โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 199

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.199 – เป็นที่จดจำ

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.199 – เป็นที่จดจำ

เนื่องจากเป็นตระกูลซินที่คอยรังควานฉินเฟิงหลายครั้งหลายคราไม่ยอมรามือ

ปัจจุบัน พวกเขาเลยได้รับผลจากเมล็ดที่ตนหว่าน รับกรรมที่ก่อเอาไว้ในที่สุด

ตระกูลซินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเห็นด้วยกับข้อเสนอของฉินเฟิง ยอมจ่ายเงิน เงินที่มีแทนคำขอโทษ และอ้อนวอนให้ฉินเฟิงยอมปล่อยพวกเขาไป

แต่ละคนมองหน้ากัน สุดท้ายขบกรามแน่น พากันพยักหน้า

“ไม่แน่ใจว่ามิสเตอร์ฉินจะพอใจหรือไม่ ทางตระกูลซินของพวกเรา มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญก็จริง แต่ในปัจจุบันมีทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายอยู่แค่ 4 พันล้านเท่านั้น พวกเราขอใช้ 4 พันล้านซื้อชีวิตของทุกคนในตระกูล … ”

สายตาของฉินเฟิงกวาดมอง เวลานี้ทั่วบริเวณ มีเลเวล E ทั้งหมด 7 คน และเลเวล F อีกมากมาย เงิน 4 พันล้านนับว่าเหมาะสม!

และเป็นไปตามความคาดหมายของเขา ตระกูลใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงหยาง มีมูลค่าทรัพย์สินหลายหมื่นล้านจริงๆ นี่นับว่ามหาศาลจนน่าตกใจ

ดังนั้นหมายความว่าในครั้งนี้ ฉินเฟิงเพียงเฉือนเนื้อของตระกูลซินไปแค่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น

“ตกลง”

ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็นชา

ซินเจี่ยหยูเร่งดำเนินการด้วยมือที่สั่นเทา ระดมทุนของตระกูล แล้วโอนไปยังฉินเฟิง คราวนี้ตระกูลซินนับว่าเจ็บสาหัสจริงๆ

และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ถึงจะสามารถฟื้นฟูตนเองให้กลับมายืนหยัดได้ดังเดิมอีกครั้ง

แต่เกรงว่าซินเจี่ยหยูคงยังไม่ทราบ ว่านอกเหนือไปจากตน เลเวล E คนอื่นๆในที่นี้ ทั้งหมดกลายเป็นคนพิการไปแล้วด้วยน้ำมือของฉินเฟิง!

ชะตากรรมของตระกูลซินน่ะ ถึงวาระแล้ว

ฉินเฟิงได้รับการแจ้งเตือนเงินเข้าผ่านอุปกรณ์สื่อสาร เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ ปากเอ่ยกล่าว “ขอบคุณที่เชิญฉันมาร่วมงานเลี้ยง รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น”

ใบหน้าของทุกคนหม่นหมอง ‘ต้อนรับอย่างอบอุ่นอย่างงั้นหรือ? พวกเขาไม่น่าเชิญฉินเฟิงมาเลย! เป็นเพราะแผนการของเจ้าหมอนั่นแท้ๆ!!! ’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ตระกูลซินก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว หนึ่งในนั้นเอ่ยปากออกมา “ช้าก่อนผู้ว่าการฉิน อันที่จริงพวกเราไม่ได้ต้องการเชิญคุณมาที่นี่ แต่เป็นแผนของรองผู้ว่าการสถานชุมชนเฉิงเป่ยของคุณ ฉันคิดว่าระหว่างเขากับคุณคงมีบางอย่างไม่ลงรอยกัน และนั่นคือเหตุผลที่พวกเราต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ หวังว่าคุณคงรู้ว่าใครคือศัตรูที่แท้จริง!”

ฉินเฟิงเริ่มก้าวเท้า ค่อยๆเดินออกไป และไม่ลืมคว้ามือเล็กๆของไป๋หลี มาควงแขนตน

ทั้งสองเดินเคียงคู่จนใกล้จะละสายตาจากไป แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินถึงเสียงโวยวายที่ดังขึ้นจากเบื้องหลัง เป็นเสียงหัวเราะเริงร่าที่ฟังดูคลุ้มคลั่ง

“โจรบาปซิน มอบชีวิตให้ฉัน!”

เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากเบื้องหลัง และเสียงนี้ ทุกคนที่มาร่วมงาน ไม่ว่าใครก็จดจำมันได้เป็นอย่างดี

–เป็นเสียงของเซ่าหง!

แม้ฉินเฟิงจะจากไปแล้ว ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เซ่าหงไม่เคยจากไปไหน สิ้นวาจา ปืนใหญ่พลันปรากฏขึ้นในมือเขา ลั่นไกออกไปทันที

ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เกิดการต่อสู้ในสวนหลังบ้าน ฉินเฟิงลอบทำลายอุปกรณ์ปิดกั้นมิติไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเซ่าหงเห็นซินเซิงล้มลงกับพื้นในสภาพน่าอนาถ ทั้งยังอาวุโสคนอื่นๆในตระกูลซินที่มีสภาพไม่ต่างกัน ก็พาลนึกไปถึงเรื่องลูกชายตนที่ไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นหรือตาย เจตนาฆ่าก็ลุกโชนขึ้นทันใด

และเนื่องจากตัวระงับอุปกรณ์รูนมิติถูกทำลายลงแล้ว ดังนั้นเซ่าหงจึงสามารถเรียกปืนใหญ่มือออกมาได้ เขาจ่อปากกระบอกไปทางซินเซิง อันที่จริง อานุภาพของมันไม่โดนแค่ซินเซิงเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E อีก3คนที่ปิดล้อมฉินเฟิงอีกด้วย

โดยที่เซ่าหงไม่รู้ตัวเลย ว่าตนกำลังวิ่งเต้นไปตามแผนการของฉินเฟิง และเขาสามารถทำสำเร็จได้อย่างงดงาม!

บรึ้มมมม!!

เพียงกระสุนนัดเดียว สามารถสังหารผู้ใช้พลังเลเวล E ได้ถึง 4 คน! เมื่อเห็นฉากนี้ เลือดลมของเซ่าหงก็เดือดพล่านกลายเป็นบ้า!

“ตระกูลซินทุกคนที่นี่จะต้องตาย!”

“สารเลว!” เห็นภาพตรงหน้า ซินเจี่ยหยูก็โกรธแค้นสุดแสน กระโจนออกไปหมายจะสังหารเซ่าหง

แต่ในมุมอับ อีกคนหนึ่งก็ทะยานออกมาขัดขวางเขาอย่างกระทันหัน ปากอ้าตะโกนสุดเสียง

“ตระกูลซินจะต้องพินาศ!”

“ทุกคนยังมัวรออะไรอยู่? จะปล่อยให้ตระกูลซินกลับมาตั้งตัวและข่มเหงพวกเราอีกรึไง? โอกาสแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว มาระบายความคับแค้นที่สั่งสมมานานปีกันเหอะ!”

“ขุดรากถอนโคนพวกมันให้สิ้นซาก! ฆ่าตระกูลซินให้หมด!”

“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!”

ราวกับบังเกิดแรงกระตุ้นยากจะหยุดยั้ง ชายในมุมมืดอีกคนโฉบออกมา ลอบโจมตีซินเจี่ยหยู

ก่อนหน้านี้ซินเจี่ยหยูเคยได้รับบาดเจ็บที่มือโดยฉินเฟิง ทั้งยังบาดเจ็บจากสัตว์ร้ายกอริลลา ตอนนี้กำลังภายในยังไม่ฟื้นฟู เมื่อถูกปิดล้อม มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดคนเหล่านั้น

“ไอ้พวกสารเลว สมองพิการไปแล้วรึไง ถึงได้กล้ามายั่วยุตระกูลซินของฉัน!”

“ตระกูลซินแล้วยังไง? เหอะ! พวกแกมันจบสิ้นแล้ว!!”

“เวลาแบบนี้ยังทำตัวหยิ่งผยองอีกหรือ”

“ช่วยกันรุมฆ่ามันซะ!”

ผู้คนทั้งหมดโถมเข้าโจมตี แม้จะไม่สามารถสังหารซินเจี่ยหยู แต่ก็ก่อกวนติดพันอีกฝ่าย จนซินเจี่ยหยูไม่อาจขัดขวางเซ่าหงที่กำลังคลุ้มคลั่งได้

หัวใจของเซ่าหงเต้นครึกโครม เขารู้สึกว่าความขับข้องใจกำลังถูกชำระล้าง เปลี่ยนปืนใหญ่ในมือเป็นปืนกลเบา จ่อลงกับพื้นในตำแหน่งที่ผู้ใช้อบิลิตี้ไม้ของตระกูลซินนอนสลบไสลอยู่ และ–เปรี้ยง!

….

ทางด้านฉินเฟิง เมื่อเขาเดินออกมาถึงประตูหน้าของตระกูลซิน ก็พบกับใครบางคนที่ไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ และใครบางคนที่มีแผนจะกระทำการโหดเหี้ยมยิ่งกว่าอยู่ในใจ แต่กำลังเฝ้ารอโอกาสเหมาะ

และคนที่กล่าวมา ได้แก่อันเจิ้งเว่ย , เฉิงโจว และตัวแทนคนอื่นๆจากตระกูลใหญ่

เวลานี้พวกเขามองฉินเฟิงด้วยแววตาที่แตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ผู้ว่าการฉิน .. ”อันเจิ้งเว่ยมองฉินเฟิงด้วยความซับซ้อนในแววตา ทั้งยังเผยถึงร่องรอยของความเคารพเทิดทูน

“ผู้จัดการอัน คุณยังรออยู่หรอ?” ฉินเฟิงตอบด้วยท่าทีสบายๆ

อันเจิ้งเว่ยถอนหายใจ หากไม่ได้มาเห็นด้วยตาตนเอง คงไม่มีใครเชื่อเลย ว่าเด็กคนนี้

จะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเมืองเฉิงหยางได้โดยลำพัง

“ผู้ว่าการฉิน ราคาสินค้าที่ฉันทำการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าคุณคิดว่ามันโอเคแล้ว ฉันยินดีจ่ายมันให้คุณทั้งหมดได้เลยในทันที! เพราะกว่าจะรอจนทุกอย่างแล้วเสร็จ มันเชื่องช้าเกินไป เกรงว่าคุณจะเสียเวลา!”

สินค้ายังขายไม่หมด แต่กลับสามารถได้รับเงินล่วงหน้า แบบนี้ไม่เท่ากับอีกฝ่ายเฉือนเนื้อตัวเองมาจ่ายให้เขาหรอกหรือ? เหตุการณ์อะไรแบบนี้นับว่าเกิดขึ้นได้น้อยครั้งมากๆ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงรู้ดี ว่ามันคือการแสดงความปรารถนาดีของอันเจิ้งเว่ย

—นี่แหละคือประโยชน์ของ ‘ความแข็งแกร่ง’ ล่ะ!

“งั้นคงต้องขอรับน้ำใจเอาไว้ ขอบคุณผู้จัดการอันมากจริงๆ”

“ด้วยความยินดี ด้วยความยินดี!” อันเจิ้งเว่ยเร่งกล่าว เขาไม่กล้ารับคำขอบคุณของฉินเฟิง ทำการโอนเงินส่งให้ฉินเฟิงโดยตรง ในชั่วพริบตา อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็แจ้งเตือน มันระบุว่ามีเงินในบัญชีกว่า 7 พันล้านเหรียญ!

เฉิงโจวก็เดินเข้ามาด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่ทราบว่าจะพูดคุยกับฉินเฟิงอย่างไรดี เพราะปัจจุบัน ทั้งสองไม่ได้ยืนอยู่ในจุดเดียวกันอีกต่อไป ตอนแรกทั้งสองยังต่อสู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบนสังเวียนอยู่เลย แต่ตอนนี้ฉินเฟิงกลายเป็นการดำรงอยู่ที่เทียบเท่ากับผู้นำตระกูลเฉิง , ฝู และเหอไปแล้ว

แน่นอน ว่าสาเหตุย่อมมาจากการที่เขาสามารถโค่นตระกูลซินลงได้

“ผู้ว่าการฉิน หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง และครั้งหน้าฉันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้” เฉิงโจวกล่าวด้วยความเคารพ

“อืม หวังว่าจะได้พบกันอีก”

คนจากอีกสองตระกูลเมื่อเห็นฉากนี้ ก็หันมองกันและกัน ก่อนจะพยักหน้าและโค้งคำนับให้แก่ฉินเฟิง เอ่ยทักทายเล็กๆน้อยๆแล้วกล่าวคำอำลา

ฉินเฟิงขอให้ไป๋หลีเรียกรถล่องเวหาออกมา และขับจากไป ทั้งหมดยืนส่งฉินเฟิงด้วยความเคารพ

เมื่อฉินเฟิงลับสายตา แต่ละคนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

‘ตระกูลซินจบสิ้นแล้ว’

จากนี้ไปขั้วอำนาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และการแบ่งผลประโยชน์ที่ตามมาในภายหลัง คงเกิดการนองเลือดขึ้นไม่น้อย แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการลอบกระทำในเงามืด

อย่างไรก็ตาม ชื่อๆหนึ่งจะกลายเป็นที่จดจำ–

—-ฉินเฟิง!

พวกเขาไม่กล้าดูถูกวัยรุ่นคนนี้อีกต่อไป

ก่อนหน้านี้ แม้ฉินเฟิงจะเป็นคนโค่นแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กระดับราชันย์ในเมืองหาน , ประลองบนสังเวียนเอาชนะติดต่อกัน 21 นัด จวบจนสามารถได้รับโลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล E จากเมืองฟูเฉิง

พวกเขาก็ยังไม่อยากยอมรับ ไม่เต็มใจที่จะเชื่อ ยังคงสงสัย และมองหาข้อขัดแย้งมากมาย ที่จะปฏิเสธวัยรุ่นคนนี้

แต่ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเกินไป

ด้วยเวลาสั้นๆ

เขี้ยวเล็บของเขาก็เผยโฉมออกมา และทำลายความรู้ความเข้าใจเดิมของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง

เกรงว่าในอนาคต ฉินเฟิงคงไม่พ้นได้กลายเป็นหนึ่งในตัวตนทรงอำนาจแห่งเมืองเฉิงหยางอย่างแน่นอน!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท