โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 197

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.197 – สู้กับซินเซิง

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.197 – สู้กับซินเซิง

“อ๊ากกก!”

ผู้ใช้อบิลิตี้ไม้ตระกูลซินโหยหวนออกมา จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดหัวแทบแตก

เวลานี้มังกรไฟของฉินเฟิงผละจากหมาป่าเงาจันทร์แล้ว และเบื้องหลังของมัน ทิ้งไว้เพียงร่างสีดำไหม้เกรียม ในสภาพทั้งศีรษะถูกเผาหายไป

นายพลสัตว์ร้ายที่ถูกทำสัญญา — ตายแล้ว!

“ฉินเฟิง แก!” ซินเซิงทุบโต๊ะดังเปรี้ยง ผุดลุกขึ้นทันใด ทั้งคนทั้งร่างของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E8 ระเบิดแรงกดดันออกมา

ตอนนี้ซินเซิงโกรธแค้นจนข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว!

ณ ใจกลางมังกรไฟ เสียงที่ฟังดูคลุมเครือของฉินเฟิงดักแทรกออกมา ทว่าแม้คลุมเครือ แต่มันกลับให้ความรู้สึกราวกับเป็นเสียงของมังกรยักษ์แหกปากตะโกน

“ผู้นำซิน เรียกผมทำไมเหรอ? หรือว่าคุณไม่พอใจพอโชว์ของผม?”

ใบหน้าของซินเซิงแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

ขณะเดียวกันทั่วทั้งงานเลี้ยงก็ตกอยู่ในความอลหม่าน เหล่าผู้ชมเวลานี้ต่างหลบหนีไปซ่อนตัว งานวันเกิดของซินเซิง ถูกทำลายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงภายในโล่พลังงานก็ยังไม่หยุดลงมือ หัวมังกรยักษ์คำรามก้อง โฉบเข้าตะครุบจระเข้นอกรีตอย่างดุร้าย

“อย่านะ!”

ผู้ใช้อบิลิตี้ตระกูลซินคนสุดท้ายกรีดร้องสยดสยอง ต่อมาดวงตาของเขาก็กลอกขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว คล้ายจิตสำนึกถูกทำร้ายอย่างรุนแรง เจ็บปวดทรมานหัวแทบระเบิด สุดท้ายเป็นลมไป

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ภายในสนามแสดงฝีมือก็ไร้ซึ่งสัตว์ร้ายตัวใดอีก

สัตว์ร้ายสองตัวหลังเดิมพวกเขาต้องการใช้อวดศักดิ์ดาต่อบุคลคลสำคัญในเมืองเฉิงหยาง แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าตอนนี้ทั้งสี่ตัวจะตายไปแล้ว

ซินเซิงปรารถนาอย่างสุดแสนที่จะสังหารฉินเฟิง

ในเวลานั้นเอง ซินเจี่ยเซิงที่ยึดมั่นในความแค้นและไม่ยอมหลบหนี จู่ๆก็ระเบิดเสียงตะโกนออกมา

“ฉินเฟิง ฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอซะ!”

ดาบยาวปรากฏขึ้นในมือของซินเจี่ยเซิง คมแหลมจี้ลงบนต้นคอของไป๋หลี

ไป๋หลีไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เธอเหลือบมองซินเจี่ยเซิงด้วยสายตาเย็นชา คู่ดวงตากลับกลายเป็นตั้งตรง เปล่งกลิ่นอายสังหารประหนึ่งผู้ล่ากำลังมองเหยื่อออกมา

สีหน้าของฉินเฟิงหม่นทะมึนลง

“ฉันว่านายวางอาวุธลงจะดีกว่า มิฉะนั้น นายคงไม่อาจจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้” ฉินเฟิงกล่าว

ประโยคนี้ หากเป็นคนอื่นพูด เกรงว่ามันคงเป็นแค่การเล่นลิ้นอย่างเบาปัญญา

ซินเซิงถ่ายเทกำลังภายในไปที่ดวงตา กวาดมองไปยังไป๋หลี

เขาค้นพบว่าบนตัวไป๋หลีไม่ได้มีตราผู้ใช้พลังเลเวล E แม้นั่นจะเพราะเธอซ่อนมันไว้ก็ตาม แต่ผู้คนรอบข้างก็ยังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของเธอ อยู่ดี

ยังไงก็ตาม จะประมาทไม่ได้ เพราะข่าวจากเมืองหานได้รายงานมาว่าผู้หญิงคนนี้เองก็เป็นผู้ใช้พลังเช่นกัน

ดังนั้นคำเตือนของฉินเฟิงไม่อาจละเลย แต่เขาก็จะปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน

“พาเธอมาหาฉัน!”

ซินเซิงชี้ไปทางไป๋หลี ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดจะกุมจุดอ่อนของฉินเฟิง

ในเวลานั้นเอง ทั้งคนทั้งร่างของไป๋หลีก็วูบไหวทันใด

เธอย่อเท้าหลบเลี่ยงคมดาบของซินเจี่ยเซิง ง้างมือข้างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ ปรากฏกรงเล็บที่โค้งมนบนฝ่ามือ ตะปบฉีกผ่านอากาศที่ว่างเปล่า

วูซซซ!

กรงเล็บฟาดเข้าใส่ร่างของฉินเจี่ยเซิง

พรวด!

บาดแผลขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนตัวเขา ร่างของซินเจี่ยเซิงราวกับผ้าขี้ริ้ว ปลิวละลิ่วไปไกล

“บังอาจ!”

เมื่อเห็นไป๋หลีทำร้ายรุ่นเยาว์ของตน คนในตระกูลซินก็กลายเป็นโกรธแค้น แน่นอนพวกเขาหวาดกลัวฉินเฟิง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง ดังนั้นจึงหันมาลงมือกับไป๋หลีแทน พยายามที่จะจับกุมตัวเธอ

แต่ไป๋หลีมีหรือจะยอมให้พวกเขาจับ?

เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินเฟิงคำรามคลั่ง พวกมันปิดล้อมไป๋หลี คิดจะทำร้ายเธอ แม้เขาจะทราบว่าไป๋หลีน่ะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังอดเคืองไม่ได้อยู่ดี

“จงเปิดทางให้ฉัน!”

ฉินเฟิงยกมือขึ้น พลังสมาธิระเบิดออกมา มังกรไฟที่ว่ายเวียนรอบกายคำรามก้อง หัวมังกรยักษ์โผเข้ากระแทกโล่พลังงานโดยตรง

บนโล่พลังงานกระเพื่อมไหวเป็นคลื่นราวถูกพายุคลั่ง มันสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันของพลังสมาธิและรูนของฉินเฟิง สุดท้ายมันก็มิอาจทานรับไหวอีกต่อไป

ตูม!

บนพื้นดิน อุปกรณ์โล่พลังงานเกิดการระเบิดขึ้น ปล่อยควันสีดำลอยคละคลุ้งและ–

–ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!!

อุปกรณ์โล่พลังงานชิ้นแล้วชิ้นเล่าทยอยกันระเบิดออก

สะเก็ดไฟฟุ้งกระจายไปทั่วฟ้า ฉากนี้ราวกับฝนดาวตกก็มิปาน

ฉินเฟิงกระโจนออกมาจากภายในโดยมีมังกรไฟว่ายวนอยู่รอบตัว ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังบดขยี้ผู้คน

“ไอ้หนู จะอาละวาดเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้ว!”

แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่ซินเซิงไม่กล้าดูถูกฉินเฟิง เขาเฝ้ารอจนหนึ่งฝ่ามือระดมกำลังภายในจนเต็มเปี่ยมถึงค่อยฟาดออกไป หมายกระแทกเข้าใส่ฉินเฟิง

“ไสหัวไปให้พ้น!”

ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด ร่างมังกรไฟที่ว่ายวนรอบกายเขาผุดหัวออกมาอีกครั้ง โผเข้าหาซินเซิง

กำลังภายในของซินเซิงปะทุเดือด พุ่งเข้าดับเปลวเพลิง ในฐานะผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E8 กำลังภายในที่เขาครอบครองจึงอยู่ในรูปลักษณ์ 8 ทะเลเมฆ มันฟุ้งไปด้วยความแข็งแกร่งกล่าวได้ว่ามากพอสำหรับต่อกรกับใครบางคนที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่เลเวล E ข่มอีกฝ่ายจนพ่ายแพ้ได้

แน่นอน ว่าทฤษฏีที่ว่ามันสำหรับคนทั่วไป หากเป็นฉินเฟิงย่อมสามารถต่อกรได้

เพราะเขาครอบครองทักษะลับกลืนดาราและพลังพิเศษดูดกลืน ส่งผลให้แม้เขาเพิ่งจะก้าวขึ้นสู่เลเวล E แต่ก็ครอบครองกำลังภายในรูปแบบทะเลเมฆได้ถึง 9 แล้ว

หรือสรุปง่ายๆก็คือ กำลังภายในของเขา มันมีปริมาณมากกว่าซินเซิงระดับหนึ่ง

–กำลังภายในอันแข็งกร้าวโถมเข้าคิดปราบพยศมังกรไฟ ท่าทีของซินเซิงดูดุดันโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เขากระโจนเข้าไปในทะเลเพลิงอย่างไม่ลังเล ปากร้องตะโกน

“ตายซะเถอะ!”

วินาทีนั้นในสมองของซินเซิงขบคิด : อัจฉริยะที่เป็นลูกรักของพระเจ้า ได้จบชีวิตลงอีกคนแล้ว และตระกูลซินสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมาได้ เรื่องน่าขายหน้าจะถูกลบเลือน กลับสู่ความภาคภูมิอีกครั้ง

–และไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าล่วงเกินตระกูลซิน จุดจบของมันคือต้องตายดั่งสุนัข!

ซินเซิงระเบิดการโจมตีที่รุนแรงอย่างหาที่ใดเปรียบ กระแทกฝ่ามือตรงเข้าทุบทำลายมังกรของฉินเฟิง

แต่ในตอนนั้นเอง มังกรไฟกลับกระชากคอของมันกลับ เผยโฉมให้เห็นถึงฉินเฟิงที่ยืนอยู่ใจกลางทะเลเพลิง โดยมีมังกรไฟว่ายวนอยู่เบื้องหลังเขา ราวกับกำลังรับหน้าที่เป็นฉากหลัง

กำลังภายในของฉินเฟิงถ่ายเทไปยังกำปั้นของตน ง้างแล้วเหวี่ยงสะบัดสวนออกไป เปลวเพลิงนับร้อยพันเคลื่อนตาม แตกดอกผลิบานรอบกำปั้นนี้ คล้ายสร้างภาพข่มศัตรู ว่าอำนาจของมันสามารถทุบทำลายได้แม้กระทั่งผืนปฐพี!

ปงงงงง!

หนึ่งหมัดของฉินเฟิง ปะทะกับหนึ่งฝ่ามือของซินเซิง

เปรี้ยงงงงง!!!

ยามเมื่อทั้งสองปะทะกัน ก่อเกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่ กระแสอากาศอันทรงพลังกวาดทุกสิ่งรอบตัวปลิวออกไป ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้ที่วางไว้ก่อนหน้านี้ แหลกเป็นเสี่ยงๆ

ปรากฏถึงความเหลือเชื่อในสายตาของซินเซิง

กำปั้นในฝ่ามือของเขา คอยระเบิดกำลังภายในออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง และปราณอันแข็งกร้าวของมันกำลังหลอมละลายกำลังภายในบนฝ่ามือของเขา

“ทักษะลับกลืนดารา!” ฉินเฟิงตะโกนขึ้นทันใด

พริบตานั้นกำลังภายในจากกำปั้นของเขา จากแต่เดิมคอยต่อต้าน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นดึงดูด วินาทีต่อมา ตันเถียนของซินเซิงก็คล้ายเขื่อนที่แตกออก กำลังภายในของเขาลดลงฮวบๆอย่างบ้าคลั่ง

ยังไม่พอ เขื่อนแตกที่ว่านั่นกำลังไหล่เข้าสู่กำปั้นภายใต้การควบคุมของฉินเฟิง!

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”

ซินเซิงสะบัดหน้าขึ้นด้วยความตกใจ แต่ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ยาวนานหลายทศวรรษ ทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย

ซินเซิงหมุนข้อมือ เปลี่ยนฝ่ามือตนเป็นกำปั้น พยายามที่จะถอนมือกลับคืน

แต่เขาเพียงขยับ ฉินเฟิงก็เคลื่อนไหวตาม กำปั้นพลันคลายออก เปลี่ยนหมัดที่เกร็งแน่นเป็นฝ่ามือ ฉกตะครุบกำปั้นของซินเซิง มิยืนยอมปล่อยให้ผละจากไป

ฉากการต่อสู้กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง ทว่าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นฉินเฟิงที่ดูดซับกำลังภายในจากซินเซิงอย่างต่อเนื่อง

“ไม่นะ! ใครก็ได้ รีบมาช่วยฆ่ามันเร็วเข้า!” ซินเซิงร้องโวยวาย เวลานี้เขาทำได้เพียงหวังพึ่งคนอื่นๆ

ทว่าคนอื่นๆที่เขาคิดหวังพึ่งในเวลานี้ ยังคงปิดล้อมไป๋หลี เห็นแค่เพียงเธอที่สะบัดกรงเล็บออก ทิ้งร่างของซินเจี่ยเซิงที่ก้าวสู่ความตายไปครึ่งก้าวแล้วลงกับพื้น โดยสภาพของอีกฝ่าย ปรากฏรอยแยกตรงหน้าอก และมีหัวใจเต้นตุบๆอยู่ภายนอก

ตระกูลซินคนอื่นๆได้ตระหนักแล้วว่าไป๋หลีนั้นร้ายกาจเพียงใด ทั้งหมดตื่นตัวถึงขีดสุด ตั้งท่าป้องกัน

ปัจจุบันอาวุโสทั้งสี่คนพบว่าไม่อาจจับกุมตัวไป๋หลีได้ ทั้งยังมีคนหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บจากเธอ

เมื่อได้ยินเสียงร้องของซินเซิง พวกเขาก็ตัดสินใจละทิ้งไป๋หลี โจนทะยานเข้าหาฉินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท