Ch.145 – ฉินเฟิง VS เฉินหมิง
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.145 – ฉินเฟิง VS เฉินหมิง
มันคือคู่ขาหลังของสัตว์ร้ายชนิดหนึ่ง ขนเป็นสีเทา แต่ละเส้นดูทนทานและแหลมคม บริเวณเท้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ผ้าใบที่สวมใส่ขาดวิ่นไม่แตกต่างไปจากกางเกง
กล้ามเนื้อขยายขึ้นไปมาก ความสูงของเฉินหมิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆจน 2 เมตรถึงค่อยหยุดลง
สภาพในปัจจุบัน เฉินหมิงไม่มีลักษณะของมนุษย์อีกต่อไป แต่เขาคล้ายกับเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่า!
ยังไม่พอ กลิ่นอายของเขา ยังน่าสยองขวัญกว่าเดิม มันกลายเป็นระดับราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล F !
แรงกดดันของเลเวลนี้ มิใช่สิ่งที่ผู้ใช้พลังเลเวล G จะทานรับไหว ทุกคนทั่วบริเวณเริ่มหายใจติดขัด
“อะ … อั๊ก … ” หลินไคที่ถูกย่ำตรึงไว้โดยเฉินหมิง ไม่อาจทานรับแรงกดดัมหาศาลได้อีกต่อไป กระอักลมหายใจเฮือดสุดท้ายออกมา ศีรษะตกลง และ–
–จบชีวิตโดยสมบูรณ์
คล้ายตระหนักได้ถึงการตายของเขา ป้ายชื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นปรากฏช่องว่างมิติขึ้น เคลื่อนย้ายหลินไคออกไป
นักเรียนคนอื่นๆเมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของทั้งหมดเบิกกว้าง จากนั้นความโกลาหลก็แพร่กระจายไปในฝูงชน
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเริ่ม เมื่อคนแรกชักฝีเท้าถอยกลับ หนึ่งคน สองคนก็เริ่มตาม… ก่อนจะหมุนตัว วิ่งแตกกระเจิงอย่างบ้าคลั่ง
จนปัจจุบัน หลงเหลือเพียง 5 ชีวิตเท่านั้นที่ยังอยู่ในจุดเดิม
แม้โจวฮ่าวจะรังเกียจเฉินหมิงมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้
การกลายร่างของเฉินหมิง ทำให้เขาอดช็อกไม่ได้
“แกมันบ้า! บ้าไปแล้วจริงๆ!” โจวฮ่าวกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ฮะฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า!” เฉินหมิงหัวเราะคลั่ง อาจเป็นเพราะรูปร่างเปลี่ยน น้ำเสียงของเฉินหมิงจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
มันกลายเป็นแหบแห้ง แปลกไปอย่างสิ้นเชิงราวกับคนแปลกหน้า!
“ฉันน่ะหรือบ้า? ฉันแค่ยอมรับอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นต่างหาก และคนอย่างแกไม่มีวันเข้าใจ!” เฉินหมิงเย้ยหยัน “ฉินเฟิง แกไม่ใช่แค่ตัดขาฉัน แต่ยังทำลายทีมทหารรับจ้างของฉัน นับว่าโชคยังดี ที่ฉันยังพอมีช่องทางติดต่อ ‘คนๆนั้น’ วันนี้เลยได้มาเซอร์ไพรส์ให้แกตกตะลึง”
สีหน้าของฉินเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ระลอกคลื่นในหัวใจเขากลับกระเพื่อมไหว
“ดังนั้นนายเลยยอมให้คนๆนั้นทำการทดลองกับตัวเองงั้นหรอเฉินหมิง ฉันควรจะพูดว่านายฉลาด หรือว่าโง่บัดซบดี? ไม่ใช่ว่าที่นายวางแผนร้ายในงานเลี้ยง เพราะต้องการจับตัวเพื่อนคนอื่นไปทดลองหรอกหรือ แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นนายเองที่เลือกกระโจนลงในกองไฟล่ะ?”
“นั่นมันเป็นเพราะแกไม่ใช่รึไง! แกขัดขวางภารกิจฉัน ฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถีบตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น!” เฉินหมิงหัวเราะ
“แต่นายกำลังทำร้ายตัวเอง!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็นชา
“พอที หยุดพล่ามได้แล้ว เพราะนั่นมันแค่ช่วยยืดเวลาตายออกไปเท่านั้น ฉินเฟิง เป็นเพราะแกตัดขาฉัน ฉันเลยได้รับการผสานยีนราชันย์หมาป่าเลเวล F กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รวดเร็วว่องไว และแกจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยอำนาจของมัน!”
ขณะกล่าว กลิ่นอายสังหารของเฉินหมิงก็ฟุ้งไปทั่ว
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป คางยื่นออกมา กลายเป็นรูปลักษณ์หมาป่า หลั่งน้ำลายหยดย้อยจากปาก ดวงตาจากสีแดงฉาน ค่อยๆเปลี่ยนเป็นดำสนิททีละนิด ทีละนิด
ซึ่งนั่นคือสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังจะสูญสิ้นสตินึกคิดไป
ไม่ใช่ว่าเฉินหมิงไม่ต้องการพูดมากกว่านี้ หากแต่เขาเริ่มไม่สามารถคุมสติตัวเอง และไม่อาจโต้เถียงกับฉินเฟิงได้อีกต่อไป
ดังนั้น การฆ่าฉินเฟิงทันที นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
นี่คือความคิดของเฉินหมิง
ตูม!
สองเท้าย่ำลงกับพื้น ผืนดินแตกระแหงเป็นหลุมบ่อขนาดย่อม
เฉินหมิงดีดตัวราวกระสุนปืนใหญ่ พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
กรงเล็บหมาป่าเปลี่ยนรูปเป็นใบมีดแหลม
ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมาทันใด
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! …. เคร้ง!!!
มีดกษัตริย์ครามและกรงเล็บหมาป่าปะทะใส่กัน เชือดเฉือนอย่างดุเดือด
การเผชิญหน้านี้พรั่งพราว น่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง มิอาจมองเห็นถึงการเคลื่อนไหวแบบเฉพาะเจาะจงได้อย่างชัดเจน
โจวฮ่าวกับเพื่อนในทีมที่กำลังรับชม เห็นได้แค่เพียงภาพอันพร่ามัว จากเศษเสี้ยวของแรงปะทะเท่านั้น
ทั้งคู่รวดเร็วเกินไป!
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับภาพด้วยตาเปล่า
กว่าจะเห็นได้ชัดๆอีกที ทั้งสองฝ่ายก็แยกจากกันแล้ว แต่เวลานี้เฉินหมิงไม่บุกได้โจมตีต่อ
เจ้าตัวยกกรงเล็บหมาป่าขึ้น ปรากฏคราบเลือดเจิ่งนองอยู่เต็มอุ้งเท้า ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรงเล็บแหลมบนนิ้วหนึ่ง ถูกเฉือนหายไปอย่างกระทันหัน
ในแววตาของเฉินหมิงตะลึงงันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
สำหรับเฉินหมิง นี่คืออาวุธของตนเอง ดังนั้นเขาย่อมทราบโดยธรรมชาติ ว่ากรงเล็บนี้แหลมคม และแข็งแกร่งเพียงใด แต่ตอนนี้ มันกลับถูกตัดจนเลือดอาบ!
—ต้องไม่ลืมนะว่ามีดกษัตริย์ครามสามารถตัดได้กระทั่งปลายเท้าแหลมของแม่พันธุ์แมงมุม ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงกรงเล็บของเฉินหมิง ซึ่งเกิดจากยีนผสมของราชันย์สัตว์ร้าย … ที่มิใช่ราชันย์สัตว์ร้ายตัวจริง!
ในความเป็นจริง สิ่งมีชีวิตระดับราชันย์ในเลเวล F ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ดังเช่นแม่พันธุ์แมงมุม , ราชันย์อัศวิน , ชุดคลุมดำกระหายเลือด ทั้งหมดมิใช่การดำรงอยู่ที่จะดูแคลนได้
แต่สิ่งที่มิอาจดูแคลน หนึ่งในน้ันก็มีฉินเฟิงรวมอยู่ด้วยเช่นกัน!
เพราะปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพหรือพลังสมาธิ เขาก็ได้มาถึงเลเวล F6 แล้ว
เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเทียบเคียงได้กับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F! ไหนจะเปี่ยมไปด้วยกำลังภายใน ที่มากกว่าสี่เท่าของระดับสูงสุดเลเวล F หรือกล่าวอีกอย่างว่าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ใช้พลังเลเวล E ระดับธรรมดาเลย
ความโอหังของเฉินหมิงในเวลานี้ จึงกลายเป็นเรื่องตลกไป
“มีดเปลวเพลิง!”
บนใบมีดกษัตริย์คราม จู่ๆก็ถูกกลืนกินโดยเปลวไฟ พวกมันว่ายวนและลุกโชนขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง
“สับสะบั้น!”
ฉินเฟิงสะบัดวาดใบมีดเป็นแนวตั้ง เฉือนเข้าตรงไหล่ของเฉินหมิง
ฉัวะ!
ใบมีดที่ลุกไหม้ตัดเอาแขนข้างหนึ่งของเฉินหมิงขาดกระเด็น และมันไร้ซึ่งเลือดใดๆหยดจากปากแผล นั่นเพราะ–
–ไม่ว่าจะส่วนไหนก็ถูกความร้อนย่างจนสุก!
“แบร๊วววว!”
เฉินหมิงโหยหวนด้วยเสียงไม่ใช่มนุษย์
“สะบั้นที่สอง!”
ฉินเฟิงวาดสะบัดใบมีดเพลิง ตัดแขนอีกข้างของเฉินหมิงอีกครั้ง
วินาทีนั้นรูม่านตาสีดำของเฉินหมิงค่อยๆแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงฉาน ร่องรอยของความหวาดกลัวและไม่อาจทำใจยอมรับปรากฏขึ้นภายใน
สำหรับสองคมมีดเมื่อครู่ ใช่ว่าเฉินหมิงไม่ต้องการจะหลบเลี่ยง หากแต่ฉินเฟิงว่องไวเกินไป เขาไม่อาจตอบสนองได้ทัน
‘ต้องหนี!’ นี่คือความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในสมองของเฉินหมิง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลามากพอ
“สะบั้นที่สาม!!”
มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิงโบกสะบัดอีกครั้ง และในคราวนี้เหมือนกับว่ามันพยายามจะตัดเฉือนตรงเอว
เฉินหมิงกรีดร้องน่าสังเวช
สองขาพลันแยกออกจากร่างของเฉินหมิง แท้จริงแล้วในวินาทีสุดท้าย มีดนี้ไม่ได้ตัดตรงเอว แต่เลื่อนตำแหน่งลงมา และตัดสองขาของศัตรูออกในคราวเดียว
เฉินหมิงไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป เขาร่วงลงกับพื้น
ในเวลานี้ สองแขน สองขาล้วนถูกตัดขาดจนสิ้น เฉินหมิงมีสภาพไม่แตกต่างไปจากท่อนไม้ เขาพยายามคืบคลาน ดิ้นรน
แต่ก็ไม่อาจก่อภัยคุกคามใดๆได้อีกต่อไป
จนสุดท้ายเลือดก็เริ่มทะลักจากบาดแผลที่ปิดจากรอยไหม้ เริ่มไหลลงตามแขนขาที่ถูกตัด
พยายามเคลื่อนไหวเท่าใด เลือดก็ยิ่งทะลักออกมาเท่านั้น เฉินหมิงค่อยๆหยุดดิ้นรนอย่างช้าๆ ขนสีขาวเทาบนหน้าเขาหดตัวกลับ ใบหน้าเดิมถูกเผยโฉมออกมา
ดวงตาสีแดงเลือดค่อยๆเปลี่ยนกลับเป็นสีขาว เฉินหมิงในเวลานี้ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอมาก แค่รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ยังแทบไม่รอด
ระหว่างกำลังหอบหายใจ ก็ปรากฏรองเท้าสีดำคู่หนึ่งในแนวสายตาของเฉินหมิง
ฉินเฟิงนั่งยองๆลง
“ฉินเฟิง!” เฉินหมิงขบกรามแน่น ร้องตวาดชื่อของอีกฝ่าย
“เฉินหมิง เอาจริงๆนะ ฉันมีคำถาม” ฉินเฟิงกล่าวอย่างสงบ “ … ทำไมนายถึงเกลียดฉัน?”
“ทำไมน่ะหรอ? นี่แกไม่คิดหรือว่าตัวเองน่าชิงชังขนาดไหน ทั้งๆที่แกเกิดจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่แกมักจะโชคดีกว่าคนอื่นเสมอ ใครๆก็ชอบที่จะมองแก พูดคุยกับแก ขนาดตัวฉันเอง เพื่อที่จะถีบตัวเองให้สูงขึ้น ยังต้องยอมเกลือกกลั้วกับแก เอาแกเป็นไม้กันหมา ไม่มีแกฉันคงถูกคนอื่นๆปล้น , กลั่นแกล้ง , รังแก … ”
“ตั้งแต่เด็กจนโต แกมักจะยืนอยู่หน้าฉันเสมอมา เหนือยิ่งกว่าฉันตลอดเวลา นั่นทำให้แกกลายมาเป็นปีศาจในใจฉัน!”
ฉินเฟิงพอได้ฟัง ก็ย้อนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต ตอนที่เฉินหมิงอายุ 5 ขวบ พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน และต้องมาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เดิมทีเฉินหมิงเป็นคนเก็บตัวไม่พูดกับใครเลย และเอาแต่ด่าว่าเด็กคนอื่นๆว่าสกปรก
เมื่อโตขึ้น พอถึงเวลาที่เฉินหมิงสามารถขอรับเบี้ยเลี้ยงได้ทุกเดือน เขาก็ถูกพวกอันธพาลรีดไถเงินอีก ตอนนั้นอีกฝ่ายร้องไห้จะเป็นจะตาย และเป็นฉินเฟิงนี่แหละที่ก้าวเข้าไปเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือ ต่อสู้จนสุดท้ายได้เงินกลับคืนมา จนครั้งต่อไปที่เจอหน้าพวกอันธพาล พวกมันเลยยอมเดินเลี่ยง อ้อมไปอีกทาง ………