โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 136

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.136 – ซุ่มโจมตี

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.136 – ซุ่มโจมตี

สีหน้าของเฉินหมิงแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลังจากก้มลงตรวจสอบ เขาก็ผุดลุกขึ้นจากพื้น หันไปกล่าวกับหลินไคว่า “นายน้อยหลิน ผมรู้สึกว่าฉินเฟิงกำลังตรงไปยังเส้นทางนั้น แต่ระหว่างทางเขาได้ฝังระเบิดลงดินเอาไว้ด้วย นี่จะส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการไล่ล่าของพวกเรา”

“และยังทำให้คนในกลุ่มของพวกเราได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ฉะนั้นผมขอยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับนายน้อย ว่าจะดีกว่าไหมถ้าเราออกล่าทีมที่อ่อนแอกันก่อน แล้วเมื่อเราสะสมคะแนนได้มากพอแล้ว ค่อยวกกลับมาโจมตีฉินเฟิง … แบบนี้จะช่วยลดการสูญเสียทางฝั่งเราได้!”

คำกล่าวของเฉินหมิงนับว่ามีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันยังไม่ทันได้เจอหน้าฉินเฟิง ฝั่งเขาก็เสียกำลังรบไปกว่า 2 คนแล้ว หากยังดึงดันต่อไป เกรงว่ากว่าจะเจอฉินเฟิง หมารับใช้ของเขาคงขาด้วนจากแรงระเบิดจนหมดซะก่อน

“ก็ได้ งั้นหันไปปล้นป้ายชื่อของคนอื่นๆก่อน เพราะคราวนี้ยังไงฉันก็ต้องติดสิบอันดับแรกให้จงได้!” หลินไคแม้จะบ้า แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ เขาตัดสินใจเลี่ยงฉินเฟิง เดินไปอีกทิศทางหนึ่ง เพื่อทำในเป้าหมายที่ตนต้องการ ดังนั้นคราวนี้เลยยอมทำตามคำพูดของเฉินหมิง

ต้องไม่ลืมนะว่าคนที่ได้ 10 อันดับแรกจะสามารถได้รับตราสัญลักษณ์โลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล G โดยตรง

ซึ่งมันง่ายกว่าการต้องออกไปสังหารสัตว์ร้ายในทุ่งล่ากว่า 200 ตัว

วิธีการนี้ไม่เพียงรวดเร็วกว่ามาก แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดอีกอย่างก็คือ … หลินไคหวาดกลัวที่จะสู้กับสัตว์ร้าย

ฉินเฟิงที่กำลังเดินอยู่ถัดออกไปอีกตำแหน่งนึง ย่อมได้ยินถึงเสียงระเบิด และตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นระเบิดที่เขาติดตั้ง

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน ดูเหมือนว่าหลินไคจะผูกใจเจ็บกับเขาอยู่จริงๆ

ทว่าหากหลินไคกล้าโผล่หน้ามาอีก ฉินเฟิงก็ไม่ตั้งใจจะปล่อยอีกฝ่ายกลับไปเช่นกัน

“ได้เวลาทำงานแล้ว” ฉินเฟิงที่วางระเบิดเสร็จเรียบร้อย กลับมาเดินนำหน้าอีกครั้ง เขาใช้นิ้วดีดหน้าผากของไป๋หลีเบาๆ

ไป๋หลีอ้าปากหาว กระโดดลงจากไหล่ของฉินเฟิง พุ่งหายเข้าไปในป่าทึบ แม้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะส่งผลต่อการเดินทางของฉินเฟิงและคนอื่นๆในทีม แต่สำหรับไป๋หลี นี่เปรียบดั่งปล่อยปลาลงสู้ผืนน้ำ

โจวฮ่าวเมื่อเห็นฉากนี้ก็ผงะตกใจ “ไป๋หล– เอ่อ … เสี่ยวไป๋ไปไหนงั้นหรอ?”

“ไปออกล่าของดี!” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ

เหมือนดั่งที่ฉินเฟิงเคยกล่าวเอาไว้ ว่าสถาบันทั้งห้าแห่งถูกสั่งห้ามใช้อุปกรณ์รูนมิติ เพราะมันอาจเกิดในกรณีที่นักเรียนทำการปล้นขโมยอย่างบ้าคลั่ง ล้างผลาญทรัพยากรในสวนล่าใบไม้ผลิไปจนหมดสิ้น

ทว่าหากเป็นพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ คนพวกนั้นย่อมไม่สามารถตรวจจับได้

และในเมื่อนั่นคือช่องโหว่ ฉินเฟิงเลยมอบหน้าที่ให้แก่ไป๋หลี ส่งมันไปปล้นชิงทรัพยากรโดยตรง

มิฉะนั้นมีหรือที่ฉินเฟิงจะมาเข้าร่วมงานสวนล่าในครั้งนี้ … เขามาเพื่อจะให้ไป่หลีกวาดของดีๆกลับไปจนเกลี้ยงต่างหาก! ส่วนเรื่องการแข่งขันกับนักเรียนจากสถาบันอื่น มันไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิด!

ใจกลางสวนล่าใบไม้ผลิ คือป่าขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้นับหมื่น มันกว้างก็จริง แต่ทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายคือ มุ่งหน้าลึกเข้าไปใจกลางป่า

ดังนั้นแม้นักเรียนแต่ละสถาบันจะถูกส่งมาคนละที่ แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มของฉินเฟิงที่แยกตัวออกมานำหน้าคนอื่นๆจากสถาบันเดียวกัน

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร ที่พวกเขาจะบังเอิญปะทะกับทีมต่างสถาบันที่เข้ามาก่อน และเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ล่วงหน้า

ปัง!

เสียงที่ฟังดูลึกแต่ดังสนั่นของกระสุนไรเฟิลดังออกมาจากปากกระบอกปืน

เนื่องจากฉินเฟิงเดินอยู่หน้าสุด ฉะนั้นทันทีที่เสียงกระสุนคำรามดังขึ้น เป้าหมายของมันย่อมไม่พ้นตำแหน่งหัวใจของเขา และด้วยความรุนแรงนี้ ต่อให้มีเสื้อเกราะป้องกันสวมทับอยู่ อย่างไรฉินเฟิงก็ต้องได้รับบาดเจ็บจากแรงปะทะ

ทว่ากลับปรากฏเรื่องอันน่าแปลกประหลาดเกิดขึ้น

ห่างออกไปจากหน้าอกของฉินเฟิง กระสุนพลันหยุดกึกลงอย่างกระทันหัน

ฉินเฟิงยื่นมือออก ปัดกระสุนปลิวกลับไป และในทิศทางของมัน เพียงสะท้อนกลับไปราวๆ 4 – 5 เมตร ตู้ม!! พลันเกิดระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน — มันกระเด็นถูกกับระเบิดเข้าอย่างจัง!

“ชิบหายแล้วไง” โจวฮ่าวสบถคำหนึ่ง ตั้งท่าเตรียมต่อสู้

ปัง ปัง ปัง!

ห่ากระสุนหลั่งไหลสวนกลับมา

และในคราวนี้ มันมีจำนวนเยอะมากๆ

“หาที่ซ่อนเร็ว!” ฉินเฟิงคำราม

โจวฮ่าวกับอีกสองคนพุ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ทันที

เหลือเพียงฉินเฟิงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

ราวกับหวาดกลัวฉินเฟิง ห่ากระสุนทั้งหมดโฉบผ่านไป ไม่มีกระสุนใดกล้าสัมผัสต้องตัวของเขาเลย

เปรี้ยง!

ร่างของฉินเฟิงวูบไหว ยันเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ ทั้งลำต้นของมันหักโล่งลงในพริบตา

โครม!

ต้นไม้ใหญ่ล้มคลืนลงมา ส่วนคนที่ซุ่มอยู่ข้างบน ก็ไม่พ้นร่วงตกลงมาด้วยเช่นกัน

ฉากดังกล่าวนี้ทำให้อีกฝ่ายต้องกรีดร้องด้วยความตกใจ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังคงนิ่งสงบ ไร้ซึ่งท่าทีตื่นเต้นใดๆ

หมับ! เขาฉวยจังหวะคว้ายึดปืนของฝ่ายตรงข้าม

และเมื่อมือปืนไร้ซึ่งอาวุธในปืนในมือ พวกเขายังจะนับว่าเป็นมือปืนได้อย่างไร?

ด้วยการเคลื่อนไหวเดียวของฉินเฟิง เท่ากับเป็นการตัดแขนของศัตรูโดยสิ้นเชิง

….

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สักเล็กน้อย ทางฝั่งมือปืนที่ซุ่มอยู่

ไม่รีรอให้เขาพักหายใจ ฉินเฟิงพุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า

“ไม่ดีแล้ว เขารวดเร็วเกินไป ฉันล็อคตำแหน่งไม่ได้”

มือปืนซึ่งแต่เดิมซุ่มอยู่บนต้นไม้หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

และต่อมา ฉากสยดยองที่ฉินเฟิงเตะเปรี้ยงใส่ต้นไม้จนหักโค่นลงก็ปรากฏขึ้น

โครม!

จู่ๆมือปืนสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่ถูกส่งมา เขาถูกเตะร่วงตกจากต้นไม้ในคราวเดียว

“อ๊าาาา” ปากเปล่งเสียงร้องโหยหวน เขาร่วงลงส่งตรงถึงปากสุนัขโดยตรง

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน … ” เขาไม่ทันสังเกตเลยว่าฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นตอนไหน

ฉินเฟิงฉกปืนจากอีกฝ่ายที่ร่วงลงจากต้นไม้ เขากำลังคิดว่าจะจัดการมือปืนอย่างไรดี วินาทีนั้นเอง พลันปรากฏใบมีดสายลมยาวกว่าหนึ่งเมตรพุ่งตรงเข้ามา

คิ้วของฉินเฟิงขมวดมุ่น ฉีกตัวหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ

ฉัวะ!

มีดสายลมเฉือนเข้าใส่ต้นไม้ที่พึ่งล้มลง ทันใดนั้นเกิดรอยตัดกินลึกลงไปถึง 5 เซนติเมตร ลากเป็นทางยาวกว่า 1 เมตร

ซึ่งหากจุดที่มันตกใส่เป็นมนุษย์ อาจถึงขั้นสามารถตัดกะโหลกคนได้เลย

ฉินเฟิงมองไปยังทิศทางที่มีดสายลมพุ่งเข้ามา

พบว่าเป็นนักเรียนในเครื่องแบบสีเขียวเข้ม และมีกรอบสีทองล้อมรอบป้ายชื่อตรงหน้าอก ทั้งยังมีตัวเลข 3 เขียนเอาไว้

—นี่เองสินะเหตุผล ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าลอบโจมตีฉินเฟิง ที่แท้เพราะทีมของอีกฝ่ายมีสมาชิกเป็นถึงนักเรียนอันดับ 3 ของคลาสอบิลิตี้แห่งสถาบันซิต๋านั่นเอง

“เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ลำดับที่ 21 เลยเลือกที่จะใช้วรยุทธโบราณโจมตีแทนอย่างงั้นหรอ? คนแบบนายนี่มัน .. เป็นพวกขยะหางแถวขนานแท้!” ชายคนนั้นโพล่งขึ้น

“ซางโหว ตัดขาของมันทิ้งเดี๋ยวนี้ เพราะมันบังอาจถีบฉันร่วงตกจากต้นไม้!” มือปืนที่ถูกฉินเฟิงแย่งปืนไป ทั่วทั้งใบหน้ากำลังแสดงถึงความโกรธแค้น

ชุดนักเรียนของคนๆนี้เองก็มีเกราะที่ทรงพลังสวมทับอยู่ภายในเช่นกัน เพราะอย่างไรเสียมือปืนก็เป็นพวกเศรษฐีร่ำรวย ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าตระกูลของไอ้หมอนี่ในเขตซิต๋าทรงอิทธิพลขนาดไหน

เมื่อถูกสั่งอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าศัตรู ร่องรอยของความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของซางโหว —ซางโหวน่ะแข็งแกร่งมาก แต่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน และที่เขาเลือกเข้าร่วมกับทีมนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายสัญญาว่าถ้าสามารถพาชื่อทีมไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้ ซางโหวก็จะได้รับ 1 ล้านเหรียญ

แม้จะรังเกียจ แต่เมื่อเขาได้รับคำสั่งแล้ว อย่างไรก็ต้องทำตาม ต่อให้ซางโหวจะไม่พอใจก็ตาม

“พวกนายไปช่วยคนอื่นๆเถอะ เจ้าหมอนี่ให้ฉันกับคนในทีมจะจัดการเอง แต่ระวังด้วยล่ะ เพราะมีคนหนึ่งในทีมของมันเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ลำดับ 1 … แต่น่าเสียดายพรสวรรค์ซะจริงๆ ที่ดันมาร่วมมือกับขยะแบบนี้!”ซางโหวกล่าว

ในเวลานั้นเอง ปรากฏชายอีก 3 เข้าคนห้อมล้อมฉินเฟิง ส่วนอีกสิบกว่าคน บุกเข้าไปหาพวกโจวฮ่าวที่เหลือ

ซางโหวเป็นธรรมดาที่จะไม่หวาดกลัวฉินเฟิง เขาบอกให้คนอื่นๆที่เดิมต้องป้องกันตนเอง ไปช่วยอีกทาง เพื่อที่จะไม่ให้มาขวางมือขวางเท้า

แน่นอน ว่าการซุ่มโจมตีในครั้งนี้ มันไม่ใช่ในรูปแบบทีม 1 ต่อ 1

หากแต่เป็นรูปแบบ 3 ต่อ 1!

“เอาจริงๆ พอเห็นนายกล้ำกลืนทำตามคำสั่ง ฉันก็รู้สึกสงสารนายเหมือนกันนะพวก แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ เพราะพวกนายเป็นคนมาหาเรื่องฉันเอง!” ฉินเฟิงหัวเราะเสียงเย็นชา

ประกายเยาะหยันสะท้อนในแววตาของซางโหว เขาหัวเราะคำหนึ่ง ตนรู้สึกว่าฉินเฟิงกำลังคุยโว

“ทำเป็นพูดดีไป งั้นก็ลองแสดงให้ฉันดูสิ ว่าจะรับท่านี้ของฉันได้รึเปล่า!”

พลังสมาธิของซางโหวปะทุโหม ความแข็งแกร่งพุ่งสูงขึ้น แม้จะเทียบเคียงไม่ได้กับมีดสายลมในตอนแรก แต่ก็ดุเดือด ไม่เลวร้ายไปกว่ากัน

คนอื่นๆที่ล้อมฉินเฟิง ก็ปลีกตัวถอยออกมา พวกเขาไว้ใจในตัวซางโหวว่าจะสามารถจัดการศัตรูได้

“วังวนวายุ!”

ในมือของซางโหว จู่ๆก็มีบอลสายลมที่บิดเป็นเกลียวปรากฏขึ้น และยิ่งถูกพยุงด้วยสองมือ เกลียวก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ กลายสภาพเป็นพลังงานลมที่เปี่ยมอานุภาพ เขาผลักตูม! ซัดมันเข้าใส่ฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว

ทว่าในเวลานั้น ฉินเฟิงแท้จริงกลับไม่ขยับฝีเท้า เจ้าตัวเพียงยกมือขึ้น

เอื้อมไปคว้าจับวังวนวายุ

คนอื่นๆเมื่อเห็นการกระทำของฉินเฟิง ความคิดเดียวกันก็ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขา

‘มันบ้าไปแล้ว!’

วังวนวายุมันใช่อะไรที่จะจับได้ง่ายๆซะที่ไหนกัน? ถ้ายังดึงดันทำแบบนั้น มือคงมิแคล้วถูกสายลมสับเป็นชิ้นๆ!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท