โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 195

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.195 – ปัญหาตระกูลซิน

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.195 – ปัญหาตระกูลซิน

สิ้นเสียงของซินเซิง ภายในสนามแสดงฝีมือ กรงที่สองก็ถูกเผยโฉมออกมา

กรงนี้หากเทียบกับกรงก่อน มันใหญ่กว่ามาก เมื่อผ้าแดงถูกดึงลง ก็เผยให้เห็นถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใน–

–ปรากฏว่าเป็นวัวขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง

มันสูงราวๆ 3 เมตร ลำตัวยาว 5 เมตร ซึ่งความยาวนี้แทบจะเทียบได้เลยกับรถบรรทุก

ภายในกรง วัวตัวนี้ถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ ปัจจุบันดวงตาของมันเป็นสีแดงฉาน แทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ออกไป

เนื่องจากไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ผ้าสีแดงก็เป็นตัวกระตุ้นเส้นประสาทของสัตว์จำพวกวัวได้เป็นอย่างดี

ท่ามกลางสายตาของผู้คน นายพลสัตว์ร้ายเลเวล E3 —จามรีเขาสายฟ้าได้เผยโฉมออกมาแล้ว!

มันไม่เพียงเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง แต่ยังเป็นถึงสัตว์ร้ายที่สามารถใช้รูนสายฟ้าได้!!

ซึ่งหากต่อกรกับมันในระยะประชิด ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกไฟฟ้าช็อต

ในขณะที่เซ่าหงเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F อีกทั้งในอาณาเขตของตระกูลซิน เวลานี้ยังไม่สามารถใช้อาวุธได้ หากต้องสู้กับสัตว์ร้ายเลเวล E เขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

งานเลี้ยงวันเกิดตระกูลซิน เกิดเหตุนองเลือดขึ้นทุกปี แต่ซินเซิงกลับไม่คิดว่านั่นจะเป็นการนำโชคร้ายมาสู่ตน ตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับสนุกสนานและอิ่มเอมไปกับมัน

เฝ้ามองพวกแข็งข้อถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปล่อยให้ความหวาดกลัวฝังลึกลงในจิตใจของคนเหล่านั้น นี่เป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่งยวด

“ท่านผู้นำซิน ได้โปรดปล่อย … ปล่อยผู้น้อยไปเถอะ!” ใบหน้าของเซ่าหงฟุ้งไปด้วยความสิ้นหวัง ฝืนยืนไม่ไหว ทิ้งตัวคุกเข่าร้องวิงวอน

“ลุงเซ่าพูดอะไรน่ะ? ฮี่ฮี่ นี่มันก็แค่การแสดงฝีมือเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เข้าไปเถอะ ไปโชว์ความสามารถของลุงให้คนในงานได้รับชม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะไม่ทิ้งลุงอย่างแน่นอน ก็นี่มันวันเกิดของปู่ผมนี่นา จะให้คุณเลือดตกยางออกได้ยังไง นั่นมันเป็นลางร้ายมิใช่หรือ!” ซินเจี่ยหยูกล่าว พลางวางมือลงบนไหล่ของเซ่าหง

เนื่องจากเขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E ดังนั้นเพียงอัดฉีดกำลังภายในลงไปในฝ่ามือ ก็สามารถผลักเซ่าหงไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดาย

ผู้คนทั่วบริเวณ เมื่อเห็นฉากนี้ก็แทบไม่กล้าหายใจ บางคนทนไม่ไหวจำต้องก้มหน้าหลับตาลง

แต่ในตอนนั้นเอง ร่างๆหนึ่งได้เดินฉีกออกมาจากฝูงชน

“มันจะดีกว่านะถ้าปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการ อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกเลย”

วินาทีนั้น ทุกสายตาต่างหันขวับไปมองต้นเสียง

—เป็นฉินเฟิง!

ฉินเฟิงเดินมาหยุดข้างๆซินเจี่ยหยู สายตากวาดมองมือของเจี่ยหยูบนไหล่ของเซ่าหง ปากเอ่ยลอยๆออกมา

“นายน้อยซิน มือข้างนี้ นายไม่ต้องการมันอีกแล้วใช่ไหม?”

เจี่ยหยูพอได้ฟังก็สั่นสะท้าน ชักมือออกโดยไม่รู้ตัว

ฉินเฟิงหัวเราะ หึ คำหนึ่ง

ใบหน้าของซินเจี่ยหยูแดงก่ำ แต่เวลานี้มันสายเกินไปแล้วที่จะยื่นมือออกไปอีกครา ทำได้แค่แนบมันไว้นิ่งๆข้างลำตัว

เห็นถึงฉากตรงหน้า สีหน้าของซินเซิงก็เริ่มปรากฏถึงกลิ่นอายสังหาร

“ผู้ว่าการฉินช่างเป็นคนหนุ่มที่เลือดร้อนซะจริง แต่ในเมื่อคุณต้องการแสดง เช่นนั้นทุกคนในที่นี้ก็ยินดีรับชม!”

ซินเซิงเป็นคนแรกที่ปรบมือนำ

คนอื่นๆจึงเริ่มปรบมือตามกันเบาๆ

บรรยากาศกลายเป็นหนักอึ้ง

ในตอนแรก ทุกคนล้วนคิดไปในทำนองเดียวกันว่าเซ่าหงคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่มีใครคาดคิดเลย ว่าจะมีใครคนหนึ่งก้าวออกมาช่วยเหลือเขาอย่างกระทันหัน

หรืออาจกล่าวได้ว่ายินยอมรับความตายด้วยตัวเองดี!

“ผู้ว่าการฉิน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”

ผู้นำตระกูลเซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

ฉินเฟิงยิ้ม “มิสเตอร์เซ่าไม่ต้องเกรงใจไป หากคุณไม่มั่นใจในตัวผม ก็สามารถเข้ามาด้วยกัน ชมดูข้างในให้มันชัดๆได้”

เซ่าหงพอได้ยินฉินเฟิงพูดแบบนั้น ในหัวใจก็บังเกิดความกลัดกลุ้ม

เพราะหากฉินเฟิงตาย หลังจากนั้นยังไงมันก็ตาของเขาและคนอื่นๆอยู่ดีมิใช่หรือ พอขบคิดก็เหลียวหลัง กวาดสายตามองไปยังหลายๆคนที่ทำให้ตระกูลซินต้องขุ่นเคือง

คนเหล่านี้ ไม่มีกำลังมากพอที่จะสะกิดจามรีเขาสายฟ้าด้วยซ้ำ

“ประเสริฐ! งั้นก็มาตายด้วยกัน!” เซ่าหงกล่าวหนักแน่น เดินตามหลังฉินเฟิงมา ก้าวตรงเข้าสู่อาณาเขตโล่พลังงาน

ฉินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่ตนเอ่ยปาก มันก็แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น

“เห? นี่มันชักจะน่าสนใจซะแล้วสิ”

ฉินเฟิงเดินมาถึงขอบโล่พลังงาน ช่องทางเดินเล็กๆเปิดออกโดยอัตโนมัติ ปล่อยให้ฉินเฟิงและเซ่าหงเดินเข้าไปข้างใน

หลังจากโล่พลังงานปิดลง กรงขนาดใหญ่ก็เริ่มเปิดออก ปลดล็อคโซ่ตรวนภายใน

จามรีเขาสายฟ้าคำรามคลั่ง ทะยานออกจากกรง สะบัดสายฟ้ากระเซ็นไปทั่ว ทั้งสนามแสดงฝีมือรายล้อมไปด้วยแสงสีม่วง สาดประกายเปรี๊ยะๆทำให้ผู้คนที่รับชมไม่อาจลืมตามองได้อย่างเต็มตา

เปรี้ยง!

ปรากฏแสงสว่างวาบ บ่งบอกว่าการโจมตีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉากนี้ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้าน

ภายนอกโล่พลังงาน ซินเจี่ยเซิงเดินมาหยุดยืนข้างๆไป๋หลี

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ร้านขายเสื้อผ้า เขาก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับไป๋หลีอีกเลย เมื่อได้เห็นหญิงทรงเสน่ห์คนนี้อีกครั้ง ดวงตาของเขาก็ฟุ้งไปด้วยความละโมภ หมายจะครอบครอง

“คราวนี้เขาคงตายแน่ๆ ถึงฉันจะได้ยินเรื่องของเขาในเมืองหานมาบ้าง แต่นั่นไม่นับว่าเป็นเกียรติยศเลย อันที่จริงค่อนข้างธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะสัตว์ร้ายในเมืองหานน่ะเป็นแค่สัตว์ร้ายเลเวล F แต่ภายในโล่พลังงานคือสัตว์ร้ายเลเวล E –ฉินเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!”

ซินเจี่ยเซิงกล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย แสดงถึงท่าทีภาคภูมิใจในตระกูลตนที่สามารถจับสัตว์ร้ายตัวนี้มาได้

สำหรับเรื่องข้อมูลข่าวสาร แม้จะมีเครือข่ายนักสู้เชื่อมถึงกัน แต่นอกเหนือไปจากฉากสงครามสำคัญๆแล้ว เมืองต่อเมืองคล้ายถูกปิดกั้นจากกัน ไม่อาจรับทราบสถานการณ์อย่างทั่วถึงได้

ดังนั้นแม้ซินเจี่ยเซิงจะสามารถล่วงรู้ถึงข่าวในเมืองหาน แต่สิ่งที่ได้ยินและได้เห็นมันย่อมแตกต่างออกไปจากคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจริงๆเป็นธรรมดา

ซินเจี่ยเซิงย่อมไม่ทราบผลของจอแสดงเกียรติยศ ว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามมากมายเพียงใด

แต่ต่อให้เขาจะสามารถรู้ได้ ซินเจี่ยเซิงก็ไม่อยากมองมันอยู่ดี เขาคิดแค่ว่าฉินเฟิงเอาแต่สังหารสัตว์ร้ายเลเวล F ดังนั้นพอเจอเลเวล E ย่อมไม่อาจต่อกร

ไป๋หลีมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยปาก “วัวตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของที่รักฉัน”

ซินเจี่ยเซิงหัวเราะเหอะๆและกล่าว “เธออย่าทำเป็นตามืดบอด มั่นใจในตัวเขานักเลย นั่นน่ะเป็นถึงนายพลสัตว์ร้ายเลเวล — ”

ซินเจี่ยเซิงมองกลับไปยังสนามแสดงฝีมืออีกที คล้ายต้องการเห็นภาพของฉินเฟิงตกตายลงที่นั่น

ทว่าในวิสัยทัศน์ของเขา มันกลับสะท้อนให้เห็นถึงกำปั้นของฉินเฟิงที่หวดฟาดกลับไป

บนสนามแสดงฝีมือ

ภายใต้การปกคลุมของโล่พลังงาน

กำลังภายในของฉินเฟิงถูกเร่งเร้า รูนไฟเองก็ถูกกระตุ้นไปพร้อมๆกัน –กำลังภายในถูกปะทุเดือด เตรียมปลดปล่อยทักษะมีด (ที่ไม่มีมีด) ผสานเปลวเพลิง และแล้วกำปั้นก็ถูกเหวี่ยงออกไป

ในเสี้ยววินาที กำปั้นของฉินเฟิงก็พลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงและ—

–เปรี้ยง!

หนึ่งหมัดกระแทกใส่หนึ่งเขาของจามรี ธาตุไฟและสายฟ้าปะทะกันและกัน สาดเสียงอึกทึกกึกก้อง

อำนาจของมันกวาดต้นหญ้าทั้งหมดบนผืนสนามแสดงฝีมือ ฟุ้งกระจายไปตามแรงอัดอากาศ กระแทกเข้าใส่โล่พลังงานจนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงมหาศาลเป็นอย่างมาก เพราะยังไงซะกำลังภายในของเขาก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ดังนั้นมันน่าสะพรึงกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ ยังมีรูนไฟที่ช่วยขับไล่อำนาจของสายฟ้า ส่งผลให้พลังโจมตีจากกำลังภายในไม่ลดทอนอานุภาพลงเลย

หากเทียบกับความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงกับสัตว์ร้าย ปัจจุบันความแข็งแกร่งทางกายของเขาได้ก้าวมาถึงระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นแค่นายพลสัตว์ร้าย ฉะนั้นมันจะต่อกรกับเขาได้อย่างไร?

หลังจากคลื่นกระแทกขนาดใหญ่จบลง พลังงานส่วนเกิน(ธาตุต่างๆ)ถูกสลายออกไป ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาวัดความแข็งแกร่ง ว่าความทนทานทางกายภาพของใครจะสูงกว่ากัน

หมัดของฉินเฟิงตกลงบนเขาของจามรีเขาสายฟ้าและ—

—ปงงงงง!

พละกำลังอันมหาศาล สามารถทุบทำลายหนึ่งเขาจามรีจนหักโค่นลงในคราวเดียว!

เมื่อเหลือเขาเดียว อำนาจสายฟ้าก็ค่อยๆถดถอยลง ปรากฏถึงความหวาดกลัวฟุ้งในแววตาของจามรีเขาสายฟ้า

“มออออ!” จามรีเขาสายฟ้าตัดสินใจใช้ประโยชน์จากขนาดตัวอันใหญ่โต พุ่งเข้ากระแทกอย่างบ้าคลั่ง

“ท่าร่างภูติพราย!”

ฝีเท้าของฉินเฟิงคล้ายซวนเซ แต่ร่างกายกลับวูบไหวไปมายากจะจับทิศทาง โฉบหลบตำแหน่งโจมตีของศัตรูและพุ่งสวนกลับไป ในจังหวะประชิดเพียงเสี้ยววินาที หมัดที่กำแน่นพลันคลายออกเป็นฝ่ามือ กระแทกเข้าใส่กลางหัวของจามรีเขาสายฟ้าทันใด

ปึ้งงงง!

บังเกิดเสียงหนักทึบที่ฟังคมชัด ตามด้วยเสียงกร๊อบของกระดูกที่แหลกเหลว บนหัวของจามรีเขาสายฟ้า ทิ้งไว้เพียงรอยประทับของฝ่ามือใหญ่

หลังโฉบผ่านกันและกัน จามรีเขาสายฟ้าวิ่งเตลิดออกไปได้อีกกว่า 10 เมตร ก่อนทั้งตัวทั้งร่างของมันจะเริ่มเอนเอียง ร่วงกระแทกลงกับพื้นในที่สุด

ปุด ..

เลือดไหลนองออกมาตามทวารทั้งเจ็ดของจามรีเขาสายฟ้า—

—มันสิ้นใจลงแล้ว!

กระบวนการต่อสู้ทั้งหมดนี้ หากจะให้กล่าวสั้นๆ มันกินเวลาไปแค่ไม่ถึง 5 นาที!

แม้ร่างมโหฬารของจามรีเขาสายฟ้าจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว แต่ผู้คนภายนอกก็ยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี

เพราะความแข็งแกร่งที่ฉินเฟิงสำแดงออกมา หากเทียบกับก่อนหน้านี้ มันทรงพลังกว่ามากมายนัก

พริบตานั้น สภาพแวดล้อมภายนอกเงียบงันราวกับป่าช้า

คนตระกูลซินต่างกำหมัดแน่น โดยเฉพาะซินเซิงที่มีสีหน้าหม่นทะมึนลง

เขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะแกร่งถึงขนาดนี้

และเหตุการณ์คาดไม่ถึงดังกล่าว ยังทำให้ป้อมปราการ(วิธีข่มผู้ขัดขืน)ที่ตระกูลซินกระทำมาทุกปีต้องพังทลายลง และหากจะกู้มันให้ฟื้นคืนกลับมา มีเพียงหนทางเดียว

—ฉินเฟิงจะต้องตาย!!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท