โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 157

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.157 – ฆ่าแกในมีดเดียว

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.157 – ฆ่าแกในมีดเดียว

ทางฉินเฟิงเองก็เริ่มหน้าซีดเล็กน้อยจากการใช้พลังสมาธิอย่างหนักหน่วง อย่างไรก็ตาม ทางด้านพละกำลังยังคงสมบูรณ์ดี อันที่จริง ขอแค่เขาปลดปล่อยพลังวรยุทธโบราณออกมาสัก1/10 มันก็เพียงพอแล้วที่จะหลบเลี่ยงอบิลิตี้ของฝ่ายตรงข้าม แต่ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น ฉินเฟิงให้คำมั่นในจิตใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ใช้วรยุทธโบราณ มิฉะนั้นเจ้าตัวคงมีโอกาสมากมายที่สามารถสังหารเฉิงโจว

“ฮู่ว!” จู่ๆเฉิงโจวก็ยอมถอนพลังสมาธิลงอย่างกระทันหัน การเร่งเร้าอบิลิตี้เองก็หยุดลงเช่นกัน

“ฉันขอยอมแพ้!”

เฉิงโจวเปิดปาก ประโยคนี้ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ

ขอยอมแพ้อย่างงั้นหรือ?

ฉินเฟิงได้ฟังก็ไม่แปลกใจ เขาพอคาดเดาเอาไว้แล้ว

เพราะหากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เฉิงโจวอาจจำเป็นต้องใช้ไพ่ตายในมือตน แต่ปัจจุบันมีคนรับชมอยู่เยอะเกินไป ดังนั้นเขาย่อมไม่ต้องการเผยมันออกมา ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองก็มิได้มีความแค้นใดๆต่อกัน จึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้ถึงขั้นแลกชีวิตจริงๆ

“ฉันยอมรับ” ฉินเฟิงกล่าว

“ในอนาคต ฉันหวังว่าพวกเราจะได้มีโอกาสประลองแลกเปลี่ยนกันอีก!” เฉิงโจวถอดอุปกรณ์รูนออก และเดินเข้ามาจับมือกับฉินเฟิง

มือขวาของฉินเฟิงที่มิได้สวมใส่อุปกรณ์รูนยื่นออกไป เชคแฮนด์อีกฝ่าย

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้แก่กันและกัน การประลองนี้ทำให้เกิดความคุ้นเคยกันมากขึ้น

เฉิงโจวกดยอมแพ้ในอุปกรณ์สื่อสารของเขา ในเวลาเดียวกันก็ขอหมายเลขติดต่อของฉินเฟิง แล้วเพิ่มมันเข้าไป

จังหวะนั้นเอง เสียงออกอากาศก็ดังขึ้น

【ติ๊ง! เวทีที่ 3 สามารถเอาชนะติดต่อกันต่อเนื่องได้ 20 ครั้ง!】

ระหว่างออกอากาศ เสียงเชียร์ที่เงียบงันไปนานก็พลันเฮลั่น!

–โดยไม่มีใครคาดคิด ฉินเฟิงสามารถคว้าชัยชนะติดต่อกัน 20 ครั้งมาได้ในที่สุด!

ตามมาติดๆด้วยเสียงปรบมือรัวๆของฝูงชนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ การต่อสู้ในคราวนี้ช่างงดงามและน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังได้เห็นถึงการถือกำเนิดของปาฏิหาริย์

ปาฏิหาริย์ชนะติดต่อกัน 20 ครั้ง!

กล่าวได้ว่าจากนี้ไป ฉินเฟิงจะกลายเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงในโลกแห่งการต่อสู้!

【คุณต้องการจะท้าประลองต่อหรือไม่?】

ปรากฏตัวอักษรขึ้นบนอุปกรณ์สื่อสาร

ฉินเฟิงยกมือขึ้น และจิ้มตรงปุ่ม No ทันที เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเขาเลือกที่จะท้าประลองอีกครั้ง คราวนี้ตนจะต้องต่อสู้กับผู้ใช้พลังเลเวล E

แน่นอน มิใช่ว่าเขาจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ปัจจุบันที่นี่คือศูนย์ประลอง น่ากลัวว่าพวกตัวตนระดับเลเวล E คงไม่ว่างมาเดินเล่นอยู่แถวนี้

แต่ในเวลานั้นเอง ฝูงชนพลันแตกฮือ พร้อมกับมีคนบางกลุ่มเข้ามาล้อมรอบสังเวียนอย่างกระทันหัน

และคนเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F!

นำโดยผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E แม้ฉินเฟิงจะไม่รู้จักเขา แต่เขารู้จักคนที่อยู่ข้างๆอีกฝ่าย—

—เป็นซินเจี่ยเซิง!

หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น

“แกคือฉินเฟิง ผู้ว่าการแห่งสถานชุมชนเฟิงหลีใช่ไหม?” ผู้ใช้พลังเลเวล E สาดสายตาดุร้ายมาทางฉินเฟิง

“ก่อนจะถามชื่อใครสักคน ตามมารยาทควรจะแนะนำตัวเองก่อนไม่ใช่หรอ?” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา

อีกฝ่ายส่งเสียงฮึฮะในลำคอ

“สมแล้วที่เป็นไอ้บ้านนอก … ไม่รู้รึไง? ว่าในเมืองเฉิงหยางน่ะ ใครๆต่างก็รู้จักฉันกันทั้งนั้น!”

ในเวลานี้ ผู้จัดการสังเวียนกำลังมองฉินเฟิงด้วยอารมณ์ทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้น ก็ฉินเฟิงน่ะไม่เพียงสังหารลูกน้องของเขาไปมากมาย แต่ยังสังหารเครือข่ายทั้งหมดที่เขาเชิญมา แบบนี้จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร?

“ฉินเฟิง นี่คือปรมาจารย์ลำดับ 6 แห่งตระกูลซินแห่งเมืองเฉิงหยาง — ซินกวง!”

“โอ้?” ฉินเฟิงเอียงคอและกล่าว “ก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี!”

ฉินเฟิงแน่นอนว่าไม่รู้จักเขา ก่อนจะเกิดใหม่ ฉินเฟิงไม่ได้เดินทางสู่เมืองเฉิงหยาง แม้จะแข็งแกร่งขึ้นในเวลาต่อมาก็มิคิดเหยียบที่นี่ เพราะเฉิงหยางก็เป็นแค่เมืองเล็กๆ ดังนั้นจะตำแหน่งสูงหรือต่ำก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา และในอนาคต คนจากตระกูลซินที่แข็งแกร่งพอให้เขารู้จักก็ไม่เคยปรากฏขึ้นเช่นกัน

ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นปรมาจารย์ลำดับ 6 ของตระกูลซินก็แล้วมันยังไง? สุดท้ายก็แค่ลุงของซินเจี่ยเซิง และไม่มีตำแหน่งใดในเมืองเฉิงหยาง

แต่อย่างน้อยหน่วยข่าวกรองของตระกูลซินก็ไม่เลว พวกเขาสามารถสืบหาข้อมูลของฉินเฟิงมาได้ และคิดว่าทางตระกูลซินก็พอมีสมองอยู่เช่นกัน ถึงส่งคนที่ไม่มีตำแหน่งใดออกมา เพราะในกรณีนั้น หากมีเหตุการร้ายแรงเกิดขึ้น มันจะกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างสถานชุมชนได้

ซินกวงแม้ไม่มีตำแหน่งประจำตัวใดๆ แต่ก็เป็นปรมาจารย์ลำดับ 6 ที่น่าเคารพนับถือ เพราะสถานะนี้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับ 6 ของตระกูลซินในรุ่นนี้

แต่ก็มิได้มาจากตระกูลสายหลัก ไม่ได้ครอบครองอำนาจที่แท้จริง ดังนั้นงานสกปรกทั้งหมดจึงมาตกอยู่ที่เขา เป็นคนที่มีชื่อเสียงในทางเลวร้าย!

เนื่องจากเต๋าชิชางในเลเวล F9 ได้เสียชีวิตลง นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลซิน แม้หลายคนจะไม่ทราบว่าเต๋าชิชางคือใคร แต่ก็มิได้หมายความว่าตระกูลใหญ่อื่นๆจะไม่รู้จัก!

ด้วยเหตุนี้เอง หมายความว่าหากพวกเขาไม่กู้ชื่อเสียงกลับมา ยินยอมปล่อยให้หมาให้แมวที่ไหนก็ได้มาล่วงเกิน แล้วตระกูลซินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ดังนั้นต้องฆ่าฉินเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นต้องฆ่าอย่างเปิดเผยบนสังเวียน ดั่งสำนวนเชือดไก่ให้ลิงดู ประกาศกร้าวให้คนอื่นรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลซิน!

เพียงแต่พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงจะตอบกลับมาแบบนั้น

“บังอาจ! เป็นแค่ผู้ว่าการสถานชุมชนเกิดใหม่ แต่กล้าทำเป็นเมิน ไม่เห็นตระกูลซินของพวกเราอยู่ในสายตา ฉันจะมอบบทเรียนให้กับแกเอง ไม่อย่างนั้นศักดิ์ศรีของตระกูลซินจะไปอยู่ที่ไหน!” ดวงตาของซินกวงส่อเจตนาสังหารรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเข้าใจดี คิดว่าบางทีอีกฝ่ายคงต้องการล้างแค้นให้กับไอ้หน้าปุที่ถูกเข็มบินยิงสวนกลับเมื่อครู่

“ศักดิ์ศรีของตระกูลซินมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? จะบอกอะไรให้นะ ไม่ใช่แค่ฉันไม่รู้จักแก แต่ฉันยังไม่สนด้วยด้วยว่าอำนาจของตระกูลซินมันจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะสุดท้ายทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพวกเผด็จการ!” ฉินเฟิงกล่าว

ฝูงชนที่กำลังรับชมกลายเป็นเงียบงัน แต่เมื่อนึกถึงคำกล่าวของฉินเฟิง พวกเขารู้สึกว่าก็จริง เป็นตระกูลซินนั่นแหละที่มักจะยกตนข่มท่าน แสดงอำนาจครอบงำผู้คนแบบเผด็จการ

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร แกน่าจะรู้ดี!” ซินกวงตวาด

แน่นอน ว่าซินกวงไม่อาจกล่าวออกมาตรงๆได้ว่าบุคคลที่อีกฝ่ายสังหารไปก่อนหน้านี้ มาจากตระกูลของเขา มิเช่นนั้นหากข่าวนี้หลุดออกไป มันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับผู้คนทั้งเมืองหรอกหรือ?

“รู้ดี? ใช่หมายถึงเรื่องที่นายน้อยของพวกแกลวนลามแฟนฉัน แล้วท้าฉันขึ้นสังเวียน แต่สุดท้ายวิ่งหนีหางจุกตูดไปรึเปล่า? จากนั้นก็ไปเรียกพวกเห็บไรมากมายขึ้นมาสู้กับฉัน ถ้าหมายถึงเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ!!”

ฉินเฟิงมองไปทางซินเจี่ยเซิงด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

ทั่วทั้งใบหน้าของซินเจี่ยเซิงเริ่มแดงเรื่อ ปัจจุบันเขาโกรธจนแทบทนไม่ไหว “ฉินเฟิง! ยะโสเกินไปแล้ว ถ้าแน่อย่างปากว่า แกก็เปิดคำท้าประลองต่อสิ ลุงหกของฉันจะขึ้นไปสู้บนสังเวียนกับแกเอง ฉันละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าฝีมือแกจะแน่เหมือนฝีปากรึเปล่า!”

“เหอะ! ฉันเหนื่อยแล้ว ถ้าอยากจะสู้ ก็เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน!”

ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็กำลังจะก้าวลงจากสังเวียน

อย่างไรก็ตาม ซินกวงได้ก้าวขึ้นสู่เวทีเสียก่อน พร้อมกับปรากฏโล่แสงรอบเวทีถูกเปิดใช้งาน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นฝีมือของผู้จัดการ!

“แกคิดจริงๆหรือว่าตัวเองมีสิทธิ์ตัดสินใจได้ตามใจชอบ?” ซินกวงเยาะหยัน เน้นย้ำทีละคำพูด

สีหน้าของฉินเฟิงแม้ยังเรียบเฉย แต่ใครก็ตามที่รู้จักเขาจะทราบดี ว่าในเวลานี้ฉินเฟิงเริ่มโกรธจริงๆแล้ว!

ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และเลือกดำเนินการท้าประลองต่อ

“ก็เอาซี่ ดูเหมือนว่าถ้าท้าประลองอีกครั้งหนึ่ง ฉันจะได้รับเงินรางวัลเป็นทวีคูณ น่าจะซัก … 100 ล้านถูกไหม?”

ในความเป็นจริงแล้ว การที่ฉินเฟิงชนะติดต่อกัน 20 ครั้ง เงินรางวัลของเขาก็พุ่งสูงขึ้นเป็น 111,100,000 เหรียญอยู่แล้ว

ซึ่งเกมที่ 21 รางวัลจะเริ่มต้นที่ 100 ล้าน หากชนะติดต่อกันอีก 5 ครั้งรวด รางวัลจะพุ่งสูงขึ้นเป็นจำนวนถึง 1,000 ล้าน!

เพียงแต่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโค่นผู้ท้าประลองที่อยู่คนละขอบเขตเลเวลใหญ่!

“หึ!” ซินกวงแสยะยิ้ม “นี่แกคิดว่า ตัวเองยังจะชนะอยู่อีกหรือ?”

ฉินเฟิงกล่าว “จะชนะได้หรือไม่ นั่นมันเรื่องของฉัน นี่ก็เป็นแค่การพิสูจน์ฝีมือตัวเอง หรือจะให้ฉันปฏิเสธก็ได้นะ เพราะในฐานะผู้ว่าการเขตใหม่ ฉันเองก็ไม่ชอบตบกะบาลพวกที่ตายไปก็ไม่น่าจดจำเหมือนกัน!”

ใบหน้าของซินกวงพลันแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นทันที

อันที่จริง ทุกสิ่งที่ซินกวงเอ่ยมาก่อนหน้านี้ เป็นเพียงคำขู่ที่ทำให้ฉินเฟิงลำบากใจ ทว่าปัจจุบัน มันได้กลายเป็นความโกรธอย่างแท้จริงแล้ว!

ซินกวงยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ป้อนหมายเลขนักสู้ขอท้าทายลงไป

ฉินเฟิงได้รับข้อความแจ้งเตือน มีดกษัตริย์ครามถูกชักขึ้นมาในกุมมือ

“จะฆ่าแก ขอแค่ ‘มีดเดียว’ ก็พอแล้ว!!”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท