โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 159

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.159 – ไป๋หลียกระดับ

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.159 – ไป๋หลียกระดับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยให้ไป๋หลีสามารถยืนหยัดอยู่ข้างกายเขาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นยิ่งเธอได้ครอบครองชุดต่อสู้เร็วเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดี

แม้อันเจิ้งเว่ยจะรู้สึกประหลาดใจที่ฉินเฟิงใช้วัตถุดิบระดับสูงมาทำชุดเดรส เพราะนั่นมันไม่ถือเป็นการเสียของหรอกหรือ? อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เอ่ยมันออกมา เพราะยังไงซะ นับแต่สมัยโบราณกาล คนหนุ่มที่มั่งคั่งก็มักชมชอบมอบสิ่งล้ำค่าให้กับสาวงามมาโดยตลอดอยู่แล้วมิใช่หรือ?

อีกอย่าง ฉินเฟิงคือลูกค้า หากเงินถึง ลูกค้าต้องการอย่างไรทางเขาก็ยินดีจัดให้!

ด้วยเหตุนี้ วัตถุดิบต่างๆจึงได้รับการคัดแยกและจัดสรร

ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ อย่างแก่นพลังงานนายพลสัตว์ร้าย และหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รับมาจากเมืองหาน สามารถขายได้เป็นจำนวนเงินที่น่าอัศจรรย์ใจ ได้มากถึง 300 ล้านเหรียญ

“ใช้หักเป็นค่าใช้จ่ายสั่งทำอุปกรณ์ 100 ล้าน ส่วนที่เหลือผมขอใช้ซื้อแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F”

ยังไม่พอ ฉินเฟิงใส่เงินในบัญชีของตนเพิ่มลงไปอีก 200 ล้าน รวมทั้งสิ้นเป็น 400 ล้าน เพื่อซื้อแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้าย เลเวล F ได้มาทั้งหมด 6 แก่น

“ทางเราจะดำเนินการตามคำสั่งซื้อของคุณโดยเร็วที่สุด และจะพยายามทำให้เสร็จภายใน 2 วัน!”

คำสั่งนี้สามารถฟันกำไรได้มหาศาล ดังนั้นทางกลุ่มหวั่นซ่งตัดสินใจบริการอย่างดีที่สุด!

ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หมดธุระก็เดินออกจากร้านไป

สองวันถัดมา ฉินเฟิงกับไป๋หลีอยู่แต่ในโรงแรม มิได้ก้าวออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว กระทั่งอาหารก็สั่งให้มาส่งถึงห้อง

แก่นพลังงานทั้งห้าอยู่ในมือของไป๋หลี ส่วนในมือของฉินเฟิง เป็นแก่นอบิลิตี้เลเวล E ที่ใช้แต้มชนะต่อเนื่องแลกมาจากศูนย์ประลอง

“ดูดกลืน!”

ฉินเฟิงกุมแก่นขนาดเท่ากำปั้น กลืนกินรูนจากมันอย่างรวดเร็ว

วัตถุดิบที่เคยใช้กักเก็บรูนเริ่มหดตัวลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รูนปริมาณมหาศาลถูกดูดเข้าไปรวมกับทะเลจิตสำนึกของฉินเฟิง

และเขาเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว รูนเหล่านั้นถูกดึงเข้าไปหลอมรวมกับศิลานรกอย่างรวดเร็ว

ศิลานรกได้แพร่เชื้อใส่รูนเหล่านั้น เปลี่ยนรูนธรรมดาให้กลายเป็นรูนไฟโลกันต์ ก่อนจะไปปรากฏขึ้นอีกครั้งบนดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง

ปริมาณรูนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในดาวเคราะห์เพชรกระจายไปด้วยจุดสีที่แตกต่างกัน

หลังจากดูดซับรูนไฟไปได้นับแสน มันก็หยุดโคจร ระหว่างนั้นพลังสมาธิของฉินเฟิงได้ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่คือแก่นอบิลิตี้ของราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล E การดูดซับมัน มีผลมหาศาลต่อพัฒนาการพลังสมาธิของฉินเฟิง จนสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับถัดไป

ก้าวเข้าสู่เลเวล F7 !

ยังไม่พอ พลังสมาธิยังเกิดการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เข้าสู่เลเวล F8 !

ทะยานไปอีกขั้น!

สู่เลเวล F9 !

เมื่อถึงจุดนี้ ความก้าวหน้าของพลังสมาธิถึงค่อยหยุดลง

กล่าวได้ว่า การเดินทางสู่สวนล่าใบไม้ผลิและตะลอนทัวว์ในเมืองเฉิงหยาง ได้ช่วยขับกล่อมให้พลังสมาธิของฉินเฟิง ยกระดับจนเหนือล้ำยิ่งกว่าพละกำลังทางกายภาพ ชนิดที่ว่าอีกก้าวเดียวก็จะสามารถทะลวงขึ้นสู่เลเวล E !

เมื่อลืมตาขึ้นอีกที เขาก็พบว่าไป๋หลีดูดซึมแก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายไปมากกว่า 3 แก่นแล้ว ความแข็งแกร่งของมันคล้ายปะทุกรุ่น จนเกือบทะลวงขีดสุด เขาจึงบอกให้หยุด และเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้ก่อน

เพราะฉินเฟิงยังจดจำได้ดี ว่าในช่วงแรกที่ไป๋หลียกระดับขึ้นเป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F มันได้ระเบิดกลิ่นอายออกมาอย่างมิอาจควบคุม จนเป็นที่ฮือฮากันในวันต่อมา ฉะนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำสอง

วันถัดมา ในที่สุดอุปกรณ์สั่งทำจากกลุ่มหวันซ่งก็ส่งตรงถึงมือฉินเฟิง

ฉินเฟิงสั่งตัดชุดต่อสู้ที่สามารถสวมใส่จากภายนอกได้ มีจุดแสงสีเงินจางๆส่องประกายอยู่บนมัน ดูลึกลับและหรูหราเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ใช้กระบวนการพิเศษกักเก็บมัน ก็แทบจะไม่สามารถมองเห็นได้เลย

แน่นอน ว่าที่บอกว่ามองไม่เห็น คือพวกสัตว์ร้ายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ในขณะที่ผู้ใช้พลังจะสามารถตระหนักถึงมันได้ในทันที ว่าอุปกรณ์รูนชุดนี้หรูหราเพียงใด

ชุดต่อสู้นี้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ มันมีทั้ง เสื้อ , ถุงมือ , เข็มขัด ,รองเท้าและกางเกง

อันที่จริงแล้วอุปกรณ์รูนส่วนใหญ่มักจะผลิตเป็นเกราะใน ซึ่งการหั่นมันจนบางแล้วสวมใส่มันแนบกับลำตัว ถือเป็นการลดทอนประสิทธิภาพที่มีลงไป แต่เนื่องจากฉินเฟิงมีวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก เขาจึงสามารถปรับแต่งความหนาบางของมันได้ตามต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น วัตถุดิบของเขายังสามารถใช้ทำเกราะในได้ถึง 2 ชิ้น

ฉินเฟิงตั้งใจว่าจะมอบให้กับโจวฮ่าวชิ้นหนึ่ง ส่วนอีกชิ้นเป็นวังเฉิน

เพราะวังเฉินสามารถทำหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี!

ในอนาคต ฉินเฟิงตั้งใจจะฝึกฝนอีกฝ่ายให้เป็นตัวตนระดับต้นๆของสถานชุมชนเฟิงหลี

อย่างน้อยที่สุด อีกฝ่ายน่าจะได้รับตำแหน่งเป็นนายพล

ฉินเฟิงเก็บตัวมายาวนานกว่า 2 วัน ในสุดที่เขาก็เตรียมออกจากสถานชุมชนเฉิงหยาง เจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนรู้สึกโล่งใจ ที่งานของพวกเขากำลังจะจบลงเสียที เพราะการติดตามฉินเฟิงมีความไม่แน่นอนมากเกินไป

อย่างเช่นพวกเขายังกลัวว่าฉินเฟิงจะรู้สึกอึดอัด หรือตระกูลซินยืนยันที่จะแก้แค้น อาจเกิดการต่อสู้ขึ้นใจกลางเมืองได้ ….

แต่สุดท้ายรถศึกก็เริ่มออกเดินทาง และผ่านออกมาสู่พื้นที่ทุ่งล่าโดยสวัสดิภาพ ห่างไกลออกมาจนกระทั่งไม่เห็นเมืองเฉิงหยาง ฉินเฟิงจู่ๆหักเลี้ยว เปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่า

ปรากฏหมอกสีดำลอยล่องขึ้นโดยรอบ รถศึกของฉินเฟิงถูกซ่อนอยู่ในเงามืด ไม่มีใครสามารถค้นพบได้

“เอาล่ะ เธอเริ่มดูดซับมันต่อได้”

ฉินเฟิงกล่าวกับไป๋หลี

ไป๋หลีใกล้จะยกระดับแล้ว ดังนั้นไม่สามารถกลับไปดูดซับแก่นพลังงานที่สถานชุมชนเฉิงเป่ยได้ มันจะเป็นการดีกว่าหากยกระดับแล้วกลิ่นอายเล็ดลอดออกมาที่นี่

ไป๋หลีกลืนกินสามแก่นพลังงานที่เหลืออยู่อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน ห่างออกไปจากตำแหน่งที่รถศึกของฉินเฟิงจอดอยู่ราวๆ 20 กิโลเมตร ปรากฏ 3 ผู้ใช้พลังเลเวล E กำลังซุ่มซ่อนตัวอยู่

“ทำไมฉินเฟิงยังไม่มาสักที อย่าบอกนะว่าเขารู้แผนของพวกเราล่วงหน้า?”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อดใจรออีกนิดเถอะ”

“ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“จากวิดีโอเขาสังหารซินกวง และรีบหนีลงจากสังเวียนทันที ประโยคแรกบอกได้อย่างชัดเจนว่ากระบวนท่าของเขา มันต้องเป็นอะไรที่ทรงพลังมากแน่นอน แต่ในประโยคหลังก็ทำให้ฉันคิดว่ามันน่าจะกินกำลังภายในมหาศาลเช่นกัน ไม่งั้นทำไมช่วง2 – 3 วันที่ผ่านมา เขาถึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกไปไหนเลยเล่า?”

“สรุปสั้นๆว่าระวังตัวเอาไว้ก่อนก็ดี”

ทั้งสามคน ไม่มีใครกล้าดูแคลนฉินเฟิง

ในบรรดาทั้งสาม มีคนหนึ่งเป็นอาวุโสกิตติมศักดิ์ของตระกูลซิน มีตำแหน่งคล้ายกันกับเต๋าชิชาง หากแต่เลเวลสูงกว่า เป็นผู้ใช้พลังเลเวล E

ส่วนอีกสองคนเป็นคนที่ทางตระกูลซินทุ่มเงินมหาศาลเชื้อเชิญมา เพื่อร่วมปฏิบัติการลอบสังหารฉินเฟิง เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้าน และหากจับเป็นได้ ก็จะจ่ายเพิ่มให้อีก 10 ล้าน

ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมปฏิบัติการ เพราะการสังหารคนน่ะ มันง่ายกว่าพวกสัตว์ร้ายมาก!

แม้ฉินเฟิงจะทรงพลัง แต่ก็มือแค่สองมือสองเท้า อีกอย่างฉินเฟิงยังเป็นแค่เลเวล F ดังนั้นทั้งหมดจึงมั่นใจว่าหากร่วมมือกัน ฉินเฟิงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ปัจจุบันพวกเขารอเกินกว่าเวลาที่กำหนดมากว่า 20 นาทีแล้ว แต่ฉินเฟิงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา นี่ทำให้ทั้งสามเริ่มเกิดความรู้สึกว่าบางทีอาจจะผิดแผน

ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็ผุดแรงกดดันน่าสะพรึงแผ่ออกมาจากในจุดที่ไกลออกไป มันเป็นกลิ่นอายของราชันย์สัตว์ร้าย ยิ่งไปกว่านั้น มิติโดยรอบคล้ายเกิดปรากฏการณ์ผันผวน มีรอยแยกเล็กๆบางส่วนผุดขึ้นมากลางอากาศ

สีหน้าของคนทั้งสามกลายเป็นขาวซีด

“นี่มันกลิ่นอายของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E!”

ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E นั่นหมายถึงตัวตนทรงอำนาจที่ต่อให้นำผู้ใช้พลังเลเวล E นับ 100 คนเข้าปิดล้อม ก็ไม่แตกต่างไปจากส่งขนมป้อนเข้าปากมัน มิแคล้วถูกกัดกินเป็นอาหารว่าง!

วินาทีนี้ ทั้งสามไม่สามารถซ่อนอยู่เงียบๆได้อีกต่อไป

“ฉินเฟิงคงจะหนีไปแล้ว พวกเราไม่ควรดักรอที่นี่อีกต่อไป รีบกลับกันจะดีกว่า!”

ทั้งหมดเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เมื่ออาวุโสตระกูลซินเอ่ยปากออกมา คนอื่นๆก็ตกลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดขึ้นไปบนรถศึกล่องเวหา สตาร์ทมัน ขับมุ่งหน้ากลับสู่เมืองเฉิงหยาง

ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางป่า แม้เสี่ยวไป๋จะพยายามยับยั้งกลิ่นอายเท่าที่จะทำได้ แต่กลิ่นอายของราชันย์เลเวล E ยังคงหลุดรอดออกไป นี่ส่งผลให้สัตว์ร้ายที่อยู่รอบๆแตกกระเจิง หนีไปคนละทิศทาง

“เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถอะ” ฉินเฟิงถอนรูนมืดออก มุ่งไปตามเส้นทางหลักอีกครั้ง

ความเร็วของรถล่องเวหาเพิ่มสูงขึ้น และสวนเข้ากับรถของคนบางกลุ่มบนถนน ซึ่งฉินเฟิงไม่ได้สนใจอะไร แต่ทว่า …

ทั้งสามคนในรถศึก กลับพบว่าภายในรถล่องเวหาที่เพิ่งสวนไปคือฉินเฟิง!

“นั่นมันรถศึก”

“เป็นฉินเฟิง!”

“วกกลับไปเร็วเข้า!”

อาวุโสตระกูลซินกระแทกเบรกอย่างกระทันหัน วกรถกลับ แล้วเหยียบคันเร่งอย่างบ้าคลั่ง ไล่ตามรถล่องเวหาของฉินเฟิง

ฉินเฟิงแต่เดิมไม่สนใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง พลังสมาธิกวาดลงไปยังรถที่ไล่หลัง สีหน้าของเขาช่วยไม่ได้ต้องกลายเป็นเย็นเยียบ

“แส่หาที่ตาย? ฉันจัดให้!”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท