โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 233

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.233 – กำไรมหาศาล

หนึ่งวันต่อมา

ฉินเฟิงยังคงอยู่ในโพรงใหญ่ ทำสมาธินั่งขวาทับซ้าย

“ฟู่ว!”

หลังผ่อนลมหายใจยาว เจ้าตัวก็ลืมตาขึ้น

ปัจจุบัน ในตันเถียนของเขามีทะเลเมฆอยู่มากถึง 33 ชั้น

ท่ามกลางการต่อสู้ชุลมุนเมื่อวาน แม้ผู้ใช้วรยุทธโบราณส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกฉินเฟิงสังหาร แต่ตายก็คือตาย เทคนิคลับกลืนดาราถูกเปิดใช้งานอย่างลับๆ กำลังภายในของผู้คนที่โดนสังหาร ทั้งหมดถูกสูบออกมาโดยฉินเฟิง

ด้วยเหตุนี้เอง กำลังภายในของฉินเฟิงถึงก้าวกระโดดไปอีกขั้นหนึ่ง

อีกทั้งยังมีพลังพิเศษดูดกลืน ที่สูบพลังงานจากกองทัพจระเข้มังกร ส่งผลให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก้าวขึ้นมาสู่เลเวล E 3 เป็นที่เรียบร้อย

กล่าวได้ว่าการเดินทางข้ามมิติในครั้งนี้ ฉินเฟิงสามารถฟันกำไรได้อย่างมหาศาล

แต่สิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้มากที่สุด คงไม่พ้นด้านทรัพยากร

ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา นอกจากนั่งสมาธิแล้วฉินเฟิงไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย แต่เป็นไป๋หลีที่เดินเล่นระหว่างรอ ออกล่าสมบัติไปพลางๆ และได้หยิบอุปกรณ์รูนมิติจากผู้ใช้พลังที่ถูกฝูงจระเข้มังกรสังหารลงติดไม้ติดมือกลับมา ปัจจุบันฉินเฟิงเลยมีอุปกรณ์รูนมิติอยู่ในครอบครองมากถึง 40 ชิ้น

บอกเลยว่าหากให้นับสินสงครามที่เก็บรวบรวมมาได้ในเวลานี้ คงไม่สามารถทำได้!

เพราะยังไงซะ เขายังไม่ได้จัดระเบียบมัน อีกทั้งยังมีจำนวนมหาศาลเกินไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าตลอดทั้งเกาะแห่งนี้ นอกเหนือไปจากพลังงานทางจิตวิญญาณแล้ว มันไม่หลงเหลือสมบัติใดอยู่อีกต่อไป!

“มาเถอะไป๋หลี ได้เวลากลับกันแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว

เมื่อมีปรมาจารย์มิติอย่างไป๋หลี ฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเสียอุปกรณ์รูนมิติเพื่อสร้างตัวเชื่อมมิติ เขาถึงขั้นสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปยังสถานที่ใด ไม่จำเป็นต้องเป็นพิกัดมิติเดียวกันกับที่ผู้ใช้พลังคนอื่นๆจากไป ดังนั้นเจ้าตัวเลือกกลับสู่สถานชุมชนเฟิงหลีโดยตรง

หลังจากทำการข้ามมิติ ฉินเฟิงและไป๋หลีก็ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์บนภูเขาแม่

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!”

พอกลับมาถึงสถานชุมชนเฟิงหลี อุปกรณ์สื่อสารของทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง! แต่เรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้ เนื่องจากโดยปกติแล้วตัวอุปกรณ์สื่อสาร หากไม่นับฟังก์ชั่นตรวจสอบแล้ว มันไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกเลยหากอยู่ในมิติอื่น

ด้วยเสียงข้อความที่ดังเข้ามาถี่ยิบเช่นนี้ ก็พอจะบอกได้ว่ามีหลายคนเลยที่เป็นห่วงเขา

ฉินเฟิงเปิดฟังก์ชั่นข้อความ และพบว่าชิหลง , ฮั่นเจียน และหลิงหวูยี่ต่างก็ส่งข้อความมาหาตน กระทั่งระดับสูงจากสถานชุมชนเฟิงหลีก็เช่นกัน ทั้งหมดสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขาหายตัวไป

ฉินเฟิงกดคลิกเปิดข้อความของฮั่นเจียน : ‘ผู้ว่าการฉิน ถ้าคุณกลับมาแล้ว โปรดรีบออกจากพิกัดที่ได้รับมาตอนแรกในทันที! เวลานี้เมืองไห่เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ ปัจจุบันมันอยู่ภายใต้การครอบครองของเล่ยเฉิน พิกัดก่อนหน้านี้เดิมเป็นตำแหน่งของเล่ยเฉิน พอพวกเราถูกส่งตัวกลับมา เล่ยเฉินก็บังคับเรียกเก็บเงินพวกเราเป็นค่าชดเชยกว่า 200 ล้านเหรียญ … สารเลวเอ๊ย!’

และเขาก็เริ่มเปิดข้อความอื่นๆ

‘ผู้ว่าการฉิน คุณยังไม่กลับมาอีกหรือ?’

‘ผู้ว่าการฉิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?’

‘ผู้ว่าการฉิน …. ’

ฉินเฟิงเริ่มทยอยตอบกลับ ทีละคน

‘นายพลฮั่น พอดีว่าผมมีพิกัดมิติของสถานชุมชนอยู่ก่อนแล้ว เลยสามารถกลับมาที่เฟิงหลีได้โดยตรง เอาไว้คุณกลับมา แล้วพวกเขาค่อยมาแบ่งสมบัติกัน!’ ฉินเฟิงส่งข้อความเสียงไป

‘ชิหลง ผมกลับมาที่สถานชุมชนเฟิงหลีแล้ว เดี๋ยวจะวิดีโอคอลหาคุณในภายหลัง ว่าแต่คุณอยากให้แบ่งสินสงครามเป็นทรัพยากร หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินเลยดี? ’

‘หลิงหวูยี่ รีบกลับมายังสถานชุมชนเฟิงหลีโดยด่วน!’

ส่วนเรื่องเงินค่าชดเชยที่กลุ่มเล่ยถัง หรือว่าเล่ยเฉินต้องการ ฉินเฟิงเพียงสบถเสียงเย็นชา : จ่ายให้โง่สิ!

เพราะยังไงซะ ฉินเฟิงก็กลับมายังสถานชุมชนเฟิงหลีแล้ว ดังนั้น ต่อให้มือของเล่ยเฉินยาวคับฟ้าเพียงใด มันก็ไม่สามารถเอื้อมมาถึงที่นี่ได้

ทยอยตอบข้อความสำคัญเสร็จ ฉินเฟิงก็แจ้งแก่คนในสถานชุมชนว่าเขากลับมาแล้ว ถ้ามีธุระอะไร ให้มาเจอเขาได้ที่คฤหาสน์

เพราะตอนนี้ฉินเฟิงยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ

“มาเถอะไป๋หลี ไปสวมบทชาวไร่กัน!”

“นี่แหละคำที่รอคอย!”

อย่างที่บอกไป ก่อนหน้านี้ไป๋หลีบอกว่าอยากจะมีสวนเป็นของตัวเอง ฉินเฟิงเลยสั่งเปลี่ยนน้ำพุหน้าคฤหาสน์ ให้กลายเป็นทางน้ำไหลขนาดเล็ก

ฉินเฟิงโยนหินพลังงานธรรมชาติที่เขาได้รับมาจากทุ่งล่าลงไปในธารน้ำ อีกทั้งยังวางหอยมุกเงินที่ยังมีชีวิตอยู่ลงไป และนำสมุนไพรบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาไปปลูกรอบๆ เพื่อให้มันได้ซึมซับพลังงานธรรมชาติ

ส่วนสมุนไพรดอกหญ้าทมิฬและต้นอื่นๆที่เก็บเกี่ยวได้จากในโพรงถ้ำ ทั้งหมดจะถูกนำไปปลูกในสวนหลังบ้านของฉินเฟิง

เพราะพวกมันน่าจะยังไม่จำเป็นในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตพวกมันจะสามารถทำกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีพลังงานทางจิตวิญญาณจากภูเขาแม่ ที่จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น

ภายในสถานชุมชนเฟิงหลี ซูซิงฝูเป็นคนเดียวที่ตรงดิ่งเข้ามายังคฤหาสน์ ส่วนคนอื่นๆเมื่อทราบว่าเขาสบายดีก็โล่งใจ

ร่างอุดมสมบูรณ์ของซูซิงฝูก้าวมาตามพื้นหินเรียบ เมื่อพบกับคนที่ตามหา และก้มลงมองมือของฉินเฟิงและไป๋หลีเต็มไปด้วยดินโคลน เหมือนจะปลูกต้นไม้อยู่ เจ้าตัวก็ไม่ทราบจะปรับอารมณ์อย่างไรดี

ซูซิงฝูส่ายหัวสลัดความคิด เอ่ยปากกล่าว “ผู้ว่าการฉิน ยังคงดูสง่างามและสุขสบายดีเหมือนเคยเลยนะ”

เห็นได้ชัดว่านี่เขาจงใจเล่นลิ้น แต่ในไม่ช้า รอยยิ้มแป้นบนใบหน้าเขาก็เลือนหายไป กลายเป็นความประหลาดใจอย่างรวดเร็ว

“นี่ … อย่าบอกนะว่าทุกต้นเป็นสมุนไพรวิญญาณ?”

ฉินเฟิงมองไปทางซูซิงฝูอย่างอารมณ์เสีย เอ่ยปากกล่าว “คุณคิดว่าผมมีเวลาว่างนักหรือไง? ทำไมถึงไม่มอบหมายให้ผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุไม้มาคอยดูแลพวกมัน ผมหายไปแค่ครึ่งเดือน กลับมาอีกที ดอกไม้และพืชที่ปลูกไว้ก็ตายหมดแล้ว เลยต้องปลูกใหม่หมดเลยเห็นไหม!”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ปล่อยให้ไป๋หลีเพลิดเพลินไปกับบทชาวไร่ ส่วนตนแยกออกมาสนทนากับซูซิงฝูที่โถงทางเดิน

“เรื่องตลาดมืดที่ผมขอให้สร้างคราวก่อน ตอนนี้เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

“มันถูกสร้างเสร็จแล้วในสถานที่ลับ แต่ว่า … ” ซูซิงฝูหยุดคล้ายยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายตัดสินใจกล่าวตามตรง “มันจะได้กำไรจริงๆน่ะหรือ? สถานที่แบบนี้มันจำเป็นต้องมีชื่อเสียงเป็นของตัวเองนะ และที่สำคัญคือต้องมีสินค้า!”

ทุกท่านต้องทราบนะว่า ตลาดมืดที่ฉินเฟิงต้องการตั้งขึ้นนี้ หลายๆแห่งก็มีอยู่เหมือนกัน แค่เฉพาะในบรรดาสามเฉิงเท่านั้น ที่ไม่มี

—ตลาดมืดน่ะไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงว่าจะขายสินค้าที่ขโมยมาจากใคร บ้างก็รับซื้อในราคาถูก ทั้งยังมีข้อได้เปรียบทางด้านราคา สามารถแย่งลูกค้าจากร้านที่ถูกกฏหมายได้ และตลอดทั้งกระบวนการดังกล่าว ไม่มีใครสามารถตรวจสอบ

นี่เอง คือสิ่งที่เรียกกันว่าตลาดมืด

อีกอย่างเลยก็คือ ของส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาวางขาย มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับมาจากการสังหาร

ส่วนใหญ่แล้วตลาดมืดในสถานชุมชน มักจะถูกก่อตั้งขึ้นโดยองค์กรมืด … แต่ก็นั่นล่ะนะ คนอย่างองค์กรมืดจะมีความซื่อสัตย์ซักแค่ไหนกันเชียว?

เกรงว่าหลังจากที่คุณซื้อของดีในราคาถูกไป พอออกมา คุณอาจจะถูกลอบสังหารในทันทีเลยก็ได้ แล้วของที่คุณเพิ่งซื้อไปก็จะถูกนำมาวางขายอีกครั้ง ในขณะที่ทั้งเงินออมและชีวิตของคุณถูกนำมาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์

ดังนั้น หากกล่าวว่าต้องการจัดตั้งตลาดมืด ก็จำเป็นต้องแสดงออกถึงสถานะให้มันชัดเจน ซื่อสัตย์ และมีสต็อกสินค้าอยู่มากพอ

เรื่องสถานะ ฉินเฟิงน่ะผ่านฉลุย แต่ชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ยังคงต้องสั่งสมอีกหน่อย สำหรับเรื่องสินค้าที่ซูซิงฝูกล่าว—

“–คุณลองดูของพวกนี้สิ ทั้งหมดไม่ได้มาจากสถานชุมชน แต่เป็นสินค้าที่ผมได้รับมาเป็นการส่วนตัว นี่น่าจะใช้เป็นตัวชูโรงได้!”

ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็โยนกระเป๋าเป้ใบหนึ่งลงบนโต๊ะ

ซูซิงฝูเปิดดูมันด้วยความสงสัย

“มีของดีอะไรงั้นหรือ?”

แค่กระเป๋าเป้เล็กๆใบเดียว มันจะจุสินค้าได้สักกี่อย่างกัน?

ทว่าเมื่อซูซิงฝูเปิดกระเป๋า เขาก็ต้องผงะ!

เพราะภายใน มันเต็มไปด้วยอุปกรณ์รูนมิติ!

“ผู้ว่ากา— ไม่สิ ลูกพี่ ต่อจากนี้ไปขอให้ฉันได้เรียกคุณว่าลูกพี่เถอะ!” ซูซิงฝูตื่นเต้นสุดๆ “ว่าแต่ลูกพี่ไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?”

อุปกรณ์รูนมิติละลานตาอยู่เบื้องหน้า หากให้เอ่ยบรรยาย คงเปรียบดั่งวลี ใช้เสียมขุดลงดินในตำแหน่งใด ก็ล้วนพบแต่ทองคำ!

“ใจเย็นๆก่อน มันไม่ใช่แค่อุปกรณ์รูนมิติ แต่ยังมีบางอย่างอยู่ข้างใน”

มองไปยังท่าทีตื่นตกใจของซูซิงฝู ฉินเฟิงก็เอ่ยเตือนสติ

ซูซิงฝูผงะอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์รูนมิติแต่ละชิ้นโดยละเอียด และพบว่าทุกชิ้นยังมีของอยู่ข้างในจริงๆ!

“ยอด … สุดยอดไปเลย! ฉันจะรีบไปคำนวณมันเป็นเม็ดเงินทันที!” ร่างของซูซิงฝูกระสับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น ท่าทีของเขาราวกับผีถูกเกลือสาด

แต่นั่นจะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะยังไงซะ ทรัพยากรเหล่านี้มันก็มหาศาลเกินไปจริงๆ!

“ไปเถอะ” ฉินเฟิงโบกมือ ซูซิงฝูกระโดดตัวลอยจากไป

“แต่อย่าลืมนะ ว่าถ้าขายพวกมันแล้ว ขอให้นำเงินส่วนต่างทั้งหมดที่ได้มา ไปซื้อแก่นพลังงานของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E !”

“รับทราบลูกพี่!” เสียงตะโกนของซูซิงฝูลอยแว่วมาจากสถานที่ห่างไกล

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท