนตรีชิ”
ฉินเฟิงยื่นมือออกไป การแสดงออกที่ดูสงบและมั่นคงของคนตรงหน้าทำให้ชิเทียนไห่งุนงงไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ยื่นมือรับการทักทายจากฉินเฟิง
“สวัสดี ขอถามได้ไหมว่าคุณคือ … ”
“ท่านเทศมนตรี นี่คือมิสเตอร์ฉิน เขาเป็นคนพาพวกเราออกมา ในครั้งนี้นับว่าได้เขาช่วยไว้จริงๆ และเขายังเป็นคนช่วยชีวิตพวกเด็กๆจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกด้วย!” หลิวซูกล่าวด้วยความตื่นเต้น
มุมปากของชิเทียนไห่อดกระตุกวูบไม่ได้ ในแววตาฉายออกถึงความร้อนผ่าว เวลานี้เขายังเอาตัวเองไม่รอด แต่ฉินเฟิงกลับช่วยพวกเด็กๆที่เป็น ‘ภาระ’ มามอบให้แก่เขาอย่างกระทันหัน แล้วแบบนี้จะให้เขาจัดการกับพวกเด็กๆอย่างไร?
‘การช่วยเหลือพวกเด็กๆ นี่ไม่ใช่เป็นการสร้างปัญหาให้กับฉันหรอกหรือ?’
ทางฉินเฟิง มีหรือเขาจะไม่สังเกตเห็นถึงท่าทีของชิเทียนไห่ ใบหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา ไม่เอ่ยวาจาสุภาพอีกต่อไป
“เทศมนตรี ผมเห็นว่าทางเมืองหานกำลังมีปัญหา และบังเอิญผมเองก็มีสถานที่ชุมชนอยู่พอดี มันสามารถช่วยรองรับพวกเด็กๆได้ อีกอย่างตอนนี้เมืองหานล่มสลายลงแล้ว กว่าจะกลับไปยึดพื้นที่กลับคืนมาได้ และปรับปรุงมันคงเสียเวลาอีกนาน ดังนั้นทำไมคุณไม่มอบพวกเขาให้ผมล่ะ?”
ชิเทียนไห่เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาพลันเปล่งประกาย ท่าทีกลายเป็นกระกรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
“ไม่มีปัญหา! ในเมื่อมิสเตอร์ฉินเอ่ยปากด้วยตัวเองแบบนี้ ฉันก็จะขอฝากพวกเด็กๆไว้กับคุณ มิสเตอร์ฉินนี่ช่างเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ!”
“นั่นคือสิ่งที่ผมควรจะทำ”
ฉินเฟิงไม่คิดสุภาพกับอีกฝ่ายอีกต่อไป หลังจากบอกว่าจะรับดูแลเด็กกำพร้า เขาก็จากไปโดยไม่ร่ำลา!
หากกล่าวว่าชิเทียนไห่กำลังสุขใจ เจียงไคกลับตรงกันข้าม เขาบังเกิดความหวาดระแวงในจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นว่าหลิวซูกำลังมองไปทางฉินเฟิงด้วยแววตาเคารพและชื่นชม
“หลิวซู ฉินเฟิงคนนี้เป็นใครกัน แล้วเขามีสถานที่ชุมชนเป็นของตัวเองจริงๆน่ะหรอ?” เจียงไคถาม
หลิวซูฝืนยิ้มออกมา “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนที่ทรงพลังถึงขนาดนี้คงไม่มีทางโกหก ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นโค่นแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กด้วยตัวคนเดียว … เขาแข็งแกร่งมาก แกร่งยิ่งกว่าท่านเทศมนตรีซะอีก อ๊ะ! จริงสิเจียงไค ฉันเองก็ตั้งใจว่าจะติดตามมิสเตอร์ฉินไปด้วยเหมือนกัน!”
“ว่าไงนะ!!!”
ชายทั้งสองแทบอุทานขึ้นพร้อมกัน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลิวซูจะพูดออกมาแบบนี้!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่หลิวซูอธิบายให้พวกเขาฟัง เวลานี้ ฉินเฟิงที่กลับมายังฝูงชน สีหน้าของเขากลายเป็นน่าเกลียดยิ่งกว่าทั้งคู่ซะอีก
เนื่องจากปัจจุบัน คนกว่า 2,000 สามารถหลบหนีออกจากเมืองได้สำเร็จ และเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัย ระเบียบวินัยก็จางหาย เริ่มกลับมาเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
หลายคนไม่ทราบว่าจะเอาอย่างไรดีเกี่ยวกับอนาคต หลังจากหลบหนีมาได้ พวกเขาก็ไม่ทันคิดเช่นกัน ว่าหลังจากนี้คงไร้ซึ่งน้ำและอาหาร
“กองกำลังหลิงหานจะช่วยแก้ปัญหานี้ใช่ไหม!”
“รอให้พวกเขาแก้ปัญหา? ฝันไปเถอะ! กระทั่งช่วยเหลือผู้คนในเมือง พวกเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ย้ายไปที่สถานชุมชนหลินเซียนเถอะ บังเอิญว่าฉันมีญาติอยู่ที่นั่น”
“ไม่ว่าจะที่ไหน ก็ใช้จ่ายผ่านอุปกรณ์สื่อสารได้เหมือนกัน!”
“พวกคุณจะไปกันจริงๆน่ะหรอ? เมืองหานสิ้นหวังแล้วจริงๆใช่ไหม แล้วต่อไปฉันจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง!”
สำหรับคนยากจน นี่นับว่าเป็นหายนะโดยแท้
อย่างไรก็ตาม มันไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับผู้ใช้พลัง บางทีอาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ!
แต่ในเวลานี้ ก็มีผู้ใช้พลังบางคนต้องการจะจากไปเช่นกัน และวิธีการที่จะจากไปของพวกเขาเนี่ยสิ ที่เป็นปัญหา
คนกลุ่มหนึ่งกำลังถกเถียงกันหน้ารถบัสที่บรรทุกพวกเด็กๆจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
หลังจากหลบหนีมาได้ รถศึกสองคันนี้ย่อมกลายเป็นสิ่งที่หายาก และจำเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นไม่นาน ความวุ่นวาย และการมีปากเสียงจึงกลับมาอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเด็กกำพร้าไม่มีที่ไปนะ ถ้าคุณเอารถไป แล้วพวกเราจะใช้อะไร?” เหลียวหยิงร้องโวยวาย
“แล้วจะให้บิดาเดินเท้าไปชุมชนแห่งอื่นรึไง? อย่าเรื่องมากนักเลย เชื่อไหมว่าฉันสามารถฆ่าเธอได้ง่ายๆ!”
“ไม่มีทาง รถศึกนี่จะมอบให้พวกคุณไม่ได้!” เหลียวหยิงเห็นได้ชัดว่าเริ่มโกรธแล้วเช่นกัน
และเวลานี้ ฉินเฟิงก็กลับมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินเฟิงถามเสียงหม่น ระเบิดกลิ่นอายออกมาโดยไม่คิดระงับ เพียงมอง ใครก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธมาก
แล้วจู่ๆหนึ่งในผู้ใช้พลังก็ก้าวเข้ามา ยื่นบุหรี่ให้เขา แล้วจุดมันอย่างประจบสอพลอ
“มิสเตอร์ฉิน พวกเราตั้งใจจะไปจากเมืองขยะแห่งนี้ด้วยรถศึก คุณสนใจมากับพวกเราไหม?”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น “แต่รถศึกคันนี้เป็นของพวกเด็กกำพร้า!”
“ก็ใช่ แต่พวกเด็กๆเองก็สามารถหนีออกจากเมืองมาได้แล้วไม่ใช่หรอ? จากนี้ไปพวกเด็กๆก็จะถูกส่งให้กับผู้คนของเมืองหาน และเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเราช่วยเหลือ แค่ต้องการรถศึกนี้มันคงไม่มากเกินไป!”
ชายคนนั้นกล่าวออกมาตามตรง
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มและกล่าว “พวกคุณน่ะหรอช่วยเหลือพวกเด็กๆ? ผมคิดว่าตรงกันข้ามมากกว่า เป็นผมต่างหากที่ช่วยเหลือพวกคุณ ในทำนองเดียวกัน ถ้าผมต้องการชีวิตพวกคุณ มันคงไม่มากเกินไปเหมือนกันใช่ไหม? ”
ในที่สุดชายคนนั้นก็เริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติในคำพูดของฉินเฟิง
“มิสเตอร์ฉิน นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” ชายคนนั้นมองฉินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย
ฉินเฟิงหันไปมองรอบๆ และพบว่าเกือบครึ่งของที่นี่ คือผู้ใช้พลังเลเวล F ที่เคยปิดล้อมสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลก่อนหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าทั้งหมดในที่นี่คือคนนอก ไม่ใช่ผู้ใช้พลังของเมืองหาน
“ตั้งแต่วันนี้ไปเด็กๆพวกนี้คือคนของผม เป็นคนของฉินเฟิง และผมจะพาตัวพวกเขาไป แบบนี้ไม่เท่ากับว่าพวกคุณกำลังจะปล้นรถศึกจากผมหรอกหรือ?”
ผู้ใช้พลังรอบๆสะดุ้งตกใจ
“ไม่ ไม่”
“มิสเตอร์ฉิน พวกเราผิดเอง พวกเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ใช่แล้วมิสเตอร์ฉิน ฉันไม่ได้พยายามจะขโมยรถของพวกเด็กกำพร้านะ ก็แค่จะแวะมาดูเท่านั้นเอง”
พวกเขาเริ่มอธิบายอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ผู้ใช้พลังกลุ่มนี้หยิ่งผยอง ตะคอกสำแดงฤทธิ์เดช แต่ปัจจุบันพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดเสียงดัง ได้แต่เร่งขอโทษ และปลีกตัวกระจัดกระจายออกไปจากฝูงชน
เหลียวหยิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“มิสเตอร์ฉิน คุณต้องการดูแลพวกเด็กๆอย่างงั้นหรอ?”
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่คนอื่นๆกำลังคิดว่าพวกเขาจะไปที่ไหนกันดี เหลียวหยิงในฐานะครูของสถานเลี้ยงเด็กกลับรู้สึกลำบากใจยิ่งกว่า!
เพราะอดีตผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้หลบหนีไปนานแล้ว และเธอเป็นอาสาสมัครคนเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง เธอก็รู้สึกโล่งโปร่งสบายใจขึ้นมาทันที
เพราะฉินเฟิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เป็นยอดฝีมือที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ เมื่อขึ้นชื่อว่ายอดฝีมือ ย่อมไม่มีคนไหนยากจน ฉะนั้นหากเขาช่วยออกค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ ก็น่าจะเพียงพอต่อชีวิตแก่พวกเด็กๆแล้ว
ฉินเฟิงพยักหน้ายืนยันแก่เหลียวหยิง เขาหันไปมองรอบๆและกล่าว “ผมมีสถานที่ชุมชนกำลังก่อตั้งขึ้นใหม่ และมันยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง หากพวกคุณกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตอันยากลำบากในตอนนี้ ก็สามารถมาเข้าร่วมกับผมได้ มาช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องเมือง กลายมาเป็นพลเมืองในสถานชุมชน! ”
“สำหรับคนที่คิดติดตามมาในตอนนี้ จะได้รับที่อยู่อาศัยฟรีตามจำนวนประชากร และในอนาคต พวกคุณยังสามารถทำงานในสถานชุมชนแห่งใหม่ได้เช่นกัน แน่นอน ว่าผมไม่ชอบพวกคนที่หนักไม่เอา แต่เบาสู้ ถ้าเป็นพวกขี้เกียจ หรือไม่สามารถทำงานได้ ก็อย่าคิดตามมากับผม!!”
คำกล่าวนี้ของฉินเฟิง ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในฝูงชน
ฉินเฟิงมีสถานที่ชุมชนอย่างงั้นหรือ?
สถานที่ชุมชนแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้าง หรืออีกความหมายนึงก็คือ … มันกำลังพัฒนา!
กรณีนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในฐานะผู้เข้าอาศัยกลุ่มแรก พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า และบางทีการย้ายไปที่นั่น อาจจะถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาทั้งชีวิตของตนเองเลยก็ได้
“มิสเตอร์ฉิน สถานที่ชุมชนของคุณอยู่ที่ไหน?”
“แล้วสถานที่ชุมชนของคุณมีชื่อว่าอะไร?”
“คุณเป็นเทศมนตรีของสถานชุมชนแห่งนั้นรึเปล่า?”
ฉินเฟิงทยอยตอบคำถามเล็กๆน้อยของฝูงชน จากนั้นก็ส่งเรื่องต่อให้หลิวเซินซาน ให้เขานับจำนวนพลเมืองที่สนใจเข้าร่วม
ส่วนฉินเฟิง แน่นอนว่าต้องกลับไปในเมืองหานอีกรอบ และขับรถศึกพร้อมกับลากอีกหลายคนพ่วงหลังมา นอกจากนี้ยังเตรียมเต็นท์และถุงนอนจำนวนมากมาอีกด้วย
ทำให้คืนนี้ มีผู้คนมากมาย สามารถนอนหลับได้อย่างสงบตลอดทั้งคืน
รุ่งเช้าในวันต่อมา ฉินเฟิงออกจากเต็นท์ แล้วก็พบกับหลายคนที่กำลังยืนรออยู่ข้างนอก
หากไม่นับหลิวเซินซานกับหลิวซู และวังเฉินซึ่งเป็นคนแรกที่เต็มใจร่วมมือกับเขาในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ก็ยังมีแชงนา วัยรุ่นสาวที่สามารถปลุกพลังขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเหลียวหยิงครูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“ลูกพี่ ไม่รู้หรอกนะว่าสถานชุมชนของคุณอยู่ที่ไหน แต่สนใจจะรับสมัครผู้ใช้พลังรึเปล่า? … รับพวกเราไว้พิจารณาด้วยเถอะ!” วังเฉินกล่าวพลางฉีกยิ้มสดใส
—-จบภาคหลบหนีออกจากเมืองหาน—–